อาม่าเจ้าของมินิชน นศ.เอแบคและเพื่อนพลเมืองดี เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนเข้าให้ปากคำ ระบุหลานชายมาสารภาพหลังเกิดเหตุได้ 5 วันว่าเป็นคนขับรถมินิพุ่งชน และจะเข้ามอบตัวไม่เกินวันที่ 5 มิ.ย.นี้ ขณะที่ผู้อยู่ในเหตุการณ์เล่านาทีระทึก เห็นร่างพลเมืองดีถูกชนกระจัดกระจายแถมคนขับมินิยังชะลอดูก่อนจะขับออกไปอย่างรวดเร็ว
วันนี้ (30 พ.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น.ที่ สน.ทางด่วน 1 นางหงษ์ แซ่ลี่ อายุ 81 ปี เจ้าของรถมินิคูเปอร์สีแดง พร้อมนายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ณัฐพล โกมินทรชาติ รองผู้กำกับงานศูนย์ควบคุมการจราจรด่วน 1 และ พ.ต.ท.กันตภณ สินธวาชีวะ พนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.ทางด่วน 1 ตามหมายเรียกที่ทางเจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวมาทำการสอบปากคำ
นางหงษ์กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่ารถดังกล่าวนั้นหลานชายของตนได้นำไปชนคนได้รับบาดเจ็บเนื่องจากวันและเวลาดังกล่าวตนได้เข้าทำการผ่าตัดทำบายพาส และพักฟื้นอาการโรคหัวใจที่โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งหลังจากเกิดเหตุ 5 วัน (25 พค. 55) ก็เห็นหลานชายเก็บตัวอยู่ในห้องนั่งร้องไห้ จึงถามหลานชาย ซึ่งหลานชายได้มาสารภาพว่าได้นำรถไปขับชนคนจริงหลังจากไปดูฟุตบอลที่บ้านเพื่อนและขับรถมาด้วยความเร็วจึงมองไม่เห็น ซึ่งหลานชายรู้สึกตกใจ เสียใจ และร้องไห้กับสิ่งที่เกิดขึ้น ส่วนรถคันดังกล่าวที่ถูกนำเข้าอู่ หลานชายเป็นนำไปเข้าอู่ซ่อมรถ ตนเองไม่ทราบเรื่อง และตอนนี้หลานชายทำงานอยู่ที่ต่างจังหวัดกับเพื่อนและจะเข้ามอบตัวไม่เกินวันอังคาร ที่ 5 มิ.ย.ที่จะถึงนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้มีญาติของผู้ได้รับบาดเจ็บ พร้อมบริษัท วิริยะประกันภัย เข้าพบพนักงานสอบสวนและนางหงษ์ เพื่อเจรจาเรื่องการจ่ายค่าเสียหายด้วย
ทางด้าน นายโอภาส คงปาน อายุ 28 ปี ผู้อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนพร้อมเพื่อนอีก 5 คนได้อยู่ในรถมิตซูบิซิ สีแดง ซึ่งวิ่งมาทางช่องทางขวาและเกิดอุบัติเหตุชนกับรถเบนซ์ หมายเลขทะเบียนป้ายแดง พ 7897 กทม. จากนั้นแฟนสาวของตนก็ได้ลงไปหาคนช่วย เนื่องจากตนและเพื่อนติดอยู่ภายในรถ จากนั้นกลุ่มของ น.ส.โชติกา ผู้บาดเจ็บได้มาช่วย จากนั้นไม่นานตนก็เห็นรถมินิคันดังกล่าวที่วิ่งมาด้วยความเร็วชนกลุ่มพลเมืองดีกระจัดกระจาย รวมทั้งเห็นร่างของ น.ส.โชติกาลอยก่อนตกลงมา อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุคนขับมินิได้ชะลอดูก่อนจะวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
พ.ต.ท.ณัฐพลกล่าวว่า ในวันนี้จะมีการสอบสวนนางหงษ์ในฐานะเป็นเจ้าของรถยนต์ ส่วนนายชลวิทย์ได้ทราบว่าตนได้รับหมายเรียกแล้ว และจะเข้าพบพนักงานสอบสวนตามกำหนด ทั้งนี้ ถ้าหากเจ้าหน้าที่ตำรวจพบตัวนายชลวิทย์ก่อนก็สามารถนำตัวมาดำเนินคดีได้ทันที เนื่องจากพยานหลักฐานครบถ้วนหมดแล้ว จึงขอให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ หากไม่มาแสดงตัวตนก็ต้องออกหมายจับทันที
