ทายาทเจ้าสัวกระทิงแดงควงมารดาเดินทางเคารพศพ “ด.ต.วิเชียร” พร้อมขอขมาศพ ด้านรอง ผบช.น.เรียกประชุมสรุปความคืบหน้าคดี ระบุยังไม่พบกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพจังหวะชน เร่งตรวจสอบเพิ่ม ยันไม่ใช่จุดอ่อนของคดี ส่วนพยานหลักฐานต้องรอผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ ส่วนพ่อบ้านที่มารับผิดแทนได้ส่งฟ้องไปแล้ว ลั่นคดีนี้ไม่มีมวยล้มต้มคนดูแน่
วันนี้ (5 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีนายวรยุทธ อยู่วิทยา อายุ 27 ปี ลูกชายคนเล็กของนายเฉลิม อยู่วิทยา ประธานบริษัท เรดบูล คอมปานี ลิมิเต็ด เจ้าของธุรกิจเครื่องดื่มกระทิงแดง ขับรถเก๋งสปอร์ตแบบ 2 ประตู ยี่ห้อเฟอร์รารี พุ่งชนท้ายจักรยานยนต์สายตรวจของ ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่ ป.สน.ทองหล่อ บริเวณปากซอยสุขุวิท 49 จนล้มคว่ำก่อนลากร่างของ ด.ต.วิเชียรไปกับพื้นถนนไกลกว่า 200 เมตร ก่อนจะขับหลบหนีไป ซึ่งในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจพบคราบน้ำมันเครื่องรั่วไหลตลอดเส้นทางที่หลบหนีไปจนถึงหน้าคฤหาสน์เลขที่ 9 ภายในซอยสุขุมวิท 53 จึงตามกระทั่งไปกดดันจน กระทั่งเจ้าตัวยอมออกมามอบตัวต่อตำรวจ พร้อมทั้งให้การว่าขับรถชนจริง เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาแจ้งข้อหาขับขี่รถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต และหลบหนีไม่อยู่ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ ก่อนทนายความจะยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสด 500,000 บาทประกันตัวออกไปตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด บรรยากาศที่ สน.ทองหล่อ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจใน สน.ทองหล่อ นำรูปภาพและคำพูดของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.ที่พูดบริเวณหน้าบ้านของนายเฉลิมในวันเกิดเหตุ 3 ก.ย.ว่า “ผมยอมให้ตำรวจตายฟรีไม่ได้ ไม่กลัวทั้งนั้น ไม่ว่าจะใหญ่แค่ไหน” มาติดไว้ที่บอร์ดชั้นล่างของโรงพักด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีเพื่อนข้าราชการตำรวจบางนายในโรงพักของ ด.ต.วิเชียร ที่ยังพูดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมีอารมณ์ว่า “ย้ายไปให้หมด พวกบิดเบือนความจริง” บ้างก็บอกว่า “ย้ายไปหรือยัง มีอย่างที่ไหนไล่ลูกน้องกลับจากบ้านที่เกิดเหตุ อ้างว่าเจ้าของบ้านไม่ชอบให้คนมาอยู่หน้าบ้านเยอะ”
ขณะที่เมื่อเวลา 10.00 น ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าของคดีดังกล่าว ว่า พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น.ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบคดีนี้เพื่อเร่งรัดและติดตามความคืบหน้าของคดี โดยมี พล.ต.ต.กฤษฏิ์ เปียแก้ว ผบก.น.5 พ.ต.อ.สุคุณ พรหมาน รอง ผบก.น.5 พ.ต.อ.ชุมพล พุ่มพวง ผกก.สน.ทองหล่อ พ.ต.ท.อัครวินต์ สุคนธวิท รอง ผกก.สส.สน.ทองหล่อ พ.ต.ท.วิรดล ทับทิมดี พนักงานสอบสวน (สบ 3) เจ้าของคดี เข้าประชุมโดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที
พล.ต.ต.อนุชัยเปิดเผยหลังการประชุมว่า ได้เรียกเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีทั้งในส่วนของการสอบพยานบุคคล พยานแวดล้อม เพื่อให้สำนวนนั้นมีความรอบคอบมากที่สุด ซึ่งคดีมีความคืบหน้าไปมากพอสมควร ในส่วนหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดในจังหวะที่ผู้ต้องหาขับรถพุ่งชน ด.ต.วิเชียรนั้น จนถึงขณะนี้ยังตรวจสอบไม่พบแต่อย่างใด กำลังให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบเพิ่มเติมอยู่เพื่อความชัดเจน แต่ถึงตรวจสอบไม่พบในจังหวะชนก็ไม่ถือว่าจะทำให้เป็นจุดอ่อนของคดีแต่อย่างใด ถึงแม้ทางฝ่ายผู้ต้องหาอาจจะโต้แย้งว่าไม่มีหลักฐานในจังหวะชนนั้น ทางเจ้าหน้าที่ก็มีหลักฐานอย่างอื่นที่จะมาทดแทนเพื่อเป็นการยืนยันได้ แต่คงไม่สามารถเปิดเผยได้ทั้งหมดว่ามีหลักฐานอะไรบ้าง
“ส่วนผลการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์นั้นขณะนี้ยังไม่เสร็จ ซึ่งทาง พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผู้ช่วย ผบ.ตร.กับผู้ชำนาญการกำลังทำการตรวจพิสูจน์อยู่ ส่วนนายสุเวศ หอมอุบล ที่ให้การเท็จกับเจ้าหน้าที่ว่าเป็นคนขับรถในตอนแรกนั้น ทางพนักงานสอบสวนได้ส่งฟ้องศาลไปแล้ว ส่วนการดำเนินการตั้งคณะกรรมการสอบสวนความผิดของ พ.ต.ท.ปัณณ์ภณ นามเมือง สวป.สน.ทองหล่อ ที่นำตัวนายสุเวศมารับผิดแทนผู้ต้องหาตัวจริงนั้น ทางผู้บังคับบัญชาได้สั่งให้ทาง บก.น.5 เป็นผู้ดำเนินการ อย่างไรก็ตามคดีนี้ยืนยันว่าไม่มีมวยล้มแน่นอน” พล.ต.ต.อนุชัยกล่าว
ด้าน พ.ต.อ.ชุมพล กล่าวว่า ในส่วนของ สน.ทองหล่อ ได้ดำเนินการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีของ พ.ต.ท.ปัณณ์ภณ นามเมือง สวป.สน.ทองหล่อ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างสอบสวนพยานผู้ที่อยู่ในเห็นการณ์ทั้งหมด ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์ที่บ้านหลังเกิดเหตุ พนักงานสอบสวนที่รับมอบตัวนายสุเวศในตอนแรก ซึ่งผลสรุปน่าจะออกมาภายในช่วงบ่ายวันนี้ในรูปแบบของคณะกรรมการฯ ว่าจะชี้มูลความผิดหรือไม่ แต่ต้องขอเวลาให้ที่ประชุมสรุปความเห็นเสียก่อน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ทาง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.ให้สัมภาษณ์ว่าผลการสอบสวนข้อเท็จจริงอาจจะมีผลต่อตำแหน่งของ ผกก.สน.ทองหล่อด้วยนั้น จะทำให้มีการชี้นำผลการสอบสวนหรือไม่ พ.ต.อ.