ยุคนักการเมืองลุแก่อำนาจทำตัวใหญ่คับเมืองโอนถ่ายข้าราชการตามใจชอบ "เหลิม" โยก "ลูกดวง" ข้ามห้วยรั้วกลาโหม กินตำแหน่งรองสารวัตรดาวเงิน บช.น. ด้านโฆษก สตช. หลับยังไม่ตื่น ยันไม่มีเรื่อง "ดวง" บุตรชาย "สารวัตรเฉลิม" ขอโอนย้ายจากทหารมาเป็นตำรวจ
จากกรณีมีกระแสข่าวเรื่องการโอนข้าราชการทหารชั้นสัญญาบัตร มาเป็นตำรวจชั้นสัญญาบัตรในกองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยแจ้งว่าข้าราชการทหารคนดังกล่าว คือ ร้อยโทดวง อยู่บำรุง ซึ่งเป็นบุตรชายของนายเฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลเรื่องงานตำรวจ โดยมีการวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมากถึงความไม่เหมาะในใช้อำนาจหน้าที่ทางการเมือง
เมื่อวันที่ 27 ก.ค.แหล่งข่าวระดับสูงในกองบัญชาการตำรวจนครบาลเปิดเผยว่ากระแสข่าวเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องจริง เพราะมีการลงนามในหนังสือราชการกองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่ ตช.0015112/๒๓๓๖ วันที่ 28 ก.ค. 2555 เรื่องโอนข้าราชการ เรียน ปลัดกระทรวงกลาโหม โดยอ้างถึง หนังสือกองทะเบียนพลที่ 000๙.๒๔๑/๒๒๗๙ ลงวันที่ 26 ก.ค.2555 สิ่งที่ส่งมาด้วย สำเนาาคำสั่ง กองบัญชาการตำรวจนครบาลที่ ๓๒๒/๒๕๕๕ ลงวันที่ 27 ก.ค.2555 โดยใจความหนังสือราชการฉบับดังกล่าวระบุว่า ตามหนังสือที่อ้างถึงแจ้งว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้อนุมัติให้ดำเนิน่การรับโอนร้อยโท ดวง อยู่บำรุง ผู้บังคับหมวด กองาร้อยสารวัตรทหาร กองพันสารวัตรทหาร สารวัตรยุทธบริการทหาร สังกัดกระทรวงกลาโหม ไปรับราชการเป้นสข้าราชการนตำรวจ สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาสตินั้น
บัดนี้ กองบัญชาการตำรวจนนครบาล ได้มีคำสั่งปรากฏตามมสิ่งที่มาด้วย รับโอนร้อยโท ดวง อยู่บำรรุง ไปบรรจุเป็นข้าราชการตำรวจนชั้นสัญญาบัตรให้มียศ ร้อยตำรวจโท ดำรงตำแหน่งรองสสารวัตร ศูนย์ฝึกอบรม กองวบัญชาการตำรวจนครบาล รับอัตราเงินเดือน ระดับ ส.๑ ขั้น ๑๖.๕ (๑๔,๐๗๐ บาท) ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2555 เป็นต้นไป
ดังนั้นจึงขอได้โปรดมีคำสั่งให้ ร้อยโทดวง อยู่บำรุง พ้นจากตำแหน่งหน้าที่ราชการและอัตราเงินเดือนกระทรวงกลาโหม และส่งตัวไปรับราชการ ในสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยให้ไปรายงานตัวที่ศูนย์ฝึกอบรม กองบัญยชาการรตำรวจนคราบาล พร้อมด้วยสมุดประวัติข้าราชการ หนังสือรับรองการจ่ายเงินเดือนครั้งสุดท้าย และเอกสารอื่น ๆที่เกี่ยวข้อง
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ ลงนามโดย พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.
