ศาลไม่รับคดี “จำลอง ศรีเมือง” แกนนำ พธม.กับพวก ฟ้องหมิ่น “จตุพร พรหมพันธุ์” กล่าวหา พธม.คลั่งชาติ ปลุกกระแสเขาพระวิหาร ชี้เป็นการวิพากษ์ทางการเมือง ติชมโดยสุจริต
วันนี้ (17 พ.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ห้องพิจารณา 801 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำสั่ง ในคดีที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กับพวกรวม 6 คน เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. พร้อมพวกรวม 4 คน เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328, พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 กรณีเมื่อวันที่ 8 พ.ย.53 นายจตุพรให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนทำนองว่าโจทก์ทั้งหกร่วมกับทหารบางกลุ่มใช้บันทึก MOU 43 ปลุกกระแสชาตินิยม และออกมาชุมนุมเพื่อสร้างความวุ่นวาย โดยมีการเผยแพร่คำสัมภาษณ์ลงในเว็บไซต์ และลงพิมพ์บทความในหนังสือพิมพ์ข่าวสด
ศาลได้พิเคราะห์พยานหลักฐานในชั้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่า จำเลยที่ 1 เป็น ส.ส.และแกนนำ นปช. ข้อความที่จำเลยที่ 1 กล่าวสัมภาษณ์และจำเลยที่ 2 นำไปตีพิมพ์ลงในเว็บไซต์มีลักษณะเป็นการโต้ตอบทางการเมืองโดยทั่วไป ถือเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่แต่ละฝ่ายจะต้องแถลงข่าวและให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนด้วยการวิพากษ์วิจารณ์หรือติชมฝ่ายตรงข้าม ซึ่งเป็นวิถีการเมืองตามระบอบประชาธิปไตย
เมื่อโจทก์ทั้งหกเป็นผู้เกี่ยวข้องกับการเรียกร้องเรื่องเขตแดนไทยและกัมพูชา บริเวณรอบปราสาทเขาพระวิหาร จำเลยที่ 1 จึงย่อมมีสิทธิวิพากษ์วิจารณ์และติชมเกี่ยวกับการกระทำของโจทก์ทั้งหก จึงถือได้ว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการแสดงความเห็นโดยสุจริต เพื่อความชอบธรรม
แม้ข้อความที่จำเลยที่ 1 กล่าวว่า “สร้างความวุ่นวายในประเทศ และรัฐบาลคุมสถานการณ์ไม่ได้” ก็เป็นการแสดงความเห็นเกี่ยวกับการกระทำของโจทก์ทั้งหก ที่เรียกร้องให้ประชาชนมาชุมนุมว่าเป็นการไม่สมควรเท่านั้น ส่วนข้อความที่ว่า “เพื่อเปิดช่องให้ทหารยึดอำนาจ” ก็เป็นการกล่าวตามความเข้าใจของจำเลยที่ 1 ที่ไม่ได้ยืนยันข้อเท็จจริง จึงถือเป็นการติชมด้วยความเป็นธรรม ไม่ถือเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ทั้งหก และไม่เป็นความผิด พ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์ฯ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ คดีโจทก์ไม่มีมูลที่จะประทับรับฟ้องไว้พิจารณา