ตำรวจปราบปรามการค้ามนุษย์ บุกทลายแก๊งขอทานชาวเขมรในพื้นที่ชลบุรี พบญาติเด็กขอทานชาวเขมรที่ถูกระบุว่าถูกตัดลิ้นและกล่องเสียงเพื่อนำมาขอทาน แต่ผู้เป็นญาติยืนยันเด็กพิการมาตั้งแต่กำเนิด ขณะเดียวกัน บุกเข้าช่วย 2 เด็กหญิงชาวกะเหรี่ยงถูกหลอกมาใช้แรงงานเยี่ยงทาส ไม่เคยได้รับค่าแรงและออกไปดูโลกนอกโรงงานแม้แต่ครั้งเดียว
วันนี้ (28 มี.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) พล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืชน์ ผบก.ปคม. พ.ต.อ.วรพงษ์ ทองไพบูลย์ ผกก.2 บก.ปคม. พ.ต.ท.ชูศักดิ์ เคทอง รอง ผกก.2 บก.ปคม. แถลงการขยายผลจับกุมแก๊งขอทานที่นำเด็กชายชาวกัมพูชา อายุ 7 ปี มาเร่ร่อนขอทานอยู่ในเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2554 โดยอ้างว่าพิการลิ้นขาด และมีร่องรอยการผ่าตัดที่ลำคอคล้ายถูกตัดกล่องเสียง
พล.ต.ต.ชวลิตกล่าวว่า การจับกุมแก๊งขอทานในครั้งนี้เนื่องจากตำรวจสืบทราบว่ายังมีกลุ่มขอทานอีกหลายรายพักอยู่ในพื้นที่ จึงไปตรวจสอบพบหญิงชาวกัมพูชาพร้อมเด็กเล็กอาศัยอยู่ ซึ่งสามารถจับกุมเพิ่มเติมได้อีก 3 กลุ่ม โดยทั้ง 3 กลุ่มดังกล่าวมีนายประสิทธิ์ พิน ชาวกัมพูชาเป็นผู้ดูแล ซึ่งนายประสิทธิ์ถูกจับกุมได้พร้อมหญิงชาวกัมพูชาที่นำเด็กชายและเด็กหญิงชาวกัมพูชา อายุ 1 เดือน- 4 ปี มาเร่ขอทานในพื้นที่ จ.ชลบุรี
พล.ต.ต.ชวลิตกล่าวว่า กลุ่มขอทานภายใต้การดูแลของนายประสิทธิ์ทั้ง 3 กลุ่มที่ถูกจับกุมในครั้งนี้ ประกอบด้วย กลุ่มแรกได้จับกุม นางเพียบ ไม่ทราบนามสกุล อายุ 45 ปี พร้อมเด็กชาย อายุ 3 ขวบ ได้ที่ห้องเช่าไม่มีเลขที่ ซอยวัดธรรมสามัคคี 1 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี กลุ่มที่ 2 จับกุมนางงาม อายุ 62 ปี นางกน อายุ 68 ปี นางพี อายุ 68 ปี นางแรม อายุ 60 ปี นางสลัย อายุ 47 ปี พร้อมเด็กชาย 2 คน อายุ 1 เดือน และ 4 ขวบ ได้ที่บ้านพักในซอยสัตหีบ สุขุมวิท 29 หรือ ซอยเตาถ่าน ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี และกลุ่มที่ 3 จับกุมนางทาลี อายุ 35 ปี นางมม อายุ 36 ปี นางลี อายุ 38 ปี พร้อมเด็กชายและเด็กหญิง 3 คน อายุ 2-3 ขวบ ได้ที่ซอยสัตหีบ สุขุมวิท 47 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
พล.ต.ต.ชวลิตกล่าวว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่ากลุ่มขอทานชาวกัมพูชากลุ่มนี้มีนายประสิทธิ์เป็นคนดูแลเพราะพูดและเขียนภาษาไทยได้ โดยจะช่วยดูแลเรื่องเงินให้กับขอทานแต่ละคน ส่วนกรณีเด็กชายชาวกัมพูชาที่เชื่อว่าถูกตัดลิ้น หรือตัดกล่องเสียง เพื่อนำมาเร่ขอทานนั้น จากการสอบถามนางเพียบซึ่งเป็นญาติของเด็กชายชาวกัมพูชารายนี้ทราบว่าได้ลักลอบเข้าประเทศไทยและมาขอทานหาเงินมาประมาณ 1 ปี โดยเด็กชายคนดังกล่าวเป็นหลานของนางเพียบซึ่งมีรอยที่ลำคอมาตั้งแต่กำเนิด ไม่ได้ถูกทารุณกรรมแต่อย่างใด ประกอบกับได้พาเด็กชายคนดังกล่าวไปให้แพทย์ตรวจร่างกายก็พบว่าไม่ได้ถูกตัดกล่องเสียง หรือถูกตัดลิ้น แต่น่าจะมีอาการป่วยเกี่ยวกับกล่องเสียง
