ศาลพิพากษาจำคุก ร.ต.อ.อดีตรองสารวัตรธุรการ ก่อเหตุยิงกิ๊กทหารตายคาร้านอาหาร เป็นเวลา 15 ปี แต่คำให้การของจำเลยมีประโยชน์ต่อการพิจารณาอยู่บ้าง เห็นสมควรลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลย 10 ปี
วันนี้ (17 พ.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 809 ศาลอาญา ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.647/2554 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 3 นางสวรรค์ ใจสงัด มารดาของ จ.ส.อ.หญิง เกสรา ใจสงัด เจ้าหน้าที่ทหารสังกัดกองพลาธิการ กรมยุทธบริการทหารบก ผู้ตาย พร้อมบุตร 2 คนของ จ.ส.อ.หญิง เกสรา เป็นโจทก์ ฟ้อง ร.ต.อ.นพฤทธิ์ วิเศษศักดิ์ อายุ 44 ปี อดีตรอง สว.ธุรการ บก.น.7 เป็นจำเลยในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตาย พาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 2 พ.ย. 2553 จำเลยพาอาวุธปืนขนาด 9 มม.ไปที่ร้านอาหารอีสาน ไม่มีชื่อ ริมถนนประชาราษฎร์ 2 แขวงและเขตบางซื่อ กทม. ก่อนใช้ปืนยิง จ.ส.อ.หญิง เกสรา ใจสงัด อายุ 39 ปี เจ้าหน้าที่ทหารสังกัดกองพลาธิการ กรมยุทธบริการทหารบก เพื่อนสาวคนสนิทของจำเลยเข้าที่คิ้วซ้ายทะลุท้ายทอย เสียชีวิตขณะนั่งอยู่ที่ร้านอาหารดังกล่าว โดยก่อนเกิดเหตุจำเลยกับผู้ตายพร้อมเพื่อนรวม 8 คนไปนั่งรับประทานอาหารและดื่มสุรา ต่อมาจำเลยเกิดความหึงหวงผู้ตาย จึงลุกขึ้นชักปืนยิง จ.ส.อ.หญิง เกสราถึงแก่ความตาย หลังก่อเหตุได้หลบหนีไป ต่อมาวันที่ 5 พ.ย. 2553 จำเลยเข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมให้การปฏิเสธอ้างว่าปืนลั่น ไม่มีเจตนายิงผู้ตาย
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์มีเพื่อนร่วมงานของผู้ตายเบิกความเป็นพยานทำนองว่า ก่อนเกิดเหตุพยานกับจำเลยและผู้ตายรวมทั้งเพื่อนๆ 8 คนไปนั่งรับประทานอาหารกันที่ร้านกัญจน์ไก่ย่างก่อน เมื่อรับประทานเสร็จแล้วจึงชวนกันย้ายไปต่อที่ร้านอาหารอีสานที่เกิดเหตุ โดยจำเลยนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามผู้ตาย ระหว่างนั้นมีเพื่อนผู้หญิงของผู้ตายพูดแซวผู้ตาย ในทำนองว่าเมื่อคืนไปไหนมา ทำไมกลับดึกถึงเวลา 03.00 น. ปรากฏว่าจำเลยเลยได้ยินจึงถามผู้ตายถึง 3 ครั้งว่า “ตกลงมึงไปไหนมา” จากนั้นจำเลยได้ลุกขึ้นยืนก่อนชักปืนยิงผู้ตาย 1 นัด ก่อนเดินทางข้ามถนนขึ้นรถหลบหนีไป ซึ่งจากผลการตรวจชันสูตรศพพบว่าวิถีกระสุนมาจากบนลงล่าง สอดคล้องกับพยานที่ระบุว่าจำเลยอยู่ในท่ายืนยิง ขณะที่ผู้ตายนั่งอยู่ที่เก้าอี้ การกระทำของจำเลยเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ กระทำไปโดยไม่ยับยั้งความคิด ที่จำเลยต่อสู้ว่าปืนลั่นนั้นมีจำเลยกล่าวอ้างเพียงปากเดียว ไม่มีพยานอื่นสนับสนุน ฟังได้ว่าจำเลยเป็นผู้ยิง จ.ส.อ.หญิง เกสรา ถึงแก่ความตาย และพกพาปืนของกลางไปโดยไม่ดีรับอนุญาต
พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ลงโทษจำคุกเป็นเวลา 15 ปี ฐานพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ ปรับ 2,100 บาท คำให้การของจำเลยมีประโยชน์ต่อการพิจารณาอยู่บ้าง เห็นสมควรลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ลงโทษจำคุกเป็นเวลา 10 ปี ฐานพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ ปรับ 1,400 บาท ริบของกลางอาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุนปืน
ด้าน นายกฤตพัส มังคุด ทนายความจำเลย กล่าวว่า คดีนี้จำเลยยินยอมชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ร่วมทั้งสาม รวมเป็นเงิน 4.5 ล้านบาท โดยเมื่อวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา โจทก์ร่วมจึงได้ถอนฟ้องทั้งคดีแพ่งและอาญา ทั้งานี้ปรึกษาจำเลยแล้วเห็นว่าจะยื่นอุทธรณ์คดีต่อไป โดยจะอุทธรณ์ในประเด็นว่าได้ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ร่วมจนเป็นที่พอใจแล้ว และจำเลยก็ต่อสู้มาตลอดว่าไม่มีเจตนายิงผู้ตาย แต่เกิดจากสาเหตุปืนลั่น จึงหวังว่าศาลสูงจะพิจารณาในประเด็นกระทำการประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และขอให้ศาลสูงลดโทษเบากว่านี้