เหตุสะท้อนสังคมชนแล้วหนีครั้งนี้ เป็นที่รับรู้กันอย่างกว้างขวางในสังคมออนไลน์และส่งต่อๆ กันมา เมื่อผู้ใช้เฟชบุ๊ก ชื่อ Wong Cartoon ได้โพสต์ข้อความ“ให้ช่วยติดตาม”พร้อมกับภาพของน้องสาว น.ส.โชติกา ประสาทโสพันธุ์ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ที่ประสบอุบัติเหตุ ถูกรถมินิคูเปอร์สีแดง ล้อแมกซ์สีดำ ป้ายแดง เลขทะเบียน 4721 หลังจากก่อเหตุชนหญิงสาวบนสะพานพระราม 9 เมื่อเวลาประมาณตี 4 ของคืนวันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคมที่ผ่านมา
“น้องสาวและเพื่อน กำลังลงไปช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุบนสะพาน แต่แล้วก็มี “รถมินิคูเปอร์สีแดง ล้อแมกซ์สีดำ” ขับมาชนน้องสาว รวมถึงชนคนจากรถคันอื่นที่จอดและลงมาช่วยเหลืออีก 3 คน รวมทั้งหมดที่โดนมินิชน 4 คน ตอนนี้น้องสาวยังไม่ได้สติเลย สมองถูกกระทบกระเทือน ขาหัก มีเลือดออกในช่องท้อง ยังอยู่ในห้องไอซียูอยู่เลยค่ะ ใครพบเบาะแสอะไร รบกวนช่วยกันแจ้งกลับมาหน่อยนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ” ข้อความจากพี่สาวเหยื่อ โพสต์ผ่านสังคมโซเซียลมีเดียให้ช่วยแจ้งเบาะแส
จากนั้นบรรดานักสืบในโลกออนไลน์ต่างมีการสืบหาข้อมูลและแชร์ภาพเหยื่อออกไป เพื่อหาคนทำมารับผิดชอบกับสิ่งที่ได้กระทำลงไป กระทั่งความพยายามในการไล่ล่าโชเฟอร์ตีนผีซิ่งมินิชนเริ่มประสบความสำเร็จเมื่อวันที่ 27 พ.ค. พ.ต.ท.ณัฐพล โกมินทรชาติ รองผู้กำกับการงานศูนย์ควบคุมจราจรด่วน 1 กองกับการ 2 กองบังคับการตำรวจจราจร (รอง ผกก.สน.ทางด่วน 1 กก.2 บก.จร.) พบรถต้องสงสัยขับลงที่บริเวณทางด่วนพระราม 2 และติดตามได้จากอู่ซ่อมรถแห่งหนึ่งย่านเอกชัย ซึ่งเปลี่ยนป้ายทะเบียนจากป้ายเเดง 4721 เป็นป้ายขาว ฆก 5232 กรุงเทพมหานคร มีร่องรอยการถูกชน กระจกด้านหน้าแตก กันชนหน้าได้รับความเสียหาย ภายในรถพบเอกสารระบุชื่อนางหงษ์ เเซ่ลี้ อายุ 81 ปี อยู่บ้านเลขที่ 84/1 หมู่ 2 บางขุนเทียน เขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร เป็นเจ้าของ และผลการเรียนของโรงเรียนฐานปัญญา ระบุชื่อ “นายชลวิทย์ หิรัญชัชวาลย์ อายุ 18 ปี”
ก่อนหน้านี้ทางคนขับรถมินิจะส่งทนายความมาแก้ต่าง อ้างว่าในวันเกิดเหตุนายชลวิทย์ไม่ได้แจ้งให้ทางบ้านทราบว่าขับรถชนคน กระทั่งเป็นข่าวครึกโครมจึงสารภาพกับนางหงส์ว่าเป็นผู้ขับรถมินิคูเปอร์ในวันเกิดเหตุจริง และเกิดอุบัติเหตุชนคนบาดเจ็บจริง แต่ที่ไม่ลงมาช่วยเหลือและขับรถหนี เนื่องจากตกใจที่เกิดเหตุการณ์ขึ้น
จากนั้น นางหงษ์ เเซ่ลี้ อายุ 81 ปี เจ้าของรถมินิคูเปอร์สีแดง เข้าให้ปากคำตามหมายเรียกระบุว่า หลังจากเกิดเหตุ 5 วัน (25 พ.ค. 55) เห็นหลานชายเก็บตัวอยู่ในห้องนั่งร้องไห้ จึงถามหลานชาย ซึ่งหลานชายได้มาสารภาพว่าได้นำรถไปขับชนคนจริงหลังจากไปดูฟุตบอลที่บ้านเพื่อนและขับรถมาด้วยความเร็วจึงมองไม่เห็น ซึ่งหลานชายรู้สึกตกใจ เสียใจ และร้องไห้กับสิ่งที่เกิดขึ้น ส่วนรถคันดังกล่าวที่ถูกนำเข้าอู่ หลานชายเป็นนำไปเข้าอู่ซ่อมรถ ตนเองไม่ทราบเรื่อง และตอนนี้หลานชายทำงานอยู่ที่ต่างจังหวัดกับเพื่อนและจะเข้ามอบตัวไม่เกินวันอังคาร ที่ 5 มิ.ย.ที่จะถึงนี้
นายโอภาส คงปาน อายุ 28 ปี ผู้อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนพร้อมเพื่อนอีก 5 คนได้อยู่ในรถมิตซูบิซิ สีแดง ซึ่งวิ่งมาทางช่องทางขวาและเกิดอุบัติเหตุชนกับรถเบนซ์ หมายเลขทะเบียนป้ายแดง พ 7897 กทม. จากนั้นแฟนสาวของตนก็ได้ลงไปหาคนช่วย เนื่องจากตนและเพื่อนติดอยู่ภายในรถ จากนั้นกลุ่มของ น.ส.โชติกา ผู้บาดเจ็บได้มาช่วย จากนั้นไม่นานตนก็เห็นรถมินิคันดังกล่าวที่วิ่งมาด้วยความเร็วชนกลุ่มพลเมืองดีกระจัดกระจาย รวมทั้งเห็นร่างของ น.ส.โชติกาลอยก่อนตกลงมา หลังเกิดเหตุคนขับมินิได้ชะลอดูก่อนจะวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้แตกต่างกับคดี “แพรวา”ที่เคยตกเป็นข่าวดังคึกโครม เมื่อคุณหนูไฮโซขับรถเก๋งฮอนด้าซีวิค สีขาว ชนกับท้ายรถตู้โดยสารบนทางด่วนโทลล์เวย์ จนทำให้มีผู้โดยสารในรถกระเด็นออกมาเสียชีวิตทั้งหมด 9 ราย และบาดเจ็บอีกหลายราย เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 27 ธ.ค. 53 เนื่องจากผู้ก่อเหตุมีอายุเพิ่งจะ17-18 เหมือนกัน แถมลักษณะและพฤติกรรมที่เกิดขึ้นมาแนวทางเดียวกันตลอด
ถ้าเทียบกับคดีล่าสุดของนายสมพร จูตระกูล อายุ 32 ปี หนุ่มพนักงานขับรถส่งอาหารของบาร์บีคิวพลาซ่า ที่ขับรถเฉี่ยวชนนักร้องสาวหล่อ “ซี มัฑณาวี”แห่งค่ายอาร์เอส ขณะเดินข้ามถนน จนต้องเข้าผ่าตัดสมอง เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นตอนสาบของวันที่ 27 พ.ค. พ.ต.ท.เจริญสิทธิ์ จงอิทธิ พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.ปทุมวัน ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุมีรถเฉี่ยวชนคนเดินเท้าได้รับบาดเจ็บ โดยเหตุเกิดที่บริเวณถนนพระราม 1 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กทม. จึงรุดไปตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุพบรถกระบะยี่ห้อเชฟโรเลต รุ่นโคโลราโด สีขาว หมายเลขทะเบียน ตว 9956 กทม. ซึ่งเป็นรถขนส่งอาหารของร้านบาร์บีคิวพลาซ่า ลักษณะรถมีร่องรอยการเฉี่ยวชนที่ประตูทางด้านซ้าย และที่บริเวณกระจกมองข้างซ้าย สำหรับผู้บาดเจ็บถูกนำส่ง รพ.ตำรวจ ทราบชื่อ น.ส.มัฑณาวี คีแนน อายุ 24 ปี นักร้องวัยรุ่นชื่อดังสังกัดค่ายอาร์เอส อยู่บ้านเลขที่ 48/100 ถ.สุขาภิบาล 5 ซ.47 แขวงออเงิน เขตสายไหม กทม. ได้รับบาดเจ็บสมองได้รับการกระทบกระเทือนและมีเลือดออกในสมอง โดยเบื้องต้นทางแพทย์ได้ผ่าตัดให้การช่วยเหลือ
