ตร.ส่งตัว “โจ๋เก้าอี้โหด” ศาลเยาวชนฯ ข้อหาทำร้ายร่างกายแล้ว

ตร.ควบคุมตัวเยาวชนอายุ 17 ปี ผู้ต้องหาใช้เก้าอี้ทำร้ายร่างกายแม่บ้านห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ บริเวณหน้าธ.กรุงไทย สาขาปทุมวัน ต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลางในข้อหาทำร้ายผู้อื่น

วันนี้ (25 ก.ค.) เวลา 10.45 น. ร.ต.อ.หญิง คะนึงนุช ทศไพรินทร์ พนักงานสอบสวน (สบ1 ) สน.ปทุมวัน เจ้าของคดีได้นำนายเอก (นามสมมติ) อายุ 17ปี ผู้ต้องหาที่ใช้เก้าอี้พลาสติกฟาดใส่หน้านางสมจิตร พรายเนาว์ อายุ 51 ปี แม่บ้านห้างเซ็นทรัลเวิลด์ บาดเจ็บที่ใบหน้า สาเหตุเพราะโกรธที่นางสมจิตรเก็บนาฬิกาข้อมือได้แต่ไม่ยอมคืนให้ มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติถ่ายไว้ได้และนำคลิปมาเผยแพร่ในเว็บไซต์ เหตุเกิดเมื่อเวลา 21.00 น.วันที่ 17 ก.ค. หน้าธนาคารกรุงไทย สาขาปทุมวัน เขตปทุมวัน กทม.สร้างความหดหู่ใจแก่ผู้พบเห็นในสื่ออินเตอร์เน็ตจนมีสื่อมวลชนออกไปตรวจสอบ กระตุ้นให้ตำรวจติดตามจับผู้ต้องหามาได้

โดยวันนี้ออกจากห้องสอบสวนคดีเด็กและเยาวชน เพื่อนำตัวส่งศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ย่านสนามหลวง เพื่อไตร่สวนคดีที่เกิดขึ้น ซึ่งนายเอกใช้เสื้อลายแขนยาวคลุมศีรษะปิดบังใบหน้า ซึ่งมีสื่อมวลชนทุกแขนงมาดักรอทำข่าวติดตามรายงานข่าวอย่างใกล้ชิด และเดินลงจากโรงพักขึ้นรถยนต์ออกจากสถานีไปศาลทันทีโดยมีกองทัพสื่อมวลชนติดตามไปด้วย

พ.ต.ท.พนม เชื้อทอง รอง ผกก.สส.สน.ปทุมวัน เปิดเผยว่า เมื่อคืนเด็กถูกควบคุมตัวอยู่ในห้องสอบสวนคดีเด็กและเยาวชน โดยมีน้าสาวของเด็กนอนอยู่เป็นเพื่อนด้วยทั้งคืน เพราะความห่วงใย ซึ่งเด็กมีอาการเครียดนอนไม่หลับและร้องไห้ทั้งคืน โดยวันนี้พนักงานเจ้าของคดีจะนำเด็กไปส่งศาลเยาวชนและครอบครัวกลางเพื่อให้ศาลทำการไตร่สวนคดีทำร้ายร่างกายผู้อื่น ซึ่งผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ว่ามีพยานหลักฐานมากน้อยเพียงใดที่จะเอาผิดเด็กได้ ส่วนขั้นตอนต่อไปศาลจะเป็นผู้พิจารณาอีกครั้ง

พ.ต.ท.พนม กล่าวอีกว่า สำหรับนางสมจิตร ผู้เสียหายเจ้าหน้าทีได้ทำการติดต่อไว้แล้วขณะนี้นางสมจิตรกำลังเดินทางมาจากจังหวัดขอนแก่นและจะมาพบพนักงานสอบสวนบ่ายวันนี้เพื่อทำการสอบสวนเรื่องที่เกิดขึ้น และแจ้งความให้ดำเนินคดีกับเด็กข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่น

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จากปากคำให้การของเด็กที่กล่าวหาว่านางสมจิตรเก็บนาฬิกาได้แต่เมื่อเข้าไปสอบถามนางสมจิตรปฏิเสธ พฤติการณ์ตรงนี้นางสมจิตรจะมีความผิดด้วยหรือไม่ พ.ต.ท.พนม กล่าวว่าพฤติการณ์ตรงนี้ต้องรอสอบนางสมจิตรให้ชัดเจนก่อนยังตอบไม่ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการส่งตัวผู้ต้องหาเยาวชนชาย อายุ 17 ปี ต่อศาลเยาวชนฯในครั้งนี้ได้มีที่ปรึกษากฎหมาย นักสังคมสงเคราะห์ นักวิชาการ ร่วมซักถาม โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ศาลอนุญาตให้ประกันตัวในวงเงิน 5,000บาท โดยให้ญาติรับตัวไป และให้มารายตัวในวันที่ 29 ส.ค.นี้ เวลา 10.00 น.

ส่วนพนักงานสอบสวน ให้ทำสำนวนฝากขังวันที่ 22 ส.ค.ต่อไป ทั้งนี้ระหว่างที่นายเอ ถูกควบคุมตัวมาศาลนั้น มีอาการร้องไห้และบ่นว่าไม่คิดว่าเรื่องราวจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ที่ทำไปเพราะรู้สึกโกรธที่มีคนลักเอานาฬิกาที่ตนได้เป็นของขวัญจากบิดาไปเท่านั้น

นายสราวุธ เบญจกุล รองเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เปิดเผย ถึงขั้นตอนการดำเนินคดีกับเยาวชนว่า เป็นไปตาม พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัว และวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัวพ.ศ.2553 โดยกฎหมายระบุว่า ให้นำเด็กที่ถูกจับกุม ไปยังศาลเยาวชนฯ เพื่อตรวจสอบการจับกุมว่า เป็นไปโดยชอบหรือไม่ ถ้าการจับไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลจะสั่งปล่อยตัวเด็กหรือเยาวชนนั้นไป และถ้าเด็กยังไม่มีทนายความ ศาลจะสั่งตั้งทนายความให้ และถ้าการกระทำของเด็กไม่มีพฤติการณ์ที่อาจเป็นภัยต่อบุคคลอื่นอย่างร้ายแรง ศาลอาจมีคำสั่งให้มอบตัวเด็กแก่บิดามารดา ในระหว่างการดำเนินคดีต่อไปเป็นมาตรการการควบคุมตัวเด็ก ซึ่งกฎหมายให้สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ทำหน้าที่ควบคุมตัวเด็กในระหว่างสอบสวนหรือในชั้นศาลอีกทั้งระหว่างตำรวจจับกุมตัวเด็กก่อนส่งตัวไปศาล ก็ห้ามควบคุมตัวปะปนกับผู้ต้องหาผู้ใหญ่

นอกจากนี้ตามพ.ร.บ.ฉบับใหม่ ยังมีการนำ “มาตรการพิเศษแทนการดำเนินคดีอาญา” มาใช้กับคดีเด็กและเยาวชน โดยให้เอาตัวเด็กไปทำแผนแก้ไขฟื้นฟู ทั้งก่อนฟ้องคดีและชั้นพิจารณาคดี และต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย คือตัวเด็ก ผู้ปกครอง โรงเรียน นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ เพื่อให้เด็กได้มีโอกาสปรับปรุงพฤติกรรมของตัวเอง และมีการบรรเทาผลร้ายอย่างเหมาะสม โดยเด็กจะต้องมีความสำนึกในการกระทำและพร้อมที่จะกลับตัวเป็นคนดีด้วยก็ได้