ตำรวจกองปราบ ตามจับกุมอดีต ส.ต.ต.ที่ถูกไล่ออกจากราชการเพราะร่วมแก๊งโจรกรรมรถยนต์ ผันตัวเองเป็นมือปืนรับจ้าง รับงานยิงนายก อบต.ในพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ แล้วหนีไปกบดานถึงหนองบัวลำภู แต่ไม่รอด ตำรวจตามจับได้ เจ้าตัวปากแข็งไม่ยอมซัดทอดผู้จ้างวาน
วันนี้ (6 พ.ค.) เวลา 10.30 น. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาท ผบก.ป. พ.ต.อ.ปิยะ เจริญสุข ผกก.1 บก.ป. แถลงจับกุมอดีตตำรวจถูกออกจากราชการ รับงานมือปืนยิงนายก อบต. คือ นายศักดิ์ชัย กุลหลาบ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9/1 ม.8 ต.ไชยสอ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น ตามหมายจับของศาลจังหวัดเพชรบูรณ์ทีี่่ จ303/2548 ลงวันที่ 26 พ.ค. 2548 โดยจับกุมได้บริเวณหน้าร้านอาหารหน้าศูนย์ราชการจังหวัดหนองบัวลำภู ถ.หนองบัวลำภู-เลย ต.ลำภู อ.เมืองหนองบัวลำภู จ.หนองบัวลำภู
พล.ต.ต.สุพิศาลเปิดเผยว่า ทางกองปราบปรามมีนโยบายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมกลุ่มมือปืนที่ก่อเหตุแล้วหลบหนีซึ่งเป็นคดีค้างเก่า ซึ่งทาง พ.ต.อ.ปิยะ เจริญสุข ผกก. 1 บก.ป. ได้ตรวจสอบคดีตามหมายจับของจ.เพชรบูรณ์ มีข้อมูลเบาะแสที่สามารถติดตามคนร้าย ตามหมายจับของศาลจังหวัดเพชรบูรณ์ ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวโดยไม่มีเหตุอันสมควร สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 4 เม.ย. 48 เวลา 11.50 น. ผู้ต้องหาใช้ปืนขนาด 11 มม. ยิงเข้าที่ศีรษะนายอิทธิพล พวงพา นายก อบต.บ่อรัง อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ จำนวน 3 นัด ขณะผู้ตายกำลังตัดผมอยู่ที่ร้านตัดผมรุ่งเรือง หมู่ที่ 5 ต.สระกรวด อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ แล้วนายศักดิ์ชัยก็เอาทรัพย์สินของผู้ตายซึ่งมีสร้อยคอทองคำหนัก 4 บาท พระเลี่ยมทอง 1 องค์ และโทรศัพท์มือถือ จำนวน 1 เครื่อง แล้ววิ่งขึ้นรถที่พรรคพวกมาดักรอรับแล้วหลบหนีไป
พล.ต.ต.สุพิศาลกล่าวอีกว่า ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนฯ ออกติดตามจนทราบว่า ผู้ต้องหาหลบไปอยู่ที่ จ.หนองบังลำภู จึงนำกำลังเข้าจับกุม จากการตรวจสอบประวัตินายศักดิ์ชัย เมื่อปี 2538 เคยเป็นตำรวจยศ ส.ต.ต.ประจำอยู่ที่ สภ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ กระทั่งเมื่อปี 2540 ได้ร่วมกับพวกอีก 4 คนลักทรัพย์รถโตโยต้าโฟร์วีล สีขาว ทะเบียน ผ-7527 เพชรบูรณ์ ไปขายยัง อ.อรัญประเทศ จ.สระบุรี โดยเพื่อนร่วมแก๊งถูกจับแล้วให้การซัดทอด จึงทำให้นายศักดิ์ชัยถูกออกจากราชการแล้วหนีคดี ต่อมาเมื่อปี 2548 กลับมารับงานเป็นมือปืน ขณะนั้นพื้นที่ อ.วิเชียรบุรี มีการแข่งขันทางการเมืองในระดับท้องถิ่นสูงจนเกิดความขัดแย้งระหว่าง 2 ขั้วใหญ่ จนมีคนจ้างให้นายศักดิ์ชัยและพวกสังหารผู้ตาย ซึ่งทางผู้ตายอยู่ในสังกัดพรรคไทยรักไทย
จากการสอบสวนนายศักดิ์ชัยให้การปฏิเสธ และไม่ยอมเปิดเผยชื่อผู้จ้างวาน รวมถึงเพื่อนร่วมแก๊งและตัวเลขการว่าจ้าง แต่จากพยานบุคคลและหลักฐานสามารถยืนยันได้ว่านายศักดิ์ชัยเป็นมือปืนจริง หลังจากนี้จะทำการส่งตัวผู้ต้องหาให้กับทางพนักงานสอบสวน สภ.ศรีเทพ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป