xs
xsm
sm
md
lg

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ปรับ 2 แสน คนเก็บขยะขายซีดีเก่า

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายสุรัตน์ มณีนพรัตน์สุดา พนักงานเก็บขยะ กทม.
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ปรับ 2 แสน หนุ่มพนักงานเก็บขยะ กทม.ขายซีดีเก่า ด้านภรรยาวอนหน่วยราชการให้ความช่วยเหลือเพราะไม่มีเงินชำระค่าปรับ

วันนี้ (10 ก.ค.) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องนายสุรัตน์ มณีนพรัตน์สุดา อายุ 26 ปี พนักงานประจำรถขยะกทม. เขตสะพานสูง เป็นจำเลยฐานมีแผ่นซีดีเพื่อเสนอจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ. 2551 มาตรา 38 วรรค 1 คดีนี้ศาลชั้นต้นลงโทษปรับ 2 แสนบาท ต่อมากรมคุ้มครองสิทธิ กระทรวงยุติธรรมได้มาช่วยประกันตัวให้ และจำเลยยื่นอุทธรณ์ มีนายสุรสิทธิ์ บิดาซึ่งเป็นคนเก็บขยะเขตพระโขนง กับนางส้มโอ ภรรยาและลูกสาวอีกสองคน อายุ 9 ขวบกับ 3 ขวบ ต่างเล่นซุกซนไม่ประสีประสา

ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์ว่า ขณะเกิดเหตุวันที่ 16 ธ.ค. 2551 ตำรวจ สน.หัวหมาก พบจำเลยตั้งแผงขายซีดี 13 แผ่น วีซีดี 83 แผ่น มีลูกค้า 2 คนกำลังดูสินค้าอยู่ ตำรวจจึงขอดูใบอนุญาตจำหน่ายแผ่นซีดี ตาม พ.ร.บ.ภาพยนตร์ฯ แต่จำเลยบอกว่าไม่มี จึงควบคุมตัวไปดำเนินคดี ในชั้นสอบสวนจำเลยรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาปรับ 2 แสนบาท และลดอัตราส่วนโทษให้ คงปรับ 133,400 บาท

จำเลยยื่นข้อต่อสู้ว่า กฎหมายฉบับนี้ขัดต่อรัฐธรรมนูญเรื่องความเสมอภาค ศาลเห็นว่าจำเลยไม่สามารถยกประเด็นดังกล่าวขึ้นมากล่าวอ้างได้ ศาลอุทธรณ์จึงไม่วินิจฉัยให้ และจำเลยต่อสู้อีกว่าแผ่นวีซีดีที่ตำรวจยึดมาไม่ใช่ของจำเลย ศาลเห็นว่าจำเลยเคยรับสารภาพและลงชื่อในบัญชีของกลางโดยไม่โต้แย้ง ศาลเชื่อว่าของกลางเป็นของจำเลยจริง

ประเด็นสุดท้ายต้องพิจารณาว่า จำเลยต้องรับผิดในการกระทำหรือไม่ เห็นว่า ขณะจับกุมจำเลยมีของกลางจำนวนดังกล่าว แต่จำเลยต่อสู้ว่าตนไม่ใช่ผู้ประกอบการ ตามความหมายของ พ.ร.บ.ภาพยนตร์ แต่เป็นเพียงผู้เสนอขาย จึงไม่ต้องรับโทษตามมาตรา 38 วรรค 1 นั้น เห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าสภาพของกลางเป็นแผ่นซีดีเพลง วีซีดีมีปก และแผ่นพลาสติกใสห่อหุ้มอยู่ในสภาพเรียบร้อย ไม่เหมือนกับสิ่งของที่ถูกทิ้งในกองขยะ แต่เหมือนกับแผ่นซีดีที่วางจำหน่ายทั่วไป เชื่อว่าเป็นสินค้าที่ถูกนำมาจากแหล่งผลิต แม้จะมีการวางปนเปกันไปกับสินค้าอื่นๆ แต่ก็ฟังได้ว่าเป็นผู้จำหน่าย ผู้ประกอบการ ตามความหมายในมาตรา 38 วรรค 1 แล้ว ส่วนที่จำเลยต่อสู้ว่าโทษปรับสูงเกินไปนั้น เห็นว่า มาตรา 79 ของกฎหมายนี้ ให้ปรับ 2 แสนถึง 1 ล้านบาทนั้น ศาลชั้นต้นลงโทษปรับ 2 แสนบาท และลดอัตราส่วนโทษให้นั้นก็นับว่าลงโทษสถานเบาที่สุดแล้ว ศาลอุทธรณ์ไม่อาจลงโทษเป็นอย่างอื่น จึงพิพากษายืน

หลังฟังคำพิพากษา นายสุรัตน์ถูกเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์สวมกุญแจมือรวมกับจำเลยในคดีอาชญากรรมรายอื่น จนนางส้มโอภรรยาต้องเบือนหน้า ส่วนลูกสาวคนโตก็ได้แต่กอดน้องคนเล็กไว้แล้วบอกว่าจะไปรอพ่อข้างล่าง นางส้มโอกล่าวว่า ทุกวันนี้สามีเป็นคนหารายได้หลัก มีเงินเดือน 9,900 บาท ตนเองก็ถักสร้อยขาย อยากให้หน่วยงานราชการมาช่วย เพราะชาตินี้ตนไม่เคยจับเงินแสน ไม่รู้จะยืมเงินจากที่ใด เดิมกระทรวงยุติธรรมได้ช่วยประกันตัวให้เฉพาะศาลชั้นต้น แต่ในชั้นอุทธรณ์ครั้งนี้ยังไม่มีหลักทรัพย์มาประกันตัว

อัยการสำนึก-ตร.ปลอบใจ ฟ้องคนเก็บขยะขายซีดีเก่า
กำลังโหลดความคิดเห็น