ศาลอุทธรณ์อ่านคำพิพากษาผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นจำคุกช่างปูน 12 ปี ก่อเหตุชิงพระพุทธรูป-พระเครื่องราคา 3.5 แสน บ้านญาติตัวเองแล้วหลบหนี ชี้เป็นเหตุอุกอาจไม่เกรงกลัวกฎหมายจึงไม่มีเหตุลดโทษ
วันนี้ (30 มี.ค.) เวลา10.00 น. ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ผ่านระบบจอภาพระยะไกล หรือวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ไปยังศาลจังหวัดนครปฐม ในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้อง นายกำจัด หรือตี๋ แซ่ตั้ง อายุ 45 ปี อาชีพช่างปูน เป็นจำเลยฐานบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน และชิงทรัพย์ คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 12 ปี โดยการอ่านคำพิพากษาครั้งนี้ องค์คณะผู้พิพากษาสามารถมองเห็นใบหน้าจำเลยและแน่ใจว่าไม่มีการเบิกจำเลยผิดตัว ส่วนจำเลยก็ได้ฟังคำพิพากษาทันที
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาว่า เมื่อวันที่ 21 ก.ค. 2553 จำเลยได้ปีนกันสาดชั้น 2 บ้านเลขที่ 67 ม.7 ต.ทุ่งกระพังโหม อ.กำแพงแสน นครปฐม ของนายอุดม ทวีพูล อายุ75 ปี และนางทองหยด ทวีพลู อายุ 74 ปี แล้วลักเอาพระพุทธรูปและพระเครื่องราคา 355,500 บาทไป เมื่อนางทองหยดมาเห็นก็ใช้เหล็กแทงแต่ไม่โดน แล้วหลบหนีไป
โดยผู้เสียหายที่ 2 เป็นญาติกับจำเลย จึงสามารถจดจำใบหน้าจำเลยได้อย่างแม่นยำ และจำเลยยังวิ่งผ่านผู้เสียหายที่ 1 ซึ่งจำหน้าได้ว่าเป็นช่างปูนที่มารับงานต่อเติมบ้าน พยานโจทก์มีน้ำหนัก น่าเชื่อถือ ไม่มีข้อพิรุธ ส่วนจำเลยปฏิเสธต่อสู้คดีลอยๆ ไม่น่าเชื่อถือ อุทธรณ์จำเลยฟังไม่ขึ้น และเนื่องจากเป็นเหตุอุกฉกรรจ์ ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย คุกคามสุจริตชน และไม่สำนึกการกระทำผิด จึงไม่มีเหตุลดโทษ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์ภาค 7 เห็นพ้องด้วย พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น จำคุกจำเลย 12 ปี