ศาลอุทธรณ์แก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นจากประหารชีวิต ให้เหลือจำคุกตลอดชีวิตพ.ต.ท.ค้ายาบ้า 1 ล้านเม็ด เหตุคำให้การจำเลยมีประโยชน์ต่อการพิจารณา เห็นสมควรลดโทษหนึ่งในสาม
วันนี้ (5 ก.ค.) ที่ห้องพิจารณา 809 ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีหมายเลขดำ อย.4063/2550 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดียาเสพติด 2 เป็นโจทก์ฟ้อง พ.ต.ท.หรือนายอภิวุฒิ งามสมบัติ หรือนายเพชร นนทะภา เป็นจำเลยในความผิดฐานสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และเป็นข้าราชการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
โจทก์ฟ้องว่า ระหว่าง พ.ค.2541 ถึงวันที่ 14 มี.ค.4252 ต่อเนื่องกัน ขณะเกิดเหตุจำเลยเป็นข้าราชการตำรวจ ระดับ รอง ผกก. แห่งหนึ่งใน บช.น. กับพวกอีกคนหนึ่งที่หลบหนี ร่วมกันจำหน่ายและมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย เมทแอมเฟตามีนให้แก่ลูกค้า โดยวันที่ 14 มี.ค.2542 เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม ผู้ต้องหาคดีค้ายาเสพติด 2 ราย ได้ของกลางยาบ้ารวม 1,016,400 เม็ด จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้สอบสวนขยายผล ทราบว่าจำเลยมีส่วนร่วมกับกลุ่มค้ายาเสพติดดังกล่าว จึงไปจับกุมจำเลยได้ที่ ห้องเลขที่ 811 อาคารไนซ์แมนชั่น 2 ถนนประชาอุทิศ แขวงและเขตห้วยขวาง กทม. ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 และริบของกลาง
คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 24 ก.พ.2553 พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ลงโทษประหารชีวิต เมื่อคดีนี้ศาลลงโทษประหารชีวิต ต่อมาจำเลยยื่นอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ประชุมปรึกษาแล้วเห็นว่า พยานหลักฐานของจำเลยไม่อาจหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ แต่คำให้การของจำเลยมีประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง เห็นสมควรลดโทษให้หนึ่งในสาม พิพากษาแก้เป็นจำเลยมีความผิดฐานสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และเป็นข้าราชการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต ให้นับโทษจำเลยต่อจาก คดีหมายเลขแดง อย.3876/2549 ที่ศาลอาญาพิพากษาจำคุก จำเลย ฐานมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย เป็นเวลา 3 ปี 6 เดือนและปรับ 200,000 บาท และคดีหมายเลขแดง อ.2411/2552 ที่ศาลอาญาพิพากษาจำคุก จำเลย กับ นางมณี จุลลา ฐานร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จและร่วมกันใช้หรือแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน คนละ 1 ปี และปรับจำเลยที่ 2 จำนวน 10,000 บาท โดยให้รอการลงโทษเฉพาะจำเลยที่ 2 มีกำหนด 2 ปี ด้วย
