ตรงเป้า : ศรรามา
ไม่ว่ารายการใหญ่ของวิกราชดำเนิน หรือวิกลุมพินี ต้องชิดซ้ายหลีกทางให้รายการนี้ “ศึกกิ่งเพชร” แค่ประกบคู่เอกก็กินขาด
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อ กับ พล.ต.ต.พชร บุญญสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1
ดูปูมหลังมวยคู่นี้แล้ว ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชน
“ชูวิทย์” ได้เปรียบตรงน้ำหนักมากกว่าและหนุ่มกว่า เกิดวันที่ 29 สิงหาคม 2504 เรียนจบ ม.ต้น ร.ร.อัสสัมชัญศรีราชา ม.ปลาย ร.ร.เทพศิรินทร์ ปริญญาตรีคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปริญญาโทมหาวิทยาลัยซานดิเอโก สหรัฐอเมริกา
กลับจากนอกมาเปิดธุรกิจอาบอบนวดหากินกับเรือนร่างผู้หญิงชื่อ “วิคทอเรีย ซีเคร็ท” แล้วขยายกิจการไปหลายแห่ง จนได้ฉายา “เสี่ยอ่าง”
หลังจากถลกหนังตำรวจและผู้คุมจนเลือดหยด พอมีชื่อเสียงทั่วประเทศ ชูวิทย์ก็เบนเข็มสู่ถนนการเมือง ลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.เมื่อปี 2547 สอบตกได้อันดับ 3 แต่โกยคะแนนได้กว่า 3 แสนคะแนน
ตั้งพรรคต้นตระกูลไทย แล้วยุบรวมกับพรรคชาติไทย ได้เป็นรองหัวหน้าพรรค และเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคชาติไทย เมื่อปี 2548 ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสิทธิ เพราะเป็นสมาชิกพรรคชาติไทยไม่ถึง 90 วัน
ออกจากพรรคชาติไทยลงสมัคร ส.ว.กรุงเทพฯ ถูก กกต.ตัดสิทธิ จากนั้นปี 2551 สมัครชิงผู้ว่าฯ กทม. แต่ก็ต้องพ่ายแพ้อีกครั้ง จึงหันไปเล่นสนามใหญ่ด้วยการตั้ง “พรรคสู้เพื่อไทย” เมื่อวันที่ 18 กันยายน 1531 เกิดทะเลาะกันเองในพรรค วุ่นวายจนต้องยุบตัวเอง แล้วไปตั้ง “พรรครักประเทศไทย” เมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2553
ทางด้าน พล.ต.ต.พชร บุญญสิทธิ์ เดิมชื่อ “สิทธิโชค” เกิดวันที่ 5 มีนาคม 2499 นรต.32 รุ่นเดียวกับ พล.ต.ท.วินัย ทองสอง
เส้นทางของ พล.ต.ต.พชร ลุ่มๆ ดอนๆ พอประมาณ เคยเป็น สวป.สน.ชนะสงคราม สวป.สน.ดุสิต สวญ.สน.ดุสิต เป็นรอง ผกก.จร.สน.หัวหมาก ก็ถูกสำรองราชการ บช.น. กรณีส่วยมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ซึ่งเกิดงัดข้อกับ สว.จร.ลูกน้องตัวเอง
ออกจากกรุเปลี่ยนชื่อใหม่ ไปเป็นรอง ผกก.ป.สภ.อ.หล่มสัก เพชรบูรณ์ ขึ้นเป็น ผกก.ที่สภ.อ.ท่าตะโก นครสวรรค์ วนเวียนอยู่ละแวกนั้นไม่นาน ก็ไปอยู่ ร.ร.นรต.เป็นรอง ผบก.วิชาการ โยกมาอยู่นครบาลเป็นรอง ผบก.สายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ เป็นรอง ผบก.น.4 แล้วขึ้นเป็น ผบก.น.1 แทน พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ โดยการผลักดันของ พล.ต.ท.วินัยสมัยเป็น ผบช.น.
พล.ต.ต.พชรผจญม็อบมาโชกโชนและโชกเลือด ถูกม็อบเสื้อแดงปลดอาวุธขณะไปจับกุมนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ที่โรงแรมเอสซีปาร์ค ซ้ำยังถูกคุมตัวไปเวทีคนเสื้อแดงอีกด้วย
เมื่อสภาผู้แทนปิดสมัยประชุม ชูวิทย์จอมเก๋ารู้ว่าอะไรจะเป็นข่าว เลยบุกเข้าไปในซอยเพชรบุรี 5 ที่ชาวบ้านเรียกว่าซอยกิ่งเพชร จะไปพิสูจน์บ่อนใหญ่ในนั้น แต่เมื่อถูกชาวบ้านที่เหม็นขี้หน้าเสี่ยอ่างสกัดกั้น และตำรวจไม่มาตามนัด ชูวิทย์เลยฉุนขาด
อะไรก็ยังพอทำเนา แต่ชูวิทย์เล่นเกมใบ้คำ
น้องชายเจ้าของบ่อน ไปได้กับน้องสาวคนอยู่ดูไบ อักษรย่อ ย.ยักษ์
เท่านั้นแหละกลายเป็นเรื่องบานปลาย แต่ปริศนาก็ถูกเฉลยยืนยัน เยาวเรศ ชินวัตร แยกทางกับสามีมา 20 ปีแล้ว และไม่เกี่ยวข้องกับบ่อนแต่อย่างใดทั้งสิ้น
แค่มวยคู่เอก “ชูวิทย์-พชร” ก็เรียกเสียงฮือฮาทุกมุมเมือง หันไปดูพี่เลี้ยงแต่ละฝ่าย ยิ่งดูไม่จืด
ชูวิทย์มี นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ค่ายมาลีนนท์ คอยให้น้ำให้ท่าให้ท้าย ฝ่าย พล.ต.ต.พชรมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ค่ายบางบอน เป็นกำลังหลัก
แต่ศึกกิ่งเพชร มันส์หยดติ๋งตรง “ย.ยักษ์” นี้แหละ.