ตำรวจสำโรงเหนือจับ 2 ผู้ต้องหาร่วมกับพวกที่ยังเป็นเยาวชน ออกตระเวนปล้นทรัพย์ตามถนนสายต่างๆ โดยใช้ จยย.จอดขวางถนน แล้วชักอาวุธปืนออกมาขู่ให้เหยื่อส่งทรัพย์สินให้ ใครขัดขืนจะทำร้ายร่างกายทันที เผยก่อคดีมาหลายพื้นที่ทั้งเมืองหลวงและปริมณฑล
วันนี้ (26 พ.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่ สภ.สำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ พ.ต.อ.นครพัฒน์ พรหมพันธ์ รอง ผบก.สมุทรปราการ พ.ต.อ.ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ ผกก.สภ.สำโรงเหนือ พ.ต.ท.ณรงค์ ชนะภัยกุล รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.ภาคภูมิ โห้ใย สว.สส. พ.ต.ต.กฤติน ตปสีโล สวป. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.สำโรงเหนือ แถลงการจับกุม นายกล้า มีสัตย์ อายุ 24 ปี บ้านเลขที่ 60 ม.10 ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ นายนครินทร์ หรือเขียด แก้วถมยา บ้านเลขที่ 2742 ม.6 ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ 2 ผู้ต้องหาใช้รถจยย.ตระเวนก่อเหตุปล้นทรัพย์ในเวลากลางคืน พร้อมของกลางแหวนหลวงพ่อพยนต์ จำนวน 1 วง อาวุธปืนลูกซองพกสั้นจำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืนขนาดลูกซองเบอร์ 20 จักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นโซนิค สีดำ-แดง จำนวน 1 คัน จักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นโซนิค สีดำ-เทา จำนวน 1 คัน โทรศัพท์มือถือจำนวน 1 เครื่อง โดยกล่าวหาว่าร่วมกันปล้นทรัพย์ผู้อื่นโดยมีหรือใช้อาวุธปืนโดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุมและร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุสมควร
พ.ต.อ.นครพัฒน์ พรหมพันธ์ รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ กล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้งหมดมี 4 คนรวมตัวกันเป็นแก๊งขับขี่จักรยานยนต์ออกตระเวนไปตามถนนและตามซอยต่างๆ ในเวลากลางคืนเพื่อปล้นทรัพย์ โดยเมื่อพบเหยื่อจะใช้จักรยานยนต์จอดขวาง ก่อนชักอาวุธปืนมาขู่พร้อมกับบังคับให้ผู้เสียหายส่งทรัพย์สินหรือไม่ก็ให้เพื่อนร่วมแก๊งอีก 2 คนที่เป็นเยาวชนหญิงอายุไม่เกิน 17 ปี ลงไปปลดทรัพย์แทน หากผู้เสียหายขัดขืนก็จะทำร้ายร่างกาย ส่วนทรัพย์สินที่ได้มานั้นจะนำไปขายแล้วนำเงินมาแบ่งกันเพื่อไปซื้อยาบ้ามาเสพ และจากการตรวจสอบประวัติพบว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 คนนี้เคยต้องโทษเกี่ยวกับยาเสพติดในเรือนจำเขาบิน จ.ราชบุรี ในข้อหาเสพยาเสพติด และรู้จักสนิทกันในเรือนจำ เมื่อพ้นโทษจึงชักชวนกันก่อเหตุเพื่อนำเงินมาใช้จ่ายและซื้อยาบ้าเสพ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดต่อผู้เสียหายมาชี้ตัวและตรวจสอบทรัพย์สิน ต่างก็ยืนยันว่าเป็นบุคคลที่ปล้นทรัพย์ไปจริง จากการตรวจสอบทราบว่าแก๊งดังกล่าวก่อเหตุมาแล้ว 5 ครั้ง ทั้งในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ และเขตกรุงเทพมหานคร ส่วนเยาวชนหญิงร่วมแก๊งอีก 2 คนตามข้อมูลที่ผู้เสียหายยืนยันนั้นอยู่ระหว่างประมวลผลข้อมูลเพื่อนำตัวมาสอบสวนก่อนจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
วันนี้ (26 พ.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่ สภ.สำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ พ.ต.อ.นครพัฒน์ พรหมพันธ์ รอง ผบก.สมุทรปราการ พ.ต.อ.ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ ผกก.สภ.สำโรงเหนือ พ.ต.ท.ณรงค์ ชนะภัยกุล รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.ภาคภูมิ โห้ใย สว.สส. พ.ต.ต.กฤติน ตปสีโล สวป. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.สำโรงเหนือ แถลงการจับกุม นายกล้า มีสัตย์ อายุ 24 ปี บ้านเลขที่ 60 ม.10 ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ นายนครินทร์ หรือเขียด แก้วถมยา บ้านเลขที่ 2742 ม.6 ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ 2 ผู้ต้องหาใช้รถจยย.ตระเวนก่อเหตุปล้นทรัพย์ในเวลากลางคืน พร้อมของกลางแหวนหลวงพ่อพยนต์ จำนวน 1 วง อาวุธปืนลูกซองพกสั้นจำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืนขนาดลูกซองเบอร์ 20 จักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นโซนิค สีดำ-แดง จำนวน 1 คัน จักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นโซนิค สีดำ-เทา จำนวน 1 คัน โทรศัพท์มือถือจำนวน 1 เครื่อง โดยกล่าวหาว่าร่วมกันปล้นทรัพย์ผู้อื่นโดยมีหรือใช้อาวุธปืนโดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุมและร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุสมควร
พ.ต.อ.นครพัฒน์ พรหมพันธ์ รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ กล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้งหมดมี 4 คนรวมตัวกันเป็นแก๊งขับขี่จักรยานยนต์ออกตระเวนไปตามถนนและตามซอยต่างๆ ในเวลากลางคืนเพื่อปล้นทรัพย์ โดยเมื่อพบเหยื่อจะใช้จักรยานยนต์จอดขวาง ก่อนชักอาวุธปืนมาขู่พร้อมกับบังคับให้ผู้เสียหายส่งทรัพย์สินหรือไม่ก็ให้เพื่อนร่วมแก๊งอีก 2 คนที่เป็นเยาวชนหญิงอายุไม่เกิน 17 ปี ลงไปปลดทรัพย์แทน หากผู้เสียหายขัดขืนก็จะทำร้ายร่างกาย ส่วนทรัพย์สินที่ได้มานั้นจะนำไปขายแล้วนำเงินมาแบ่งกันเพื่อไปซื้อยาบ้ามาเสพ และจากการตรวจสอบประวัติพบว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 คนนี้เคยต้องโทษเกี่ยวกับยาเสพติดในเรือนจำเขาบิน จ.ราชบุรี ในข้อหาเสพยาเสพติด และรู้จักสนิทกันในเรือนจำ เมื่อพ้นโทษจึงชักชวนกันก่อเหตุเพื่อนำเงินมาใช้จ่ายและซื้อยาบ้าเสพ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดต่อผู้เสียหายมาชี้ตัวและตรวจสอบทรัพย์สิน ต่างก็ยืนยันว่าเป็นบุคคลที่ปล้นทรัพย์ไปจริง จากการตรวจสอบทราบว่าแก๊งดังกล่าวก่อเหตุมาแล้ว 5 ครั้ง ทั้งในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ และเขตกรุงเทพมหานคร ส่วนเยาวชนหญิงร่วมแก๊งอีก 2 คนตามข้อมูลที่ผู้เสียหายยืนยันนั้นอยู่ระหว่างประมวลผลข้อมูลเพื่อนำตัวมาสอบสวนก่อนจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป