“ธาริต” ยันดีเอสไอสรุปไม่สั่งฟ้อง “จตุพร” คดีกล่าวปราศรัยหมิ่นเบื้องสูง ระบุ พยานหลักฐานและคำกล่าวปราศรัยยังไม่เข้าข่ายความผิด ม.112 ขณะที่คดีผังล้มเจ้า เป็นดุลพินิจอัยการฯ สั่งไม่ฟ้องตามพนักงานสอบสวนดีเอสไอและสั่งสอบเพิ่มก็ได้
วันนี้ (10 พ.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ แถลงถึงความคืบหน้าการสอบสวนคดีนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กับพวก ตามมาตรา 112 กรณีกล่าวปราศรัยในปี 2553 ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยว่า คดีดังกล่าวพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ที่มี พ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข รองอธิบดีดีเอสไอ เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้ร่วมสอบสวนกับพนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด มาโดยลำดับ จนสุดท้ายที่ประชุมร่วมเห็นว่าการสอบสวนเสร็จสิ้น ก่อนมีการทำความเห็นและคำสั่ง โดยดีเอสไอมีความเห็นว่า ควรสั่งไม่ฟ้องนายจตุพร กับพวก ด้วยเหตุผลจากการสอบสวนพยานหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด คำกล่าวในการปราศัยครั้งนั้น ยังไม่เข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 112 ประมวลกฎหมายอาญา จึงสั่งไม่ฟ้อง พร้อมส่งสำนวนไปยังอัยการฝ่ายคดีพิเศษแล้ว ซึ่งคดีนายจตุพรถือว่าคดีเป็นที่ยุติสั่งไม่ฟ้องแล้ว
อธิบดีดีเอสไอยังกล่าวถึงความคืบหน้าการสอบสวนคดีผังล้มเจ้า เลขที่ 101/2553 ว่า คดีผังล้มเจ้า ที่มีรายชื่อบุคคล 39 คน ในผังตามคำร้องทุกข์ของ ศอฉ. ที่ผ่านมาดีเอสไอได้แยกดำเนินคดีเฉพาะรายบุคคลออกมา 23 ราย มีทั้งสั่งฟ้องและสั่งไม่ฟ้องไปยังพนักงานอัยการคดีพิเศษ ส่วนคดีผังล้มเจ้าในภาพรวม จากการสอบสวนมาอย่างต่อเนื่อง โดยให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้ามาให้การเป็นพยานถึงการทำผัง ก็ไม่มีพยานยืนยันถึงความชัดเจนในการจัดทำผัง และไม่มีพยานให้การยืนยันในการกระทำผิดของบุคคลทั้ง 39 คน ที่มีรายชื่อในผังล้มเจ้า ทั้งนี้ จากการที่ดีเอสไอและอัยการได้ประชุมร่วมกัน มีความเห็นว่า เพียงพอควรยุติการสอบสวน เพราะขณะนี้ยังไม่พบการกระทำความผิด
อย่างไรก็ตาม หากต่อไปพบพยานหลักฐานการกระทำความผิดเพิ่มเติมก็สามารถดำเนินการสอบสวนในภายหน้าได้ ทั้งนี้ ดีเอสไอได้ส่งสำนวนให้อัยการแล้ว ต่อจากนี้จะเป็นหน้าที่ของพนักงานอัยการว่า จะมีคำสั่งความเห็นตามพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ หรือเห็นเป็นอย่างอื่น โดยพนักงานอัยการจะสั่งคดีได้ 3 ประเด็น คือ 1. สั่งไม่ฟ้องตามพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ 2. สั่งฟ้องต่างจากพนักงานสอบสวนคดีพิเศษทำความเห็นไป และ 3. สั่งให้สอบสวนเพิ่มเติม