“อั้ม” รับตกใจรู้ข่าวแม่ถูกตำรวจจับข้อหาจ่ายเช็คเด้ง 1.5 ล้าน แจงพ่อกับแม่แยกทางกันมาหลายปีแล้ว ส่วนตนอยู่กับยาย แต่ก็ส่งเงินให้แม่ทุกเดือน ไม่เคยทอดทิ้ง ยันช่วยเต็มที่ ส่วนเรื่องคดีไม่ขอพูดถึง อ้างอยู่ในชั้นศาล
ร้อนใจจนต้องออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวชี้แจงด้วยตนเอง ในส่วนของพระเอกชื่อดัง “อั้ม อธิชาติ ชุมนานนท์” กรณีที่ “นางบุญญาพร สาคริก” ผู้เป็นแม่แท้ๆ ถูกตำรวจ สภ.บางละมุง จับข้อหาจ่ายเช็คเด้ง 1.5 ล้านบาท หลังมีผู้เสียหาย ก็คือ “น.ส.ทอปัด สุภิชัยธนากุล” ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ ว่า แม่ของพระเอกอั้มได้ยืมเงินตนไปเป็นจำนวน 1.5 ล้านบาท และต่อมาวันที่ 14 เมษายน นางบุญญาพร ได้ชำระหนี้เป็นเช็คเงินสด แต่เมื่อนำเช็คไปขึ้นเงิน ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ธนาคารปฏิเสธที่จะจ่ายเงิน เพราะลายเซ็นไม่เหมือนเจ้าของบัญชี
ซึ่งกับเรื่องดังกล่าว ทางด้านของ นางบุญญาพร ก็ยอมรับว่า เป็นเรื่องจริง โดยเผยว่า ก่อนหน้านี้ ตนได้ร่วมทำธุรกิจกับผู้เสียหาย และได้รับเงินมาจำนวน 1.5 ล้านบาท จากนั้นตนจึงนำไปปล่อยกู้ในอัตราร้อยละ 60 ต่อเดือน และคืนเฉพาะดอกเบี้ยไปให้แล้วกว่า 2 ล้านบาท แต่ภายหลังลูกหนี้ที่ปล่อยให้กู้หนีไปหมด จึงทำให้ไม่มีเงินต้นคืนให้ เป็นเหตุให้เรื่องราวบานปลายจนโดนจับฉาวขึ้นหน้าหนึ่งดังกล่าว
ล่าสุด เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ (29 พ.ค.) พระเอกอั้มได้นัดสื่อมวลชนแถลงเคลียร์เรื่องที่เกิดขึ้นที่ช่อง 3 อาคารมาลีนนท์ โดยเจ้าตัวยอมรับว่า รู้สึกตกใจเมื่อได้ทราบข่าว แต่ไม่ขอพูดถึงรายละเอียด อ้างอยู่ในกระบวนการของศาล แต่ปัดทอดทิ้งแม่ยันส่งเงินให้ใช้ทุกเดือน
“วันนี้ผมมาชี้แจงครับ อย่าเรียกว่าแถลงเลย เรื่องข่าวคุณแม่ผมเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ผมอยากจะชี้แจงว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นคุณแม่ของผมจริง ในที่ผ่านมา ที่ผมยังไม่ได้ชี้แจง เพราะมีการจัดเตรียมเรื่องการประกันตัว รวมถึงเตรียมหลักฐานในการดูแลคุณแม่ อีกทั้งยังต้องทำงาน ก็เพิ่งได้เจอคุณแม่ ก็เลยได้สอบถามข้อมูล วันนี้เลยนัดชี้แจงพร้อมกันเลยทีเดียว”
“เรื่องของรายละเอียดของคุณแม่ผมต้องขอนิดนึง เพราะมันเป็นเรื่องชั้นศาลแล้ว และทนายความดูแลเรื่องนี้อยู่ ตัวผมเองไม่ได้รู้รายละเอียดเท่าไร ถามว่า มันเป็นเรื่องเช็คจริงหรือเปล่า ผมยังตอบไม่ได้ว่าเป็นเรื่องของอะไร ยังบอกรายละเอียดไม่ได้ ถ้าผมตอบอะไรไป หรือถ้าผมไม่ทราบอะไรก็จะส่งผลต่อรูปคดี ตอนนี้ต้องให้ทนายคุยกับคุณแม่ และรวบรวมหลักฐานอีกที”
“เท่าที่ได้เจอคุณแม่ก็ค่อนข้างตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เราก็สอบถามเรื่องราวบ้าง แต่ผมก็ไม่เข้าใจในเรื่องงานของเขาเท่าไร อีกเรื่องที่อยากชี้แจง ว่า ผมไม่ได้เจอแม่มา 2-3 ปีแล้ว ที่จริงผมเจอกันบ้าง และติดต่อกันตลอด อีกอย่างคุณแม่มีครอบครัวใหม่มา 7-8 ปี คุณพ่อก็มีครอบครัวใหม่ ไม่ได้เจอกัน แต่ก็ติดต่อกันบ้าง”
“ข่าวมันค่อนข้างแรง ผมเองก็ตกใจ ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องที่บ้านเรา จนน้องเขยน้องสาวโทร.มาบอก ก็ปรึกษา เราก็พยายามแก้ไขไม่ได้นิ่งนอนใจ คุณแม่ก็ไม่ได้เรียกร้องให้ดูแลอะไรเป็นพิเศษ แต่ในเรื่องคดีความหรือเอกสารท่านไม่ค่อยรู้รายละเอียดมากนัก ผมก็ไม่สามารถตอบคำถามในเรื่องของเอกสารได้ชัดเจน ให้คุยกับทางทนาย”
“ผมก็ให้ช่วยเหลือคุณแม่ด้วยการโอนเงินให้น้องเขยประกันตัวออกมาก่อนแล้ว ค่อยมาคุยรายละเอียด ผมไม่เคยทราบเรื่องราวมาตั้งแต่ต้น เงินที่ประกันตัวก็มีของน้องเขยน้องสาวด้วยครับ เรื่องการตั้งทนายผมก็ดูแลให้ด้วย เห็นทางน้องเขยบอกว่าก็พยายามขอข้อมูล แต่ผมก็ไม่ทราบเรื่องมากเพราะน้องเขยจัดการ แต่เราก็ประกันตัวออกมาก่อน ค่อยมีการดำเนินเรื่อง ตอนนี้คุณแม่อยู่กับน้องสาวที่กรุงเทพฯครับ ศาลนัดเมื่อไหร่ก็ไม่ทราบเพราะน้องสาวเป็นคนจัดการ แต่ยังไงทางทนายก็จัดการอยู่แล้วครับ”
“ถามว่า ถ้าคู่กรณีขอเงินล้านห้าแล้วจะจบ ผมจะยอมไหม อันนี้ผมตอบไม่ได้เพราะผมไม่ทราบเรื่องราวของเอกสารที่เกิดขึ้น ที่เซ็นกันขึ้นต้องดูเอกสารก่อน ถามว่าจะช่วยแม่เต็มที่ไหม ผมและพี่สาวน้องสาวผมยังไงก็ช่วยเหลือคุณแม่กันอย่างเต็มที่อยู่แล้ว เมื่อวานก็พูดคุยกัน สภาพจิตใจคุณแม่ก็ค่อนข้างแย่ ใครเจอปัญหาแบบนี้ก็คงแย่ ส่วนตัวผมงงและตกใจครับ ถามว่ามีส่งผลกระทบต่องานไหมไม่ครับ แต่เพื่อนที่ทราบข่าวก็ห่วงแทน คุณนัทก็เป็นกำลังใจให้อย่างดี เราพูดคุยกันตลอด”
“หลังจากนี้ก็เป็นเรื่องของชั้นศาลแล้ว แต่เราก็ไม่ทราบรายละเอียดเพราะต่างคนต่างมีครอบครัว ซึ่งกับคุณแม่เราติดต่อกันเรื่อยๆ ตามประสาแม่ลูก ปกติคุณแม่อยู่กับแฟนใหม่ที่ต่างจังหวัด ส่วนคุณพ่อก็ให้กำลังใจเรื่องนี้ บอกเดี๋ยวก็ผ่านไป ผมได้เจอกับคุณแม่ก็ไม่นานมานี้เพราะแม่มาหายาย เพราะผมดูแลยายที่บ้าน เราก็ไม่ได้ห่างเหินกัน แต่แค่ต่างคนต่างไปมีครอบครัว ก็ไม่ได้อยู่ด้วยกัน เราก็ดูแลกันตลอดอยู่แล้ว เรื่องค่าใช้จ่ายส่วนตัวทุกเดือน”
“ถามว่า คุณแม่ทำงานอะไร เท่าที่ทราบก็ค้าขายเปิดร้านอาหารบ้าง เท่าที่ผมคุยไว้ (มีข่าวว่าเราทอดทิ้งแม่เพราะดำเนินเรื่องล่าช้า?) ไม่นะ เพราะระหว่างนั้นเราก็ดำเนินการทางตำรวจ แต่ว่าติดต่อร้อยเวรไม่ได้ ผมก็ให้เพื่อนไปกับน้องสาว ไปชลบุรี ก็ทำเท่าที่ทำได้ บางกระแสว่าผมทิ้งแม่ อย่างที่บอกครับว่าผม พี่สาว น้องสาว ก็มีการดูแลทั้งฝั่งคุณพ่อคุณแม่ ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายอะไรก็แล้วแต่ แต่ค่าใช้จ่ายของครอบครัวใหม่ ผมก็ไม่สามารถตอบแทนได้ว่าเป็นยังไง แต่เรื่องเงินคือเราช่วยเหลือกันตลอด ไม่ว่าเรื่องอะไรอยู่แล้ว ไม่ว่าจะคุณพ่อคุณแม่”