รวบแก๊งต้มตุ๋นพระชั้นผู้ใหญ่ อ้างเป็นเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ สามารถวิ่งเต้นให้ได้เงินงบประมาณ 2-3 ล้านบาท นำไปสร้างโรงเรียนปริยัติธรรมภายในวัดได้ แต่ขอค่าหัวคิว 2-3 แสนบาท เชื่อเป็นกลุ่มเดียวกันกับแอบอ้างขอเงินบริจาคฟื้นฟูพุทธมณฑล ขณะที่ผู้ต้องหาสารภาพเป็นคนขับแท็กซี่ย่านพุทธมณฑล ที่อ้างชื่อ ผอ.สำนักพุทธฯ เพราะง่ายต่อการหลอกลวงวัด
วันนี้ (13 มี.ค.) เวลา 14.00 น.ที่ กก.สายตรวจ (191) บก.สปพ. พล.ต.ต.ชัยวัฒน์ ฉันทวรลักษณ์ ผบก.สปพ. พ.ต.ท.ชูตระกูล ยศมาดี รอง ผกก.สายตรวจ พร้อมด้วย นายเฉลิมพล มีศิลารัตน์ ผอ.กองพุทธศาสนสถาน นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพุทธมณฑล แถลงการจับกุมนายจักรกฤษณ์ ผลนาค อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 191/10 ม.1 ต.ตลาดขวัญ อ.เมือง จ.นนทบุรี พร้อมของกลาง เงินสด 10,000 บาท, บัตรเอทีเอ็ม ธนาคารกรุงศรีอยุธยา 1 ใบ, โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง, ซิมการ์ดเบอร์โทรศัพท์ 6 ซิม, หนังสือปฏิทินศาสนา ปี 2555 จำนวน 1 เล่ม, แบบโครงสร้างศาลาปริยัติธรรม 2 ใบ และ นามบัตรเจ้าหน้าที่กรมศาสนา นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพุทธมณฑล จำนวน 1 ใบ โดยสามารถจับกุมได้ที่ วัดสามพระยาวรวิหาร ซ.สามเสน 5 ถ.สามเสน แขวงวัดสามพระยา เขตพระนคร กทม.
พล.ต.ต.ชัยวัฒน์ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนา ว่ามีแก๊งต้มตุ๋นได้โทรศัพท์มาหลอกลวงเงินจากพระภิกษุชั้นผู้ใหญ่ โดยอ้างเป็นตัวแทนเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนา สามารถวิ่งเต้นกับอธิบดีกรมการศาสนา เพื่อให้ได้เงินงบประมาณ 2-3 ล้านบาท นำไปสร้างโรงเรียนปริยัติธรรมภายในวัดได้ แต่จะเรียกร้องค่าใช้จ่ายประมาณ 2-3 แสนบาท
พล.ต.ต.ชัยวัฒน์ กล่าวว่า ต่อมาทราบว่า นายจักรกฤษณ์ ได้โทรศัพท์ไปหาเจ้าคณะจังหวัดตราด เพื่อหลอกโอนเงินในการสร้างโรงเรียนปริยัติธรรม และมีการโอนเงินมาหนึ่งครั้งแล้ว จำนวนเงิน 3.9 หมื่นบาท โดยใช้ชื่อบัญชี น.ส.วิภาดา วงษ์ทองดี ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขานนทบุรี จากนั้นเจ้าคณะจังหวัดตราด ได้เดินทางมาปฏิบัติกิจสงฆ์ ที่วัดสามพระยาวรวิหาร จึงติดต่อมายังอธิบดีกรมการศาสนาและเจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 โดยวางแผนให้นายจักรกฤษณ์ มารับเงินอีก จำนวน 10,000 บาท ที่วัดดังกล่าว เป็นค่าดำเนินการล่วงหน้า จึงดำเนินการจับกุมตัวได้ในที่สุด ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัติยังเคยมีคดีที่ สภ.หน้าพระลาน จ.สระบุรี เมื่อปี 2552 และสำนักปฏิบัติธรรมตาลเดี่ยว จ.นครราชสีมา ปี 2554
นายอินทพร เปิดเผยว่า จากพฤติกรรมของกลุ่มคนร้าย น่าเชื่อว่ามีไม่ต่ำกว่า 5 คนและกระทำการมานานแล้ว โดยช่วงเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มมิจฉาชีพโทรศัพท์ไปตามวัดต่างๆ เพื่อแอบอ้างขอเงินบริจาคไปทำการฟื้นฟูพุทธมณฑล ที่เกิดความเสียหายจากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ และมีการโอนเงินเข้าบัญชี น.ส.วิภาดา วงษ์ทองดี เช่นเดียวกัน ซึ่งคาดว่าน่าจะมีวัดหลายแห่งโดนหลอก
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ว่า มีอาชีพขับรถแท็กซี่ตามย่านพุทธมณฑล ซึ่งหนังสือปฏิทินศาสนา ที่โทรศัพท์ไปหลอกลวงพระตามวัดต่างๆนั้น ได้ซื้อมาจากท่าพระจันทร์ และได้ก่อเหตุในลักษณะนี้กับเพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่อยู่เรือนจำ คดียาเสพติด ที่จ.กำแพงเพชร ส่วนโครงสร้างศาลาปริยัติธรรมนั้นได้ก๊อบปี้มาจากคอมพิวเตอร์ รวมทั้งยังมีการแอบอ้างชื่อนายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพุทธมณฑล เพื่อสะดวกต่อการหลงเชื่อของพระตามวัดต่างๆ
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา “ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม” ตามหมายจับที่ 479/2552 ลงวันที่ 10 เม.ย. 2552 ของศาลจังหวัดสระบุรี และข้อหา “ฉ้อโกงโดยแสดงตัวเป็นบุคคลอื่น” พร้อมนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป



วันนี้ (13 มี.ค.) เวลา 14.00 น.ที่ กก.สายตรวจ (191) บก.สปพ. พล.ต.ต.ชัยวัฒน์ ฉันทวรลักษณ์ ผบก.สปพ. พ.ต.ท.ชูตระกูล ยศมาดี รอง ผกก.สายตรวจ พร้อมด้วย นายเฉลิมพล มีศิลารัตน์ ผอ.กองพุทธศาสนสถาน นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพุทธมณฑล แถลงการจับกุมนายจักรกฤษณ์ ผลนาค อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 191/10 ม.1 ต.ตลาดขวัญ อ.เมือง จ.นนทบุรี พร้อมของกลาง เงินสด 10,000 บาท, บัตรเอทีเอ็ม ธนาคารกรุงศรีอยุธยา 1 ใบ, โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง, ซิมการ์ดเบอร์โทรศัพท์ 6 ซิม, หนังสือปฏิทินศาสนา ปี 2555 จำนวน 1 เล่ม, แบบโครงสร้างศาลาปริยัติธรรม 2 ใบ และ นามบัตรเจ้าหน้าที่กรมศาสนา นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพุทธมณฑล จำนวน 1 ใบ โดยสามารถจับกุมได้ที่ วัดสามพระยาวรวิหาร ซ.สามเสน 5 ถ.สามเสน แขวงวัดสามพระยา เขตพระนคร กทม.
พล.ต.ต.ชัยวัฒน์ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนา ว่ามีแก๊งต้มตุ๋นได้โทรศัพท์มาหลอกลวงเงินจากพระภิกษุชั้นผู้ใหญ่ โดยอ้างเป็นตัวแทนเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนา สามารถวิ่งเต้นกับอธิบดีกรมการศาสนา เพื่อให้ได้เงินงบประมาณ 2-3 ล้านบาท นำไปสร้างโรงเรียนปริยัติธรรมภายในวัดได้ แต่จะเรียกร้องค่าใช้จ่ายประมาณ 2-3 แสนบาท
พล.ต.ต.ชัยวัฒน์ กล่าวว่า ต่อมาทราบว่า นายจักรกฤษณ์ ได้โทรศัพท์ไปหาเจ้าคณะจังหวัดตราด เพื่อหลอกโอนเงินในการสร้างโรงเรียนปริยัติธรรม และมีการโอนเงินมาหนึ่งครั้งแล้ว จำนวนเงิน 3.9 หมื่นบาท โดยใช้ชื่อบัญชี น.ส.วิภาดา วงษ์ทองดี ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขานนทบุรี จากนั้นเจ้าคณะจังหวัดตราด ได้เดินทางมาปฏิบัติกิจสงฆ์ ที่วัดสามพระยาวรวิหาร จึงติดต่อมายังอธิบดีกรมการศาสนาและเจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 โดยวางแผนให้นายจักรกฤษณ์ มารับเงินอีก จำนวน 10,000 บาท ที่วัดดังกล่าว เป็นค่าดำเนินการล่วงหน้า จึงดำเนินการจับกุมตัวได้ในที่สุด ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัติยังเคยมีคดีที่ สภ.หน้าพระลาน จ.สระบุรี เมื่อปี 2552 และสำนักปฏิบัติธรรมตาลเดี่ยว จ.นครราชสีมา ปี 2554
นายอินทพร เปิดเผยว่า จากพฤติกรรมของกลุ่มคนร้าย น่าเชื่อว่ามีไม่ต่ำกว่า 5 คนและกระทำการมานานแล้ว โดยช่วงเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มมิจฉาชีพโทรศัพท์ไปตามวัดต่างๆ เพื่อแอบอ้างขอเงินบริจาคไปทำการฟื้นฟูพุทธมณฑล ที่เกิดความเสียหายจากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ และมีการโอนเงินเข้าบัญชี น.ส.วิภาดา วงษ์ทองดี เช่นเดียวกัน ซึ่งคาดว่าน่าจะมีวัดหลายแห่งโดนหลอก
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ว่า มีอาชีพขับรถแท็กซี่ตามย่านพุทธมณฑล ซึ่งหนังสือปฏิทินศาสนา ที่โทรศัพท์ไปหลอกลวงพระตามวัดต่างๆนั้น ได้ซื้อมาจากท่าพระจันทร์ และได้ก่อเหตุในลักษณะนี้กับเพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่อยู่เรือนจำ คดียาเสพติด ที่จ.กำแพงเพชร ส่วนโครงสร้างศาลาปริยัติธรรมนั้นได้ก๊อบปี้มาจากคอมพิวเตอร์ รวมทั้งยังมีการแอบอ้างชื่อนายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพุทธมณฑล เพื่อสะดวกต่อการหลงเชื่อของพระตามวัดต่างๆ
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา “ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม” ตามหมายจับที่ 479/2552 ลงวันที่ 10 เม.ย. 2552 ของศาลจังหวัดสระบุรี และข้อหา “ฉ้อโกงโดยแสดงตัวเป็นบุคคลอื่น” พร้อมนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป