ตำรวจปราบปรามการค้ามนุษย์ จับหนุ่มใหญ่ในข้อหาค้ามนุษย์ นำหญิงไทยส่งออกไปให้แก๊งยากูซ่าบังคับค้าประเวณีที่ญี่ปุ่น เจ้าตัวปฏิเสธอ้างแค่รับทำวีซ่าส่งไปทำงานร้านอาหารให้เท่านั้น
วันนี้ ( 11 พ.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) พล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืชน์ ผบก.ปคม. แถลงข่าวจับกุม นายจักรพันธ์ วัชรพินธ์ หรือ แจ๊ค อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 107 ซ.คู้บอน 28 แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว กทม.ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 291/2555 ลงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2555 ข้อหาสมคบตั้งแต่สามคนขึ้นไปเพื่อค้ามนุษย์โดยพาหรือส่งหญิงไทยออกนอกราชอาณาจักรเพื่อการค้าประเวณี โดยจับกุมได้ที่บ้านพักเลขที่ดังกล่าว
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2554 ตำรวจญี่ปุ่นเข้าช่วยเหลือหญิงไทย 3 คนที่ถูกบังคับค้าประเวณีที่เกาะแห่งหนึ่งใน จ.นากาโน๊ะ โดยจับกุมกลุ่มยากูซ่าที่บังคับหญิงไทยไว้ได้หลายคน หนึ่งในนั้นมีนางอรชร ฮายาชิ หรือ ตา อดีตภรรยานายจักรพันธ์ ซึ่งแต่งงานใหม่กับชายญี่ปุ่นรวมอยู่ด้วย จากนั้นได้ส่งตัวหญิงไทยกลับประเทศเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเพื่อให้ บก.ปคม.สอบสวนขยายผล
จากการสอบสวนทราบว่า เมื่อปี 2554 หญิงสาวผู้เสียหายทั้งสามอายุประมาณ 30 ปีมีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้ติดต่อทำวีซ่ากับนายจักรพันธ์ โดยมีผู้ร่วมขบวนการอีก 3 คนจดทะเบียนสมรสกับหญิงไทยก่อนเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่น เมื่อไปถึงได้ไปอยู่กับนางอรชรเพื่อทำงานร้านอาหารแต่กลับถูกบังคับค้าประเวณีเพื่อชดใช้หนี้เป็นเงินคนละ 1.9 ล้าน - 2.5 ล้านบาทนานประมาณ 3-7 เดือนแต่โชคดีที่มีตำรวจญี่ปุ่นเข้าช่วยเหลือไว้ได้ก่อน ตำรวจ บก.ปคมจึงนำหลักฐานขออนุมัติหมายจับนายจักรพันธ์จากศาลและติดตามจับกุมตัวมาได้
เบื้องต้นนายจักรพันธ์ ให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องการค้ามนุษย์หรือค้าประเวณีหญิงสาวผู้เสียหายทั้งหมดแต่อย่างใด แต่ยอมรับว่าเป็นผู้ทำวีซ่าให้กับผู้เสียหายเพื่อเดินทางเข้าญี่ปุ่นโดยได้ค่าจ้าง 20,000-40,000 บาท ซึ่งตอนที่ทำเอกสารให้นั้นผู้ปกครองรวมทั้งผู้เสียหายก็ยินยอมและทราบว่างานที่จะไปทำเป็นงานร้านอาหารที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่เมื่อไปถึงแล้วก็ไม่ทราบว่าไปทำอะไรกันบ้างแต่ก็เชื่อว่าพวกเขาคงหนีไปทำงานอื่น ส่วนนางอรชร หรือตานั้นก็รับว่าเป็นอดีตภรรยาซึ่งแยกทางกันนานแล้วและนางอรชรก็ไปอยู่กินกับชาวญี่ปุ่นจึงไม่ทราบเรื่องส่วนตัวของเขา
