อยากได้ยินจากปากตำรวจ “ประชาชนตาย ผมก็ยอมไม่ได้”

ตรงเป้า
ศรรามา

ไม่เคยมีเหตุการณ์ “รถชนคนตาย” ในประเทศไทย กลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลก เพิ่งจะมีครั้งนี้แหละ ที่สำนักข่าวต่างประเทศ A.P. และ A.F.P. รายงานข่าวชิ้นนี้พร้อมกัน ที่เป็นเช่นนั้นเพราะผู้ต้องหา นายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา เป็นหลานชายของมหาเศรษฐีอันดับ 205 ของโลกและอันดับ 3 ของไทย นายเฉลียว อยู่วิทยา เจ้าพ่อกระทิงแดงซึ่งล่วงลับไปเมื่อต้นปีนี้

ต่างประเทศไม่รู้จัก “กระทิงแดง”แต่รู้จัก“เรดบูล” ซึ่งมีเครื่องหมายวัวกระทิง 2 ตัว หันหน้าเข้าหากัน เป็นสปอนเซอร์รายใหญ่ของกีฬาที่ใช้พลกำลัง ในยุโรปและสหรัฐอเมริกา

ปัจจุบันนายเฉลิม อยู่วิทยา ลูกนายเฉลียว พ่อนายวรยุทธ ครอบครองทรัพย์สมบัติมหาศาล 167,400 ล้านบาท ฝรั่งมังค่ารับทราบข่าวสั้น ๆ นายวรยุทธขับรถสปอร์ตเฟอร์รารี่ ชนตำรวจไทยถึงแก่ความตาย แต่ไม่รู้รายละเอียดและพฤติกรรมต่าง ๆ

รถสปอร์ตคันนั้นอยู่ในสภาพยับเยิน ตำรวจบอกว่าใช้ความเร็ว 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อย่าว่าแต่มอเตอร์ไซค์เลย แม้แต่ควายก็ไม่เหลือ ทุกคนเศร้าสลดกับการเสียชีวิตของ ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ขณะปฏิบัติหน้าที่ ใครจะรู้ความตายมาเยือน ร่างดาบวิเชียรลอยละลิ่วตกลงไปบนหน้ารถ กระทบกระจกแตก เครื่องหมายยศดาบตำรวจยังติดที่กระจก

เหมือนกับ “หมอมุก” ถูกชน แต่ความเร็วของรถที่ชน มันแตกต่างกันหลายสิบเท่า ทุกคนเศร้าใจกับพฤติกรรมของนายวรยุทธ ชนแล้วหนี ไมหยุดให้ความช่วยเหลือ แล้วยืมปากทนายความมาอ้างภายหลังว่า ที่หนีเพราะตกใจ

นั่นก็ช่างเถอะ ลูกมหาเศรษฐีอาจจะคิดว่า เงินสามารถซื้ออะไรได้ทุกอย่าง แต่ที่เลวร้ายสุด ๆ หลังเกิดเหตุไม่กี่นาที พ.ต.ท.ปัณณ์ณภณ นามเมือง สวป.สน.ทองหล่อ ไปเอาตัวนายสุเวศ หอมอุบล มาให้ พ.ต.ท.วีรดล ทับทิมดี หนักงานสอบสวน สบ.3 เจ้าของคดี ทำการสอบปากคำ อ้างว่าเป็นคนขับรถสปอร์ตเฟอร์รารี่

ก็ตรงนี้แหละที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. เกิดอาการฉุนขาด ประกาศก้องหน้าบ้านมหาเศรษฐี “ใหญ่แค่ไหนก็ไม่มีปัญหา” “ถ้าไม่มอบตัว เดี๋ยวจะไปเอาหมายศาลมาค้น เอาตำรวจสองกองร้อยมาที่นี่” “ตำรวจตายยอมไม่ได้ ถ้าไม่ได้ตัวจริง ผมลาออก”

ตำรวจสน.ทองหล่อนอกเครื่องแบบ ที่มาสังเกตการณ์หน้าบ้านนายเฉลิม ตบมือดังลั่นและมันต้องดังเข้าไปในบ้านหลังนั้นด้วย พล.ต.ท.คำรณวิทย์ได้ใจลูกน้องไปเต็ม ๆ เพราะนายสุเวศที่ พ.ต.ท.ปัณณ์ณภณนำมาสมอ้างนั้นเป็นคนรับใช้ในบ้านนายเฉลิม มีหน้าที่ดูแลรถยนต์ทั้งหมด มิหนำซ้ำในสมุดบันทึกของพนักงานรักษาความปลอดภัย ระบุว่าเวลา 05.15 น. นายวรยุทธขับรถสปอร์ตออกจากบ้าน

ก่อนที่นายวรยุทธยอมจำนนพ.ต.ท.ปัณณ์ณภณ ก็โดนคำสั่งเด้งด่วนของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ไปช่วยราชการสำนักงาน ผบช.น.ไม่มีกำหนด ทองหล่อเป็นโรงพักเกรด เอ.อุดมสมบูรณ์ด้วยทุกสิ่งสรรพ์อันตำรวจพึงประสงค์ ชั้นสัญญาบัตรที่ไปอยู่ ส่วนใหญ่ต้องมีเส้นสาย เป็นเด็กนายเด็กฝากครึ่งค่อนโรงพัก พ.ต.ท.ปัณณ์ณภณ น่าจะรวมอยู่ในจำนวนนั้นด้วย เพราะเพียงแค่คืนเดียวผ่านไปพล.ต.ท.คำรณวิทย์ก็ได้รับโทรศัพท์ให้ช่วยเหลือ พ.ต.ท.ปัณณ์ณภณ ไม่ให้ได้รับความผิด

พล.ต.ท.คำรณวิทย์บอกว่า เจ้าของเสียงนั้นเป็น “ผู้ใหญ่” ไม่ได้ขยายความว่าใหญ่ขนาดไหน สวป.คนนี้ก็น่าจะใหญ่จริง ๆ เพราะในจำนวน สวป.สน.ทองหล่อ ทั้งหมด 4 นาย พ.ต.ท.ปัณณ์ณภณ เป็นคนดูแลบ้านมหาเศรษฐีหลังนี้อย่างใกล้ชิด

พ.ต.ท.ปัณณ์ณภณ นามเมือง เดิมชื่อ “จำลอง”เป็นนักเรียนนายร้อยอบรมหลักสูตร กอน.รุ่น 6 รุ่นเดียวกับ พ.ต.อ.สมิง รอดรัตษะ ผกก.สน.ประชาสำราญ พ.ต.อ.ชีวิณ เนื่องจำนงค์ ผกก.สภ.คลองกิ่ว ชลบุรี เพื่อนร่วมรุ่นส่วนใหญ่อยู่ในระดับสารวัตร และเป็นรองผู้กำกับการ ไม่กี่คน

ใช่แต่ลูกน้องจะให้ใจเจ้านายคนนี้เท่านั้นแต่ผู้คนในเมืองหลวงก็อุ่นใจที่มี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ทำหน้าที่พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างจริงจัง

คดีขับรถประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายก็ว่ากันไป ส่วนพฤติการณ์ของ พ.ต.ท.ปัณณ์ณภณ ถ้าคณะกรรมการสอบสวนระบุมีความผิดจริง พล.ต.ท.คำรณวิทย์บอกเป็นนัย “ไม่สมควรเป็นตำรวจต่อไป”

ประชาชนขอตบมือเป็นกำลังใจให้ด้วย ส่วนคำพูดที่ประกาศไว้ “ตำรวจตายยอมไม่ได้” อยากให้ “บิ๊กแจ๊ส” เพิ่มอีกประโยคได้ไหม “ถ้าประชาชนผู้บริสุทธิ์ตาย ผมก็ยอมไม่ได้”