คุณยายวัย 60 ปี เครียดถูกโรคประจำตัวรุมเร้า ประกอบคิดถึงลูกชายที่เสียชีวิตไปเมื่อ 2 ปีก่อน ดื่มสุราจนเมาก่อนจุดไฟเผาบ้านตัวเอง ถูกไฟคลอกร่างดำเป็นตอตะโกเสียชีวิตอนาถ พยานระบุก่อนเกิดเหตุได้ไปซื้อยาฆ่าตัวตายแต่เจ้าของร้านยาไม่ขายให้
วันนี้ (7 มิ.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น. พ.ต.ท.ศรัณยพงศ์ พันธุ์เพ็ง พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.บางนา รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้และมีผุ้เสียชีวิต ภายในบ้านกลางชุมชนร่วมใจประเสริฐ ซอยสุขุมวิท 70/5 แขวงและเขตบางนา กทม. จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบแล้วรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิงสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. แพทย์นิติเวช รพ.จุฬาฯ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุเป็นชุมชนแออัดมีบ้านปลูกติดกันหลายหลัง พบบ้านต้นเพลิงเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวไม่มีเลขที่ ซึ่งแสงเพลิงและกลุ่มควันกำลังพวยพุ่งออกมาจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ชุดผจญเพลิงต้องใช้เวลาลากสายส่งวางหัวฉีดน้ำควบคุมนาน 30 นาที เนื่องจากเป็นซอยที่แคบและลำบากต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ฯ ส่งผลให้บ้านหลังดังกล่าวถูกเพลิงไหม้วอดวายทั้งหลัง ทั้งยังลุกลามไปติดบ้านข้างเคียงจนได้รับความเสียหายไปด้วยอีกจำนวน 2 หลัง จากการตรวจสอบภายในของบ้านต้นเพลิง พบศพนางสนิท ชาญศรี อายุ 60 ปี เจ้าของบ้านเสียชีวิตในสภาพถูกไฟคลอกร่างจนดำเป็นตอตะโก
จากการสอบสวนนางบุญทิ้ง คำอาจหยุด อายุ 21 ปี ลูกสะใภ้ผู้ตายให้การว่า ปกติบ้านหลังนี้มีผู้อาศัยรวมกัน จำนวน 5 คน แต่ช่วงที่เกิดเหตุทุกคนออกไปทำงานกันหมดเหลือเพียงนางสนิทอยู่บ้านตามลำพัง แต่ก่อนหน้านี้นางสนิทมักจะบ่นให้ชาวบ้านฟังเสมอว่าอยากฆ่าตัวตาย เนื่องจากทนคิดถึงลูกชายคนเล็กที่เสียชีวิตด้วยโรคประจำตัวเมื่อ 2 ปีที่แล้วไม่ไหว ทำให้ต้องดื่มสุราทุกวัน ประกอบกับเจ้าตัวก็เริ่มมีความเครียดสะสมเพราะถูกโรคความดันโลหิตสูงรุมเร้ายามโรคกำเริบก็จะเกิดอาการชัก เพิ่งจะกลับจากรักษาตัวที่ รพ.ปิยะมินทร์ มาเมื่อ 3-4 วันที่แล้ว
พ.ต.ท.ศรัณยพงศ์เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อเวลาประมาณ 12.00 น. มีเจ้าของร้านขายยาในละแวกใกล้เคียงให้ข้อมูลว่านางสนิทกำลังอยู่ในอาการเมาสุรา ได้เดินไปขอซื้อยากินเพื่อฆ่าตัวตายแต่เจ้าของร้านดังกล่าวไม่ยอมขายให้ กระทั่งนางสนิทเดินหายเข้าไปในบ้านแล้วเกิดเหตุเพลิงไหม้คลอกร่างตนเองเสียชีวิต
เบื้องต้นจะต้องรอผลการผ่าชันสูตรพลิกศพจากแพทย์เพื่อทราบสาเหตุที่แน่ชัด และผลตรวจสภาพที่เกิดเหตุจากกองพิสูจน์หลักฐานนำมาประกอบในสำนวนคดี เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป