ตำรวจสืบสวน บก.น.2 โชว์ผลงานล่อซื้อจับกุม 3 ผู้ต้องหาเครือข่ายค้ายานักโทษเรือนจำเชียงราย ได้ยาบ้าของกลาง 2 หมื่นเม็ด มูลค่า 1.5 ล้านบาท สอบประวัติพบเพิ่งพ้นโทษคดีจำหน่ายแต่ไม่หลาบจำกลับมากระทำผิดซ้ำอีก
วันนี้ (29 เม.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 พล.ต.ต.สำเริง สุวรรณพงษ์ ผบก.น.2 พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.พีระพงษ์ วงศ์สมาน รอง ผบก.น.2 และเจ้าหน้าที่ชุด กก.สส.บก.น.2 แถลงข่าวจับกุมเอเยนต์ค้ายาบ้าเครือข่ายเรือนจำจังหวัดเชียงราย ประกอบด้วยผู้ต้องหา 3 ราย คือ นายเดือนเพ็ง หรือพ่อหลวง โพธิ์อ่อน อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 130 หมู่ 1 ต.ห้วยชมพู อ.เมือง จ.เชียงราย, นายอนุสรณ์ หรือหนึ่ง คงแก้ว อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 74 หมู่ 6 ต.คอรุม อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ และนางลาวัลย์ หรือหล้า ชื่นสมบัติ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 111 หมู่ 8 ต.ป่าก่อดำ อ.แม่ลาว จ.เชียงราย
พร้อมของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 20,000 เม็ด โดยแยกบรรจุเป็นถุง จำนวน 20 ถุง โทรศัพท์มือถือยี่ห้อแบล็กเบอร์รี สีขาว จำนวน 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ TWZ สีดำ จำนวน 1 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาจังหวัดเชียงราย จำนวน 1 เล่ม สมุดบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาจังหวัดเชียงราย จำนวน 1 เล่ม กระเป๋าเป้สะพายหลังสีดำ จำนวน 1 ใบ โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 ได้บริเวณใต้ถุนบ้านเลขที่ 15 หมู่ 13 ต.คลองหลวงแพ่ง อ.เมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา ส่วนผู้ต้องหาที่ 3 จับกุมได้บริเวณธนาคารกสิกรไทย สาขาบิ๊กซี รามอินทรา กม.2
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่า นายเดือนเพ็ง ผู้ต้องหามีพฤติการณ์ค้ายาเสพติด ซึ่งเป็นเครือข่ายยาบ้าในเรือนจำจังหวัดเชียงราย จึงให้สายลับติดต่อเพื่อล่อซื้อยาบ้า พร้อมนัดส่งของในวันที่ 28 เม.ย. 2555 เวลา 07.00 น. ที่หน้าโรงภาพยนตร์เมเจอร์รังสิต โดยตกลงซื้อขายยาเสพติดจำนวน 20,000 เม็ด ในราคา 1,500,000 บาท ต่อมาเมื่อถึงเวลานัดหมายนางลาวัลย์ หรือหล้า ได้เดินทางมาพร้อมนายเดือนเพ็ง มาพบสายลับและทำการตกลงซื้อขายยาเสพติดกัน ซึ่งนางลาวัลย์จะมีหน้าที่ตรวจสอบเงิน ส่วนนายเดือนเพ็งมีหน้าที่ส่งมอบยาเสพติดให้สายลับตามที่ตกลงไว้ จากนั้นนายเดือนเพ็งได้เปลี่ยนแปลงจุดนัดหมายหลายจุด ทั้งในเขตพื้นที่ บก.น.2 และพื้นที่จังหวัดปทุมธานี จนสุดท้ายนัดหมายส่งมอบยาบ้ากันที่บริเวณวัดสุทธาวาส ต.คลองหลวงแพ่ง อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา
ส่วนนางลาวัลย์ได้ไปรอรับเงินที่ห้างบิ๊กซี สาขารามอินทรา กม.2 โดยมีเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมวางกำลังในพื้นที่โดยรอบตามจุดที่นัดหมาย หลังจากนั้นนายเดือนเพ็ง และนายอนุสรณ์ ผู้ต้องหาได้เดินทางมาพบสายลับที่วัดสุทธาวาส จ.ฉะเชิงเทรา โดยผู้ต้องหาที่ 1 ได้นำกระเป๋าเป้ที่สะพายอยู่พร้อมของกลางยาบ้า 20,000 เม็ดมาเปิดให้สายลับตรวจดู พบว่าข้างในกระเป๋ามียาเสพติดอยู่จริง เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ซุ่มอยู่จึงแสดงตัวเข้าจับกุมและตรวจยึดของกลาง ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกชุดหนึ่งได้ควบคุมตัวนางลาวัลย์ที่บริเวณห้างบิ๊กซี สาขารามอินทรา กม.2 จากนั้นจึงนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมของกลางยาบ้ามายัง กก.สส.บก.น.2 เพื่อทำประวัติและบันทึกการจับกุม ก่อนส่งตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางให้พนักงานสอบสวน บช.ปส.เพื่อดำเนินคดีต่อไป
จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพ และจากการตรวจสอบประวัติพบว่า ผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 เพิ่งได้รับการอภัยโทษเมื่อเดือน ธ.ค. 2554 จากเรือนจำจังหวัดเชียงราย ในดคีครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย จำนวน 18,000 เม็ด โดยศาลจังหวัดเชียงรายพิพากษาจำคุก 25 ปี และ 11 ปี ตามลำดับ แต่เมื่อพ้นโทษออกมายังคงไม่เข็ดหลาบกลับมาเป็นเอเยนต์จนถูกจับกุมได้อีกครั้ง
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และจะทำการสืบสวนขยายผลจับกุมแก๊งค้ายาเสพติดที่ร่วมขบวนการต่อไป