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งหมดในข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนหญิงชาวกัมพูชาที่เหลือรวมทั้งเด็กเล็กนำส่งสถานแรกรับคนไร้ที่พึ่ง จ.นนทบุรี ดำเนินการตามขั้นตอนโดยจะมีการพิสูจน์และคัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ต่อไป
ผบก.ปคม.กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ บก.ปคม.ยังให้การช่วยเหลือเด็กหญิงชาวกะเหรี่ยงสกอร์ สัญชาติพม่า และกะเหรี่ยงโป่ ไม่ทราบสัญชาติอายุ 16 ปี จากโรงงานแหนมเนื้อแก้ว จำกัด เลขที่ 17/7 หมู่ 7 ถนนพหลโยธิน ต.ยางตาล อ.โกรกพระ จ.นครสวรรค์ หลังจากถูกนายหน้าส่งตัวมาขายแรงงานที่โรงงานแห่งหนึ่งแต่ถูกบังคับใช้แรงงานหนักโดยไม่ให้ออกไปข้างนอกและไม่ได้รับค่าจ้าง
พล.ต.ต.ชวลิตกล่าวว่า เด็กหญิงทั้งสองคนถูกนายหน้าหลอกมาจากบ้านเกิดประเทศพม่าฝั่งตรงข้ามบ้านแม่หละ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก ว่าจะพามาทำงานที่กรุงเทพฯ แต่กลับนำตัวส่งให้กับโรงงานแห่งนี้ โดยต้องทำงานหนักตั้งแต่ 04.00-16.00 น.ทุกวัน บางวันต้องทำล่วงเวลาถึง 20.00 น.จนกว่างานจะเสร็จ ทั้งยังไม่เคยได้รับค่าจ้างและไม่ให้ออกไปนอกโรงงาน โดยการตรวจค้นช่วยเหลือแรงงานต่างด้าวครั้งนี้สามารถจับกุม นายชยกร เรือนคำ หรือมนัส ผู้ดูแลคนงาน พร้อมแจ้งข้อหาร่วมกันค้ามนุษย์โดยแสวงหาประโยชน์จากการบังคับใช้แรงงาน ให้ที่พักคนต่างด้าวให้พ้นการจับกุม และรับคนต่างด้าวเข้าทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนเจ้าของโรงงานแห่งนี้อยู่ระหว่างการติดตามตัวมาสอบสวนดำเนินคดีในข้อหาเดียวกัน
วันนี้ (28 มี.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) พล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืชน์ ผบก.ปคม. พ.ต.อ.วรพงษ์ ทองไพบูลย์ ผกก.2 บก.ปคม. พ.ต.ท.ชูศักดิ์ เคทอง รอง ผกก.2 บก.ปคม. แถลงการขยายผลจับกุมแก๊งขอทานที่นำเด็กชายชาวกัมพูชา อายุ 7 ปี มาเร่ร่อนขอทานอยู่ในเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2554 โดยอ้างว่าพิการลิ้นขาด และมีร่องรอยการผ่าตัดที่ลำคอคล้ายถูกตัดกล่องเสียง
พล.ต.ต.ชวลิตกล่าวว่า การจับกุมแก๊งขอทานในครั้งนี้เนื่องจากตำรวจสืบทราบว่ายังมีกลุ่มขอทานอีกหลายรายพักอยู่ในพื้นที่ จึงไปตรวจสอบพบหญิงชาวกัมพูชาพร้อมเด็กเล็กอาศัยอยู่ ซึ่งสามารถจับกุมเพิ่มเติมได้อีก 3 กลุ่ม โดยทั้ง 3 กลุ่มดังกล่าวมีนายประสิทธิ์ พิน ชาวกัมพูชาเป็นผู้ดูแล ซึ่งนายประสิทธิ์ถูกจับกุมได้พร้อมหญิงชาวกัมพูชาที่นำเด็กชายและเด็กหญิงชาวกัมพูชา อายุ 1 เดือน- 4 ปี มาเร่ขอทานในพื้นที่ จ.ชลบุรี
พล.ต.ต.ชวลิตกล่าวว่า กลุ่มขอทานภายใต้การดูแลของนายประสิทธิ์ทั้ง 3 กลุ่มที่ถูกจับกุมในครั้งนี้ ประกอบด้วย กลุ่มแรกได้จับกุม นางเพียบ ไม่ทราบนามสกุล อายุ 45 ปี พร้อมเด็กชาย อายุ 3 ขวบ ได้ที่ห้องเช่าไม่มีเลขที่ ซอยวัดธรรมสามัคคี 1 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี กลุ่มที่ 2 จับกุมนางงาม อายุ 62 ปี นางกน อายุ 68 ปี นางพี อายุ 68 ปี นางแรม อายุ 60 ปี นางสลัย อายุ 47 ปี พร้อมเด็กชาย 2 คน อายุ 1 เดือน และ 4 ขวบ ได้ที่บ้านพักในซอยสัตหีบ สุขุมวิท 29 หรือ ซอยเตาถ่าน ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี และกลุ่มที่ 3 จับกุมนางทาลี อายุ 35 ปี นางมม อายุ 36 ปี นางลี อายุ 38 ปี พร้อมเด็กชายและเด็กหญิง 3 คน อายุ 2-3 ขวบ ได้ที่ซอยสัตหีบ สุขุมวิท 47 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
พล.ต.ต.ชวลิตกล่าวว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่ากลุ่มขอทานชาวกัมพูชากลุ่มนี้มีนายประสิทธิ์เป็นคนดูแลเพราะพูดและเขียนภาษาไทยได้ โดยจะช่วยดูแลเรื่องเงินให้กับขอทานแต่ละคน ส่วนกรณีเด็กชายชาวกัมพูชาที่เชื่อว่าถูกตัดลิ้น หรือตัดกล่องเสียง เพื่อนำมาเร่ขอทานนั้น จากการสอบถามนางเพียบซึ่งเป็นญาติของเด็กชายชาวกัมพูชารายนี้ทราบว่าได้ลักลอบเข้าประเทศไทยและมาขอทานหาเงินมาประมาณ 1 ปี โดยเด็กชายคนดังกล่าวเป็นหลานของนางเพียบซึ่งมีรอยที่ลำคอมาตั้งแต่กำเนิด ไม่ได้ถูกทารุณกรรมแต่อย่างใด ประกอบกับได้พาเด็กชายคนดังกล่าวไปให้แพทย์ตรวจร่างกายก็พบว่าไม่ได้ถูกตัดกล่องเสียง หรือถูกตัดลิ้น แต่น่าจะมีอาการป่วยเกี่ยวกับกล่องเสียง
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งหมดในข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนหญิงชาวกัมพูชาที่เหลือรวมทั้งเด็กเล็กนำส่งสถานแรกรับคนไร้ที่พึ่ง จ.นนทบุรี ดำเนินการตามขั้นตอนโดยจะมีการพิสูจน์และคัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ต่อไป
ผบก.ปคม.กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ บก.ปคม.ยังให้การช่วยเหลือเด็กหญิงชาวกะเหรี่ยงสกอร์ สัญชาติพม่า และกะเหรี่ยงโป่ ไม่ทราบสัญชาติอายุ 16 ปี จากโรงงานแหนมเนื้อแก้ว จำกัด เลขที่ 17/7 หมู่ 7 ถนนพหลโยธิน ต.ยางตาล อ.โกรกพระ จ.นครสวรรค์ หลังจากถูกนายหน้าส่งตัวมาขายแรงงานที่โรงงานแห่งหนึ่งแต่ถูกบังคับใช้แรงงานหนักโดยไม่ให้ออกไปข้างนอกและไม่ได้รับค่าจ้าง
พล.ต.ต.ชวลิตกล่าวว่า เด็กหญิงทั้งสองคนถูกนายหน้าหลอกมาจากบ้านเกิดประเทศพม่าฝั่งตรงข้ามบ้านแม่หละ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก ว่าจะพามาทำงานที่กรุงเทพฯ แต่กลับนำตัวส่งให้กับโรงงานแห่งนี้ โดยต้องทำงานหนักตั้งแต่ 04.00-16.00 น.ทุกวัน บางวันต้องทำล่วงเวลาถึง 20.00 น.จนกว่างานจะเสร็จ ทั้งยังไม่เคยได้รับค่าจ้างและไม่ให้ออกไปนอกโรงงาน โดยการตรวจค้นช่วยเหลือแรงงานต่างด้าวครั้งนี้สามารถจับกุม นายชยกร เรือนคำ หรือมนัส ผู้ดูแลคนงาน พร้อมแจ้งข้อหาร่วมกันค้ามนุษย์โดยแสวงหาประโยชน์จากการบังคับใช้แรงงาน ให้ที่พักคนต่างด้าวให้พ้นการจับกุม และรับคนต่างด้าวเข้าทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนเจ้าของโรงงานแห่งนี้อยู่ระหว่างการติดตามตัวมาสอบสวนดำเนินคดีในข้อหาเดียวกัน