ชุมพลกล่าวว่า ทางคณะกรรมการจะดำเนินการไปตามข้อเท็จจริงทั้งหมดที่เกิดขึ้น ไม่มีใครสามารถบิดเบือนข้อเท็จจริงไปได้ ส่วนเรื่องข้อโต้แย้งนั้นก็เป็นสิทธิ์ขอผู้ถูกกล่าวหาที่สามารถจะโต้แย้งได้ ทั้งนี้ เมื่อคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงสรุปผลออกมาแล้วก็มีหน้าที่เสนอขึ้นไปให้กับทางผู้บังคับชาตามระเบียบของทางราชการ จากนั้นทางผู้บังคับบัญชาก็จะใช้ดุลยพินิจพิจารณาต่อไป ซึ่งในส่วนนี้มีหลายระดับด้วยกันตั้งแต่ระดับกองบังคับการและระดับ บช.น. ส่วนกรณีที่ ผบช.น.ระบุว่า มีผู้ใหญ่ติดต่อมาขอช่วยเหลือ พ.ต.ท.ปัณณ์ภณ นั้น ในส่วนของ สน.ทองหล่อ ยังไม่มีใครมาติดต่อเพื่อขอให้ช่วยเหลือ พ.ต.ท.ปัณณ์ภณแต่อย่างใด ทั้งนี้เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าจะมีการช่วยเหลือ พ.ต.ท.ปัณณ์ภณหรือไม่นั้น พ.ต.อ.ชุมพลกล่าวว่าต้องว่ากันไปตามข้อเท็จจริง
พ.ต.อ.ชุมพลกล่าวต่อว่า สำหรับในส่วนของคดีนั้น เรื่องกล้องวงจรปิดบริเวณจุดเกิดเหตุ ทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบแล้วยังไม่พบภาพจังหวะที่ผู้ต้องหาขับรถพุ่งชน ด.ต.วิเชียรแต่อย่างใด ตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบเพิ่มเติมอยู่ แต่เนื่องจากบริเวณดังกล่าวนั้นไม่มีกล้องขอทางราชการอยู่ ทำให้ต้องประสานกับเจ้าของกล้องที่เป็นเอกชน แต่ไม่ว่าจะพบหลักฐานเป็นภาพวงจรปิดในจังหวะชนหรือไม่ เชื่อว่าทางผู้ชำนาญการมีอยู่หลายท่าน เพราะมีคดีหลายคดีที่สามารถคลี่คลายจากพยานหลักฐานอื่นๆได้แม้จะไม่มีกล้องวงจรปิด ส่วนผลการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดของนายวรยุทธผู้ต้องหานั้น ทางพนักงานสอบสวนกำลังเร่งติดตามผลอยู่ ซึ่งในส่วนนี้ต้องรอแพทย์เป็นผู้ลงความเห็นก่อนส่งผลมาให้พนักงานสอบสวนในรูปแบบของเอกสารราชการ
ขณะที่ พ.ต.ท.อัครวินต์ กล่าวว่า สำหรับคดีของนายสุเวศ พ่อบ้านตระกูลอยู่วิทยา ที่ให้การเท็จต่อตำรวจว่าเป็นคนขับรถในตอนแรกนั้น หลังสอบปากคำในวันเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาแจ้งถ้อยคำอันเป็นเท็จกับเจ้าพนักงานไปแล้ว จากนั้นเจ้าตัวก็ได้ยื่นขอประกันออกไปโดยใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสดหลักหมื่นบาท โดยในช่วงเช้าวันนี้ได้ประสานให้นายสุเวศไปพบกับพนักงานสอบสวนที่ศาลแขวงพระนครใต้ เพื่อทำการส่งฟ้องต่อศาลแล้ว
ต่อมาเวลา 15.00 น.ที่วัดธาตุทอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา พร้อมด้วยครอบครัว ได้เดินทางมาที่วัดเพื่อเคารพศพของ ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ โดยนายวรยุทธแต่งกายสวมชุดสูทสีดำ สวมแว่นตาดำ เมื่อมาถึงศาลานายวรยุทธได้เดินทางมากราบขอขมาศพของ ด.ต.วิเชียรด้วย พร้อมจุดธูปไหว้ศพ จากนั้นได้นำพวงมาลัยไปไหว้ที่รูปของ ด.ต.วิเชียร ก่อนจะไหว้ขอขมาศพของ ด.ต.วิเชียร พร้อมนางดารณี อยู่วิทยา ผู้เป็นมารดา