ตำรวจห้วยขวางชี้เหตุวัยรุ่นสองกลุ่มตะลุมบอนกันที่ลานจอดรถอินฟินิตี้ผับ เป็นเรื่องทะเลาะวิวาทกัน ไม่มีอะไรซับซ้อน โดยกลุ่มผู้เสียหายที่ได้รับบาดเจ็บได้เดินทางเข้าให้ปากคำ เชื่อสาเหตุมาจากเรื่องหึงหวง
วันนี้ (21 มิ.ย.) พ.ต.ท.จารุภัทร ทองโกมล รอง ผกก.สส.สน.ห้วยขวาง กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีวัยรุ่นสองกลุ่มก่อเหตุตะลุมบอน และไล่ยิงกันอย่างอุกอาจ ที่ลานจอดรถร้านข้าวต้มโต้รุ่ง ถ.วัฒนธรรม เมื่อช่วงเช้าวันที่ 20 มิ.ย.ทีผ่านมา จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายรายว่า ขณะนี้ตำรวจสามารถควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้แล้ว 1 คน คือ นายสุทัศน์ หรือยุ่น ประทุมชัย อายุ 26 ปี โดยควบคุมตัวได้ที่บ้านพักย่านบางซื่อเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา จากการสอบสวนนายสุทัศน์ให้การรับสารภาพว่าได้ร่วมกันก่อเหตุดังกล่าวจริง แต่ไม่ได้เป็นคนใช้อาวุธปืนยิงกลุ่มผู้บาดเจ็บ เพียงแค่ร่วมกับเพื่อนรุมทำร้ายร่างกายกลุ่มของนายพงษ์ธรเท่านั้น ส่วนคนยิงปืนเป็นหนึ่งในกลุ่มเพื่อนๆ ของตนไม่ทราบชื่อและนามสกุล
พ.ต.ท.จารุภัทรกล่าวต่อว่า สำหรับผู้ต้องหาคนอื่นๆ รวมทั้งคนที่ยิงปืนขณะนี้รู้ตัวหมดแล้วว่าเป็นใครบ้าง อยู่ระหว่างขออนุมัติศาลออกหมายจับ คาดว่าจะได้ตัวเร็วๆ นี้ และขณะนี้ตำรวจก็ได้ปลอกกระสุนของคนร้ายแล้วเป็นปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม.จำนวน 14 ปลอก ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญทางคดีอย่างมาก ส่วนสาเหตุเป็นเรื่องทะเลาะวิวาทกันของวัยรุ่นสองกลุ่มไม่มีอะไรซับซ้อน แต่รายละเอียดอื่นๆ ยังไม่ขอเปิดเผยเพราะจะเสียรูปคดี สำหรับนายสุทัศน์ได้แจ้งข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยใช้อาวุธปืน และร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น
ต่อมา นายประดิษฐ์ หรือเตี้ย ฉายาภักดี อายุ 34 ปี เดินทางมาที่ สน.ห้วยขวาง ในสภาพมีผ้าก็อตพันแผลปิดไว้ที่ตาด้านซ้าย พร้อมด้วยนายวัชรากร หรือเก่ง นาคาสุ อายุ 27 ปี นายอภิชาติ หรือตี๋อ้วน เจิมประดิษฐวงศ์ อายุ 27 ปี และ น.ส.มนทิรา หรือติ้ง ปากสิทธิ์ อายุ 25 ปี แฟนสาวของนายพงษ์ธร เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ
นายวัชรากรกล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนและเพื่อนๆ เพิ่งเลิกเที่ยวออกมาจากผับอินฟินิตี้ที่ติดกับร้านข้าวต้มโต้รุ่ง และกำลังจะแยกย้ายกันกลับบ้าน จู่ๆ ก็มีผู้ชายวัยรุ่นคนหนึ่งวิ่งเข้ามาต่อยเพื่อนตน จากนั้นก็มีวัยรุ่นอีกนับสิบคนพากันวิ่งกรูกันเข้ามารุมทำร้ายตนด้วยจึงเกิดการตะลุมบอนกันขึ้น แต่ผู้ชายคนหนึ่งสูงประมาณ 170 ซม. อายุประมาณ 30 ปี สวมเสื้อเชิ้ตลายสกอตสีชมพูอ่อนสู้ตนไม่ได้ ชายคนดังกล่าวเลยวิ่งไปหยิบปืนจากเพื่อนแล้ววิ่งกลับมาไล่ยิงตน โชคดีที่ตนเห็นก่อนและวิ่งหนีมาได้ ไม่อย่างนั้นคงถูกยิงเสียชีวิตอย่างแน่นอน
