xs
xsm
sm
md
lg

ศาลฎีกาจำคุก 50 ปี อดีตตำรวจบึงกุ่มยักยอกเงินค่าปรับ!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

แฟ้มภาพ
ศาลฎีกาพิพากษายืนจำคุก 50 ปี อดีตตำรวจธุรการ สน.บึงกุ่ม ยักยอกเงินค่าปรับที่เป็นรายได้เข้าแผ่นดิน ชี้เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ กลับกระทำผิดเสียเอง ที่จำเลยอ้างรู้เท่าไม่ถึงการณ์นั้นไม่มีเหตุผลเพียงพอ

ที่ห้องพิจารณา 711 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (11 ก.ค.) ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ อ.3522/2552 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ ฟ้อง ส.ต.อ.โกศล จอมพงศ์ อายุ 41 ปี อดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายธุรการ สน.บึงกุ่ม เป็นจำเลยในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใดๆ เบียดบังทรัพย์เป็นของตนเองโดยทุจริต และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

โจทก์ฟ้องว่าระหว่างวันที่ 10 ก.พ. 2546 - 30 เม.ย. 2547 ต่อเนื่องกัน จำเลยมีหน้าที่ทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย นำเงินค่าเปรียบเทียบปรับต่างๆ ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ร.บ.รถยนต์ เงินรางวัล เงินค่าธรรมเนียมใบอนุญาตจัดให้มีการเล่นการพนัน อันเป็นรายได้ของแผ่นดินส่งเข้ารัฐ แต่จำเลยกลับปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเบียดบังเงินทรัพย์รวม 353 ครั้ง เป็นเงินจำนวน 512,342 บาท เป็นของตนเองโดยทุจริต ทำให้ สน.บึงกุ่ม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงการคลัง ได้รับความเสียหาย ขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 147 และ 157 ด้วย จำเลยให้การรับสารภาพ

คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 19 พ.ย. 2553 ว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง ลงโทษฐานเป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 353 กระทง เป็นเวลา 1,765 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 882 ปี แต่ตามกฎหมายให้จำคุกจำเลยไว้สูงสุดมีกำหนด 50 ปี และให้คืนเงินจำนวน 512,342 บาทแก่รัฐ ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษา วันที่ 6 ก.ย. 2554 พิพากษายืน จำเลยยื่นฎีกาขอให้ศาลลดโทษ

ศาลฎีกาประชุมปรึกษาหารือแล้วเห็นว่า จำเลยมีหน้าที่เก็บเงินค่าปรับต่างๆ เข้าบัญชีธนาคารเพื่อส่งรายได้เข้าแผ่นดิน ย่อมได้รับความคาดหมายเรื่องความซื่อสัตย์ แต่กลับกระทำผิดเสียเองเป็นเวลาถึง 3 ปีต่อเนื่องกัน รวมกระทำผิดทั้งสิ้น 353 ครั้ง ทำให้รัฐเสียหายเป็นเงิน 512,342 บาท ที่จำเลยฎีกาขอให้ลดโทษอ้างว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่มีความชำนาญด้านการเงิน ต้องดูแลมารดาที่เจ็บป่วยนั้น และได้คืนเงินให้แก่รัฐแล้ว ยังไม่มีเหตุผลเพียงพอให้ลดโทษ หรือรอการลงโทษจำเลย ที่ศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์พิพากษานั้นเหมาะสมแล้ว ไม่มีเหตุให้เปลี่ยนแปลงคำสั่งเป็นอย่างอื่น พิพากษายืนจำคุกจำเลยเป็นเวลา 50 ปี
กำลังโหลดความคิดเห็น