ด้านพล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า ยังไม่มีเรื่องการเสนอโอนย้าย ร.ท.ดวง อยู่บำรุง มาเป็นข้าราชการตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาลแต่อย่างใด และยังไม่มีการบรรจุวาระเข้าพิจารณาในการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งหน้า พร้อมชี้แจงว่า การโอนย้ายระหว่างหน่วยงานราชการสามารถทำได้ โดนในส่วนของตำรวจ จะต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ซึ่งมีหลายขั้นตอน ตั้งแต่การที่ผู้ประสงค์จะขอโอนย้าย ต้องทำเรื่องไปยังกองบัญชาการที่ต้องการโอนย้าย จากนั้น กองบัญชาการนั้นๆ จะทำหนังสือสอบถามความเห็น กลับไปยังต้นสังกัดเดิม ก่อนเสนอเรื่องถึง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผ่านสำนักงานกำลังพล หากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเห็นชอบ ก็จะเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ก.ตร. พิจารณาต่อไป
ทั้งนี้ พล.ต.ต.ปิยะ ระบุด้วยว่า การโอนย้ายข้ามหน่วยงาน จะต้องพิจารณาคุณสมบัติ ความรู้ ความสามารถ ให้เหมาะสมตามสายงาน โดยยังคงยศเทียบเท่าเดิม
รายงานข่าวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติแจ้งว่า พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ได้ลงนามในคำสั่ง อนุมัติตามที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีหนังสือบันทึกข้อความ เรื่องการรับโอนข้าราชการทหารมารับราชการตำรวจ โดยได้สั่งการให้ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ตรวจสอบคุณสมบัติและรวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณารับโอน ร.ท.ดวง อยู่บำรุง ผบ.มว.สท. ร้อยสห.พัน.สห. ยบ.ทหารกองบัญชาการกองทัพไทย กระทรวงกลาโหม มารับราชการในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในตำแหน่งรองสว. สังกัดศูนย์ฝึกอบรม กองบัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับงานวิชาการ งานบริหารการศึกษา และฝึกอบรม ดำเนินการเกี่ยวกับงานฝึกอบรมเพื่อพัฒนาบุคลากรของบช.น. และดำเนินการเกี่ยวกับงานสรรหาบุคคลเพื่อเข้าสู่ตำแหน่งและการสอบเพื่อบรรจุเข้ารับราชการ โดยปฏิบัติหน้าที่ เช่นวางแผนเตรียมการในการฝึกของหลักสูตรต่างๆ รวบรวมแผนการฝึกความต้องการของหน่วยเพื่อบรรจุเป็นแผนการฝึกในปีงบประมาณ
อย่างไรก็ตาม กระทรวงกลาโหมได้มีหนังสือ กห 0201/ 3456 ลง 20 ก.ค. 55 แจ้งไม่ขัดข้องในการที่ตร. จะรับโอน พร้อมได้แจ้งข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับการรับราชการ และทางบช.น. ได้ตรวจสอบคุณสมบัติแล้วปรากฏว่า เป็นผู้มีคุณวุฒิตรงตามตำแหน่งที่จะบรรจุแต่งตั้ง คุณสมบัติทั่วไปมีประวัติการต้องหาคดีอาญา ข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น ศาลแขวงพระโขนงพิพากษาลงโทษจำคุก 6 เดือน ปรับ 4,000 บาท โทษจำคุกรอลงอาญา 2 ปี ซึ่งคดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์ จึงไม่ถือว่าเป็นผู้ขาดคุณสมบัติในการรับราชการ
ส่วนประเด็นการเป็นผู้ประพฤติเสื่อมเสียหรือบกพร่องในศีลธรรมอันดีหรือไม่ อ.ก.ตร.กฏหมาย ได้เคยมีมติให้อยู่ภายในอำนาจของหน่วยที่จะบรรจุแต่งตั้งเป็นผู้พิจารณา ผลการสืบความประพฤติจากสน.ท้องที่ ไม่ปรากฏว่าเป็นผู้มีความประพฤติเสื่อมเสียแต่อย่างใด และปัจจุบันยังรับราชการทหารอยู่ และผบช.น. ซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยงานที่จะบรรจุแต่งตั้งในกรณีนี้ไม่เห็นว่าเป็นผู้ประพฤติเสื่อมเสียหรือบกพร่องในศิลธรรมอันดี ทั้งนี้ จะเตรียมนำเรื่องเข้าเสนอการประชุมก.ตร.ในคราวต่อไป