คกก.สอบทุจริตโกงข้อสอบนายสิบ สั่ง 3 นายตำรวจเอี่ยวออกจากราชการแล้วก่อนดำเนินคดีอาญา ระบุ ปปง.กำลังเร่งสอบเส้นทางการเงิน เตรียมอายัดทรัพย์ตัวการ แนะทุกกองบัญชาการสอบให้ครบองค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกง ปชช.จ่อเสนออัยการยื่นฟ้องแพ่งผู้ต้องหา เรียกค่าเสียหายจัดสอบใหม่ 100 ล้าน
วันนี้ (5 ก.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีทุจรตสอบเข้าตำรวจว่า วันนี้ พล.ต.อ.ปานศริ ประภาวัติ รองผบ.ตร.ได้เรียกกองบัญาการตำรวจภูธรภาค 2, 3, 6, 9 และ บช.น.ที่มีการทุจริตสอบในพื้นที่มาชี้แจงความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนและให้ข้อแนะนำการสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติม ถึงขณะนี้พบผู้กระทำผิดทั้งหมด 66 ราย มีการจับกุมและมอบตัว 53 ราย และ 13 รายอยู่ระหว่างการหลบหนี สำหรับการสอบสวนพยานต่างๆ ตอนนี้มีความคืบหน้าแล้ว 90 เปอร์เซ็นต์ เหลือผลการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ของเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ที่ตรวจยึดได้จากผู้เข้าสอบผู้ส่งสัญญาณและผู้รับสัญญาณ
พล.ต.ต.ปิยะกล่าวต่อว่า จากการสรุปผลการสอบสวนของกองบัญชาการต่างๆ มีประเด็นที่ พล.ต.อ.ปานศิริสั่งการเพิ่มเติม คือ ให้สอบให้ครบองค์ประกอบในข้อหาฉ้อโกงประชาชน ซึ่งขณะนี้ตรวจสอบพบว่าเข้าข่ายองค์ประกอบฉ้อโกงประชาชนเกือบทุกภาค มีการประกาศ โฆษณาชวนเชื่อ บอกต่อทำให้ผู้เสียหายหลงเชืิ่อว่าสามารถให้สอบได้ จากการตรวจสอบแล้วพบว่าขณะนี้ยังไม่มีการบกพร่องของข้อสอบ ไม่มีข้อสอบรั่ว ไม่มีข้อบกพร่องในการออกข้อสอบแต่ไปตรวจพบเรื่องของการสอบแทน การใช้บัตรประชาชนปลอม การหลอกว่าใช้เครื่องมือสื่อสารในการบอกคำตอบของข้อสอบที่นำออกไปได้ แต่จากการสุ่มตรวจบางรายพบว่าคำตอบไม่ถูกต้องตามที่ได้รับสัญญาณ
พล.ต.ต.ปิยะกล่าวต่อว่า ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นตำรวจภูธรภาค 5 ตชด. ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน ให้มีคำสั่งออกจากราชการไว้ก่อน และหากพบว่ามีตำรวจคนไหนเข้าไปเกี่ยวข้องอีกให้ใช้มาตรการเดียวกัน คือ ดำเนินการทางวินัยให้ออกจากราชการไว้ก่อนและดำเนินคดีอาญาด้วย ในส่วนของ ปปง.ตอนนี้กำลังดำเนินการยึดทรัพย์ตัวการสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นนางเตืิอนใจ พงษ์พันธ์, นายดาชัย อุชุโกศลการ และนายวิบูลย์ศักดิ์ แสนจักร มีการตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบว่าผู้ต้องหามีการจ่ายเงินให้นายวิบูลย์ศักดิ์ เป็นเช็คเงินสด ฉบับละ 1 ล้านบาท จำนวน 4 ฉบับ โดยมีการส่งมอบเช็คทั้ง 4 ฉบับให้นายวิบูลย์ศักดิ์ที่บริเวณเลียบทางด่วนรามอินทรา ซึ่งเป็นการหลบเลี่ยงการตรวจสอบ เนื่องจากตามกฎหมายหากทำธุรกรรมเกิน 2 ล้านบาทต้องถูกตรวจสอบ เข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน สำหรับตัวนายวิบูลย์ศักดิ์นั้นฝ่ายสืบสวนกำลังเร่งติดตามตัวยังไม่ปรากฏว่าเสียชีวิตแต่อย่างใด
พล.ต.ต.ปิยะกล่าวอีกว่า คณะกรรมการสอบสวนมีมติเห็นชอบตรงกันว่าจะเสนอพนักงานอัยการฟ้องแพ่งผู้ต้องหาทั้งหมดฐานละเมิดค่าเสียหายมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ที่ใช้ในการจัดสอบและต้องจัดสอบใหม่ให้ทุกภาคนำหลักฐานทั้งหมดมารวมที่ส่วนกลางและเสนออัยการฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายต่อไป และข้อมูลการสอบสวนทั้งหมดจะส่งให้ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร.ไปใช้ในการป้องกันการทุจริตในการสอบใหม่ สำหรับการสอบใหม่สำนักงานตำรวจแห่งชาติยังไม่ได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการเพียงแต่เป็นข้อเสนอของ ผบช.ศ.ที่เสนอต่อ พล.ต.อ.พงศพัศ ว่าสามารถสอบฝ่ายอำนวยการได้วันที่ 3 ส.ค. และฝ่ายปราบปรามได้วันที่ 5 ส.ค. แต่ยังไม่ได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการ
รายงานข่าวแจ้งว่า ในที่ประชุมได้นำเสนอหลักฐานเป็นสมุดบัญชีรายชื่อที่จดรายชื่อของลูกค้าที่ต้องการทุจริตสอบตามหน่วยต่างๆ ทั้งสอบเข้าเป็นปลัดอำเภอ สอบเข้าเป็นตำรวจ และสอบเป็นครู มาเสนอในที่ประชุม และมีผู้เสนอความเห็นว่าควรตรวจสอบย้อนหลังว่ารายชื่อดังกล่าวได้สอบผ่านบรรจุเป็นตำรวจหรือไม่ รวมถึงตรวจสอบเส้นทางการเงินของนางเตือนใจด้วยว่า จะมีตำรวจรายใดเกี่ยวข้องบ้าง เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานย้อนหลังและดำเนินการทางวินัยต่อกลุ่มตำรวจที่ทุจริตสอบเข้ามา ขณะเดียวกัน พบว่านายวิบูลย์ศักดิ์ แสนจักร์ ผู้ต้องหาคนสำคัญที่เป็นผู้ดำเนินการทางเทคนิคและจัดหาอุปกรณ์รับส่งสัญญาณซึ่งขณะนี้ได้หลบหนีอยู่นั้น พบว่าเข้ามาเกี่ยวข้องกับขบวนการทุจริตการสอบ โดยการซื้อเครื่องรับส่งสัญญาณจากบริษัทแห่งหนึ่ง ตั้งแต่ปี 2552 - ปัจจุบัน ส่วนตำรวจ 3 นายที่พบว่าเกี่ยวข้องกับการทุจริตการสอบในปี 2555 นั้นมีจำนวน 3 ราย จาก บช.ตชด. สพฐ. และ บช.ภ.5 ทั้งหมดต้นสังกัดมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน
