ก๊วนสายล่อฟ้า “ชวนนท์-เทพไท-ศิริโชค-มัลลิกา” เข้ารับทราบข้อกล่าวหาร่วมกันหมิ่นนายกฯ “ปู ว.5 โฟร์ซีซั่นส์” ขณะที่แก๊งแดงโชว์ถ่อยกรูเข้าไปชูตีนตบกลางห้องสอบสวน
วันนี้ (6 มี.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ สน.ลุมพินี นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรรคประชาธิปปัตย์ และน.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.อัครวัฒน์ พุ่มไพศาลชัย รอง ผกก.สส.สน.ลุมพินี พร้อมคณะพนักงานสอบสวน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาร่วมกันหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา กรณี ว.5 โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ ตามที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย และทีมทนายพรรคเพื่อไทยเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อทั้ง 4 คนก่อนหน้านี้
น.ส.มัลลิกา กล่าวว่า ที่เดินทางมาวันนี้เพื่อเข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกคดีดังกล่าว แต่คดีของตนถือว่าเป็นคดีที่เล็กน้อย แต่มีคดีที่ใหญ่กว่านี้ที่ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษกลับไม่มีการเรียก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในคดีให้การเท็จในชั้นศาล กรณีเป็นพยานเบิกความในคดีซุกหุ้น และคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีการพิจารณาเสร็จเสร็จไปตั้งแต่วันที่ 26 ก.พ.53 จนถึงขณะนี้นับเป็นระยะเวลารวม 258 วันแล้ว แต่กลับไม่มีการออกหมายเรียก น.ส.ยิ่งลักษณ์มาแจ้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใด แต่คดีของตนหลังจากที่นายพร้อมพงศ์เข้าแจ้งความเพียง 6 วันก็มีการออกหมายเรียกแจ้งข้อกล่าวหาอย่างรวดเร็ว ซึ่งคดีดังกล่าวเป็นคดีอาญาคล้ายกับคดี พ.ร.บ.หลักทรัพย์ ที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นอกจากนี้ หากรอครบถึง 356 วัน พนักงานสอบสวนยังไม่มีการเรียก น.ส.ยิ่งลักษณ์มารับทราบข้อกล่าวหาคดีดังกล่าว ตนจะออกมาแถลงข่าวในกรณีนี้อีกครั้ง
ด้าน พ.ต.ท.อัครวัฒ น์เปิดเผยว่า คดีนี้ทีมทนายของ น.สงยิ่งลักษณ์ได้แจ้งความร้องทุกข์ทั้งหมด 3 คดี โดยคดีแรกเป็นกรณีที่นายศิริโชค นายเทพไท นายชวนนท์ และเจ้าของทีวีดาวเทียมบลูสกายนิวส์ ที่มีการสัมภาษณ์หมิ่นประมาทในรายการ “สายล่อฟ้า” เมื่อวันที่ 15 ก.พ. กล่าวหานายกรัฐมนตรีกรณีเดินทางไปโรงแรมโฟซีซั่นส์ว่าผิดจริยธรรม คดีที่ 2 กรณีที่นายชวนนท์ที่ออกมาให้สัมภาษณ์ตามสื่อต่างๆ ตั้งแต่วันที่ 15-21 ก.พ.ที่ผ่านมา กล่าวหาว่าการเดินทางไปโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ของนายกรัฐมนตรีนั้นมีผลประโยชน์ทับซ้อนในการบริหารงานแผ่นดิน ในข้อหาร่วมหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร และร่วมกันดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำตามหน้าที่ และคดีที่ 3 โดย น.ส.มัลลิกาที่ออกมากล่าวหาหมิ่นนายกรัฐมนตรีว่าไม่มีความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งนายกฯ ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร
ขณะที่ นายชวนนท์กล่าวว่า จะยังไม่ให้การใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งเพียงแค่มาขอความชัดเจนในเรื่องของการแจ้งข้อกล่าวหาว่ากระทำผิดฐานใดบ้าง เพื่อที่จะได้ปรึกษากับทีมทนายความในการต่อสู้คดี เพราะยังติดใจในข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาทเจ้าพนักงาน ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ยังให้ข้อมูลขัดแย้งกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่พนักงานสอบสวนกำลังเตรียมจะสอบปากคำผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 4 คนนั้น ได้มีกลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งเข้ามาในห้องประชุมที่ใช้ในการสอบสวน โดยหยิบตีนตบสีแดงมาชูและเขย่าต่อหน้าผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 4 คน ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะคุมตัวออกไปจากห้องดังกล่าวทันที
ต่อมาเวลา 15.50 น. ภายหลังการเข้าปากคำกับพนักงานสอบสวนนานกว่า 2 ชั่วโมง นายชวนนท์ กล่าวว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถแจ้งข้อกล่าวหากรณีหมิ่นประมาทในรายการ “สายล่อฟ้า” ได้ เนื่องจากพยานหลักฐานยังไม่ชัดเจนเนื่องจากทนาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้ระบุช่วงเวลาใด หรือประโยคที่พูดในรายการเข้าข่ายหมิ่นประมาท แต่อ้างว่าเป็นการหมิ่นประมาททั้งราย จึงได้ท้วงติงให้ทางพนักงานสอบสวนไปหารือกับทางทนายพรรคเพื่อไทย โดยเชื่อว่าไม่มีส่วนใดรายการที่พาดพิง น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้เสียหายเป็นเพียงการถามคำถามที่ลงท้ายประโยคด้วยคำว่า หรือไม่ อย่างไร ซึ่งหากส่งