ศาลแพ่งยกคำร้อง “มาร์ค-เทพเทือก-คุณชาย” คดีแม่ค้าฟ้องละเมิดเรียกร้องค่าเสียหาย 7 ล้าน พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐฯ คุ้มครอง “ณัฐวุฒิ” ปัดเหตุเพลิงไหม้สามเหลี่ยมดินแดง ถูก ตร.รวบไปค่ายตำรวจตระเวนชายแดน จ.เพชรบุรีแล้ว ชี้คดีสั่งสลายการชุมนุม นปช.ใกล้คลี่คลาย คนสั่งการหนีความรับผิดชอบไม่พ้น
ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (15 ส.ค.) ศาลนัดสืบพยานจำเลย คดีแพ่ง 1742/2554 ที่นางนุชทิพย์ บรรจงศิลป์ เจ้าของร้านค้าย่านราชปรารภ เป็นโจทก์ฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำกลุ่ม นปช. พร้อมพวกรวม 10 คน ฐานละเมิดและเรียกร้องค่าเสียหาย 7 ล้านบาท ซึ่งคดีนี้ศาลให้ยกคำร้องในส่วนของ นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ รวมทั้ง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. เนื่องจากเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ที่กฎหมายระบุ พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐ พ.ศ. 2539 ให้เรียกค่าเสียหายจากหน่วยงานรัฐต้นสังกัด
กรณีเมื่อเดือน พ.ค. 2553 กลุ่ม นปช.ได้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลและบังคับขู่เข็ญให้นายอภิสิทธิ์ยุบสภา จนเป็นเหตุทำให้รัฐบาลใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุม และทำให้นางนุชทิพย์ ผู้ค้าย่านราชปรารภได้รับความเสียหาย เนื่องจากเกิดเพลิงไหม้ร้านค้าอาคารพาณิชย์และสินค้าภายในร้าน มูลค่าประมาณ 7 ล้านบาท
โดยวันนี้ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เดินทางมาศาลแพ่ง และกล่าวก่อนเข้าเบิกความว่า คดีนี้เจ้าของร้านค้าบริเวณสามเหลี่ยมดินแดงที่ถูกไฟไหม้ได้ฟ้องเรียกร้องค่าเสียหาย โดยยืนยันว่าเหตุเพลิงไหม้เกิดขึ้นภายหลังการชุมนุมของกลุ่ม นปช.ยุติแล้ว และตนถูกควบคุมตัวไปที่ค่ายตำรวจตระเวนชายแดน จ.เพชรบุรี อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์เพลิงไหม้หลายจุดที่ย่านราชประสงค์นั้นเชื่อว่ามีคนสร้างสถานการณ์ขึ้นมาเพื่อให้เกิดความชอบธรรมในการเข้าสลายการชุมนุมกลุ่ม นปช. ส่วนกรณีที่ศาลแพ่งให้ยกคำร้องในส่วนของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ นั้นตนไม่ขอออกความเห็น แต่ขณะนี้คดีสั่งปราบปรามผู้ชุมนุมกลุ่ม นปช.นั้นมีความคืบหน้าไปมาก เชื่อว่าเมื่อคดีถึงที่สุดและความจริงปรากฏ ผู้ที่สั่งการก็คงจะหลีกหนีความรับผิดชอบดังกล่าวไม่ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากคดีนี้แล้ว ยังมีกลุ่มนักธุรกิจผู้ค้าย่านราชประสงค์ได้ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายต่อศาลแพ่ง คดีหมายเลขดำที่ 1762/2554 และ 1768/2554 อีก 2 สำนวน เรียกค่าเสียหายรวมกว่า 300 ล้านบาท