ขณะที่ น.ส.มนทิราเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังว่า คืนเกิดเหตุตนกับนายพงษ์ธรแฟนหนุ่ม และเพื่อนๆ พากันไปเที่ยวที่ผับอินฟินิตี้ เมื่อไปถึงก็พบ น.ส.เหมียว และนายแนท ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง ซึ่งทั้งคู่เป็นแฟนกัน และรู้จักกับพวกตนเข้าไปเที่ยวที่ผับนั้นด้วย จากนั้น น.ส.เหมียวกับนายแนทเกิดทะเลาะกันในร้าน ตนและแฟนหนุ่มจึงเข้าไปห้ามปรามจนทั้งคู่สงบลง พอผับเลิกตอนเดินออกมานอกร้าน พวกตนได้ยืนคุยกับ น.ส.เหมียว และนายแนทอีกครั้ง ขณะที่คุยกันอยู่นั้น จู่ๆ กลุ่มวัยรุ่นกลุ่มนั้นก็วิ่งเข้ามาต่อยเพื่อนตนและแฟนตนจนเกิดการชุลมุนกันขึ้น แต่แฟนของตนพลาดท่าล้มลงเลยถูกพวกนั้นรุมกระทืบไม่ยั้ง ขนาดนายประดิษฐ์เข้าไปช่วยและยกมือไหว้ขอร้องแล้ว กลุ่มวัยรุ่นกลุ่มนั้นก็ยังไม่หยุด ยังรุมกระทืบแฟนตนจนสลบไป และตนก็ยังเห็นผู้ชายที่สวมเสื้อลายสกอตสีชมพูก็ยังเอาปืนกับเพื่อนคนหนึ่งที่อยู่ในรถมินิคูเปอร์สีขาว ไม่ทราบทะเบียน ที่จอดอยู่ที่ลานจอดรถอีกด้วย จากนั้นก็ถือมาวิ่งไล่ยิงนายวัชรากรจนหมดแมกฯ โชคดีที่ไม่ถูกใคร ภาพนั้นยังติดตาอยู่จนถึงตอนนี้ ซึ่งพวกนี้กระทำกันอย่างเหี้ยมโหดมากทั้งที่ไม่เคยมีเรื่องกันมาก่อน อยากให้ตำรวจจับกุมพวกนี้ให้ได้โดยเร็ว ส่วนแฟนของตนขณะนี้ได้ย้ายไปรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท 1 แล้ว แต่ใบหน้ายังปวดบวมและฟกช้ำอยู่ แพทย์ต้องให้นอนโรงพยาบาลเพื่อรอดูอาการอีกสักพักหนึ่งถึงจะกลับบ้านได้
นายอภิชาติกล่าวด้วยว่า ตนเป็นแฟนเก่าของ น.ส.เหมียว ที่เลิกกันไปนานแล้ว แต่ น.ส.เหมียวยังตามราวีไม่เลิก ทุกครั้งที่เจอกัน น.ส.เหมียวก็ชอบเข้ามาทำร้ายตนและแฟนใหม่ของตนด้วย กระทั่งวันเกิดเหตุตนเข้าไปเที่ยวที่ร้านแล้วไปเจอ น.ส.เหมียวกับเพื่อนๆ ของเขาอยู่ในร้านนั้น พอ น.ส.เหมียวเห็นตนเข้ามาในร้าน น.ส.เหมียวก็ได้สะกิดบอกกลุ่มเพื่อนของ น.ส.เหมียวให้มองมาที่ตน ซึ่งร้านดังกล่าว น.ส.เหมียวจะรู้จักกับพวกการ์ดและพนักงานของร้านเป็นอย่างดี พอร้านเลิกตนเดินออกมาจากร้านได้ไม่นานก็ถูกพวกเพื่อนๆ ของ น.ส.เหมียวเข้ามารุมทำร้าย โดยถูกมีดฟันที่แขนซ้าย และถูกเหล็กแป๊บตีเข้าที่ใบหน้าได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นเชื่อว่าน่าจะมาจากเรื่องของตนกับ น.ส.เหมียว ที่ยังมีเรื่องระหองระแหงกันอยู่ โดย น.ส.เหมียวไม่ยอมเลิกรายังตามราวีตนไม่เลิก