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่พบนายสมพร จูตระกูล อายุ 32 ปี ที่อยู่ 145 /611ม.14 ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี คนขับรถกระบะที่เกิดเหตุ อยู่บริเวณหน้าห้องฉุกเฉิน รพ.ตำรวจ โดยนายสมพรให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้ขับรถเพื่อมาส่งวัตถุดิบให้กับร้านบาร์บีคิวพลาซ่า ที่ย่านดังกล่าวโดยได้ขับรถมาตามถนนพระราม 1 จากแยกราชประสงค์ มุ่งหน้าแยกเฉลิมเผ่า โดยใช้ช่องทางพิเศษเป็นเลนขวาสุดของถนนพระราม 1 ขาออก ขณะขับรถมาใกล้กับทางเข้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ปรากฏว่าคนเจ็บได้เดินลงมาจากเกาะกลาง ซึ่งขณะนั้นตนมองไม่เห็นเนื่องจากมีเสาตอม่อรถไฟฟ้าบีทีเอสบดบัง จึงทำให้รถได้เฉี่ยวชนผู้บาดเจ็บจนล้มลงกับพื้นได้รับบาดเจ็บดังกล่าว
หลังเกิดเหตุ นายสมพรโชเฟอร์รถกระบะมีความสำนึกผิด นำตัวนักร้องส่ง รพ.และคอยเฝ้าดูอาการอยู่ตลอดเวลา แม้หลังการรักษา นายสมพรเองก็หมั่นคอยไปเยี่ยมอาการคู่กรณีไม่ห่าง ขณะนักร้องสาวหล่อเองก็ไม่ได้ติดใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมให้อภัย ซึ่งการออกมารับผิดอย่างน้อยก็ได้แสดงถึงความรับผิดชอบที่คนทุกคนพึ่งต้องมี
ประเด็นที่ต้องจับตามองต่อไปก็คือ การดำเนินคดีของคนขับมินิ จะเข้าอีหรอบเดิมแบบคดีของ “แพรวา” หรือไม่ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่หากทำงานแบบตรงไปตรงมาไม่มีการยื้อเวลาส่งฟ้อง เรื่องก็คงจบเร็ว หากปล่อยช้าเนินนาน เหยื่อผู้ถูกกระทำก็ต้องรอความยุติธรรมต่อไป แต่ที่ไม่รอแล้วและประชาชนต่างรู้และจำขึ้นใจว่าหากเกิดคดีสะเทือนขวัญเหล่านี้พวกเค้าก็จะให้นึกถึงคดีหมูหยอง-แพรวา-หมอมุก และมินิชนพลเมืองดีแน่นอน
อย่างไรก็ตาม บนพื้นฐานความรับผิดชอบของผู้กระทำ ทั้ง “โชเฟอร์รถส่งของ” กับ “หลานชายอาม่า” ที่ขับรถมินิคูเปอร์นั้น แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ต้องยอมรับว่า เมื่อหันไปดูปัจจัยการดำรงชีพของทั้งสองฝ่ายนั้น แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน แต่เมื่อมองถึงพื้นฐานความรับผิดชอบที่อยู่ในใจของทั้งสองฝ่าย กลับแตกต่างกันราวสวรรค์กับนรก! นี่แหละที่เขาเรียกว่าจิตใจ “มนุษย์!”