xs
xsm
sm
md
lg

ศาลอุทธรณ์พิพากษา “เทพเทือก” หมิ่นฯ “หมอมิ้ง” คดีจ้างพรรคเล็กลงเลือกตั้ง

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ เดินทางมาฟังคำพิพากษาที่ศาล เช้าวันนี้(24ก.ค.)
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ศาลชั้นต้น ชี้ “เทพเทือก” หมิ่นประมาท “หมอมิ้ง” แถลงข่าวใส่ร้าย มีเอี่ยวไทยรักไทยจ้างพรรคเล็กลงเลือกตั้งปี 49 สั่งจำคุก 4 เดือน ปรับ 2 พันบาท รอลงอาญา 1 ปี พร้อมประกาศคำพิพากษาลงในหนังสือพิมพ์ ส่วน “พรรค ปชป.-อภิสิทธิ์-องอาจ” พิพากษายืนยกฟ้อง


เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (24 ก.ค.) ที่ห้องพิจารณาคดี 909 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ในคดีดำ 3306/2552 ที่ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และอดีตนายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.พรรคประธิปัตย์ และนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา

จากกรณีเมื่อวันที่ 16 มี.ค. 2549 นายสุเทพและนายองอาจได้ร่วมกันแถลงข่าวที่พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าพรรคไทยรักไทยทุจริตการเลือกตั้ง โดยจ้างพรรคเล็กลงสมัคร ทำให้พรรคไทยรักไทยได้รับความเสียหาย

โดยโจทก์นำสืบว่า นายสุเทพ จำเลยที่ 3 แถลงข่าวในที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้น พรรคประชาธิปัตย์ จำเลยที่ 1, นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จำเลยที่ 2 และนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ จำเลย 4 ต้องร่วมกันรับผิดฐานหมิ่นประมาทไปด้วย อีกทั้งการที่คณะตุลาการรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยที่ 305/2550 ที่สั่งยุบพรรคไทยรักไทยนั้น ก็ไม่มีข้อความระบุถึงตัวโจทก์ ขณะที่นายสุเทพ จำเลยที่ 3 ต่อสู้คดีว่าไม่มีเจตนาใส่ความโจทก์ และจำเลยที่ 1, 2 และ 4 ต่อสู้คดีว่า ไม่ได้มีการกระทำผิดตามฟ้องของโจทก์ขอให้ยกฟ้อง ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การแถลงข่าวของจำเลยที่ 3 มิได้แต่งเรื่องราวอันเป็นเท็จ แต่ได้รับฟังมาจากนายชวการ โตสวัสดิ์ หนึ่งในผู้เดินทางมาพบผู้บริหารพรรคไทยรักไทยว่า ผู้บริหารพรรคไทยรักไทยและโจทก์ ร่วมกันส่งคนไปเลือกตั้งและให้เงินกับแก้ไขข้อมูลในคณะกรรมการการเลือกตั้ง ใช้อิทธิพลครอบงำบุคคลต่างๆ โดยนายชวการอ้างว่าได้ยินคำว่า “หมอมิ้ง” และ “ให้เงินจ้างพรรคเล็กเข้าเลือกตั้ง” กับคำว่า “เป็นคนสายตรงกับหมอมิ้ง” พร้อมกับนายชวการยอมให้จำเลยที่ 3 อัดภาพวีซีดีการให้ข้อมูลดังกล่าวไว้ด้วย ซึ่งคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องจำเลย ต่อมาโจทก์ยื่นอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วเห็นว่า การแถลงข่าวของจำเลยที่ 3 ไม่น่าเชื่อว่ากระทำไปโดยสุจริตใจ โดยสำคัญผิดหรือมูลเหตุอันควรเชื่อโดยสุจริตใจว่า โจทก์มีส่วนร่วมกับการกระทำผิดของ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา และนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล ตามคำกล่าวอ้างของนายชวการ โตสวัสดิ์ แม้จำเลยที่ 3 มีสิทธิจะแถลงข่าวและแสดงความคิดเห็นได้เพื่อประโยชน์ต่อสาธารณะ หรือที่จำเลยเกี่ยวข้องมีส่วนได้เสียตามครรลอง แต่จำเลยที่ 3 ก็ต้องแถลงข้อเท็จจริงด้วยความระมัดระวัง และโดยสุจริตใจ ไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด โดยการกรองข่าวหรือวิเคราะห์ข่าวให้แน่นอนก่อนแถลงข่าวว่าข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโจทก์ เป็นดังคำกล่าวอ้างของนายชวการจริงหรือไม่ ทั้งจำเลยที่ 3 มีตำแหน่งเป็นถึงเลขาฯ พรรคการเมืองใหญ่ จึงต้องกระทำโดยความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น การกระทำของจำเลยที่ 3 ในการแถลงข่าวเกี่ยวกับโจทก์ว่าร่วมกระทำผิดในการจ้างผู้สมัครพรรคการเมืองขนาดเล็กให้ลงแข่งขันกับพรรคไทยรักไทยและร่วมกันแก้ไขข้อมูลเพิ่มรายชื่อผู้สมัครลงในฐานข้อมูลของคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. โดยทุจริต ย่อมทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ถูกดูหมิ่นเกลียดชังว่าเป็นนักการเมืองที่กระทำผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง อันเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์โดยการโฆษณา

ส่วนปัญหาว่า พรรคประชาธิปัตย์ จำเลยที่ 1 นายอภิสิทธิ์ จำเลยที่ 2 และนายองอาจ จำเลยที่ 4 ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 3 ด้วยหรือไม่นั้น เห็นว่าขณะจำเลยที่ 3 แถลงข่าว ที่พรรคประชาธิปัตย์ จำเลยที่ 1 นั้น นายอภิสิทธิ์ จำเลยที่ 2 ในฐานะหัวหน้าพรรคไม่ได้นั่งแถลงข่าวด้วย ขณะที่นายองอาจจำเลยที่ 4 ในฐานะโฆษกพรรคนั่งอยู่ด้วย แต่ไม่ได้ร่วมแถลงข่าวแต่อย่างใด พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักไม่เพียงพอ นอกจากนี้ โจทก์ไม่ได้นำสืบให้เห็นแน่ชัดว่า จำเลยที่ 1-2 และ 4 มีส่วนร่วมกระทำผิดอย่างไร

เห็นควรพิพากษาแก้เป็นว่า จำเลย 3 มีความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.328 จำคุก 6 เดือน ปรับ 3 พันบาท ทางนำสืบของจำเลยที่ 3 เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 4 เดือน ปรับ 2 พันบาท โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้มีกำหนด 1 ปี และให้จำเลยที่ 3 ประกาศคำพิพากษาลงในหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ไทยรัฐ และมติชน เป็นเวลา 3 วัน ในหน้า 1 หรือหน้า 3 โดยให้จำเลยที่ 3 เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด นอกจากที่แก้ ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น



กำลังโหลดความคิดเห็น