ศาลแพ่งเลื่อนสืบพยานคดีแม่ค้าย่านราชปรารภฟ้องแกนนำเสื้อแดงชุมนุมทำให้เพลิงไหม้ร้านค้าเสียหาย ไป 28 ส.ค.นี้ เหตุ “กี้ร์-อริสมันต์” แถลงมีอาการไม่สบาย-เป็นไข้
ที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก วันนี้ (21 ส.ค.) ศาลนัดสืบพยานจำเลยคดีหมายเลขดำ 1742/2554 ที่นางนุชทิพย์ บรรจงศิลป์ ผู้เช่าค้าย่านราชปรารภ เป็นโจทก์ฟ้องนายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำกลุ่ม นปช. และส.ส.พรรคเพื่อไทย พร้อมพวก ฐานละเมิดและเรียกร้องค่าเสียหาย 7 ล้านบาท กรณีเมื่อเดือน พ.ค. 2553 กลุ่ม นปช.ได้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลและบังคับขู่เข็ญให้นายอภิสิทธิ์ยุบสภาจนเป็นเหตุทำให้รัฐบาลใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุม และทำให้นางนุชทิพย์ ผู้ค้าย่านราชปรารภได้รับความเสียหายเนื่องจากเกิดเพลิงไหม้ร้านค้าอาคารพาณิชย์และสินค้าภายในร้านมูลค่าประมาณ 7 ล้านบาท
ในวันนี้นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เดินทางมาเบิกความในฐานะจำเลย และได้แถลงต่อศาลว่าขอเลื่อนการพิจารณาคดีออกไปก่อนเนื่องจากตนมีอาการป่วยเป็นไข้ ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าสมควรให้เลื่อนเบิกความไปเป็นวันที่ 28 ส.ค. 55 เวลา 09.00 น.
ทั้งนี้ นายอริสมันต์ให้สัมภาษณ์ว่า ตนเดินทางมาเบิกความในคดีที่ประชาชนเป็นโจทก์ยื่นฟ้องแกนนำ นปช.ฐานละเมิดสิทธิเมื่อครั้งที่มีการชุมนุมของกลุ่ม นปช.ต่อต้านรัฐบาล ซึ่งตนเชื่อว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ กลุ่ม นปช.ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง
นายอริสมันต์ยังกล่าวถึงกรณีที่ศาลอาญานัดฟังคำสั่งการพิจารณาเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยคดีก่อการร้ายทั้ง 19 คน ในวันที่ 22 ส.ค.นี้ว่า แกนนำ นปช.ได้แถลงต่อองค์คณะผู้พิพากษาเพื่อร้องขอความเมตตาในการกระทำของแกนนำ นปช.ทุกคน เพราะคำพูดในการปราศรัยของแกนนำ นปช.แต่ละคนไม่เหมือนกัน อาจมีความแตกต่างกันในเรื่องของวุฒิภาวะทางอารมณ์ โดยในส่วนของนายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก ก็ได้ขอโทษไปยังตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่ได้ติดใจเอาความแต่อย่างใด หากศาลอาญาพิจารณาแล้วมีการลงโทษโดยการตักเตือนแกนนำกลุ่ม นปช. แต่ไม่ได้มีคำสั่งถอนประกัน ตนก็เห็นว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีที่จะนำไปสู่ความปรองดอง แสดงให้เห็นว่าศาลมีอิสระในการใช้ดุลพินิจพิจารณา อย่างไรก็ตาม ขอฝากไปถึงกลุ่มคนเสื้อแดงที่จะเดินทางมาให้กำลังใจแกนนำ นปช.ที่ศาลอาญา อยากให้ใช้สติ และความสงบ ขอให้ยอมรับและเคารพคำสั่งของศาลไม่ว่าจะออกมาในทิศทางใด ตนก็อยากให้ทำใจยอมรับ
ที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก วันนี้ (21 ส.ค.) ศาลนัดสืบพยานจำเลยคดีหมายเลขดำ 1742/2554 ที่นางนุชทิพย์ บรรจงศิลป์ ผู้เช่าค้าย่านราชปรารภ เป็นโจทก์ฟ้องนายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำกลุ่ม นปช. และส.ส.พรรคเพื่อไทย พร้อมพวก ฐานละเมิดและเรียกร้องค่าเสียหาย 7 ล้านบาท กรณีเมื่อเดือน พ.ค. 2553 กลุ่ม นปช.ได้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลและบังคับขู่เข็ญให้นายอภิสิทธิ์ยุบสภาจนเป็นเหตุทำให้รัฐบาลใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุม และทำให้นางนุชทิพย์ ผู้ค้าย่านราชปรารภได้รับความเสียหายเนื่องจากเกิดเพลิงไหม้ร้านค้าอาคารพาณิชย์และสินค้าภายในร้านมูลค่าประมาณ 7 ล้านบาท
ในวันนี้นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เดินทางมาเบิกความในฐานะจำเลย และได้แถลงต่อศาลว่าขอเลื่อนการพิจารณาคดีออกไปก่อนเนื่องจากตนมีอาการป่วยเป็นไข้ ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าสมควรให้เลื่อนเบิกความไปเป็นวันที่ 28 ส.ค. 55 เวลา 09.00 น.
ทั้งนี้ นายอริสมันต์ให้สัมภาษณ์ว่า ตนเดินทางมาเบิกความในคดีที่ประชาชนเป็นโจทก์ยื่นฟ้องแกนนำ นปช.ฐานละเมิดสิทธิเมื่อครั้งที่มีการชุมนุมของกลุ่ม นปช.ต่อต้านรัฐบาล ซึ่งตนเชื่อว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ กลุ่ม นปช.ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง
นายอริสมันต์ยังกล่าวถึงกรณีที่ศาลอาญานัดฟังคำสั่งการพิจารณาเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยคดีก่อการร้ายทั้ง 19 คน ในวันที่ 22 ส.ค.นี้ว่า แกนนำ นปช.ได้แถลงต่อองค์คณะผู้พิพากษาเพื่อร้องขอความเมตตาในการกระทำของแกนนำ นปช.ทุกคน เพราะคำพูดในการปราศรัยของแกนนำ นปช.แต่ละคนไม่เหมือนกัน อาจมีความแตกต่างกันในเรื่องของวุฒิภาวะทางอารมณ์ โดยในส่วนของนายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก ก็ได้ขอโทษไปยังตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่ได้ติดใจเอาความแต่อย่างใด หากศาลอาญาพิจารณาแล้วมีการลงโทษโดยการตักเตือนแกนนำกลุ่ม นปช. แต่ไม่ได้มีคำสั่งถอนประกัน ตนก็เห็นว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีที่จะนำไปสู่ความปรองดอง แสดงให้เห็นว่าศาลมีอิสระในการใช้ดุลพินิจพิจารณา อย่างไรก็ตาม ขอฝากไปถึงกลุ่มคนเสื้อแดงที่จะเดินทางมาให้กำลังใจแกนนำ นปช.ที่ศาลอาญา อยากให้ใช้สติ และความสงบ ขอให้ยอมรับและเคารพคำสั่งของศาลไม่ว่าจะออกมาในทิศทางใด ตนก็อยากให้ทำใจยอมรับ
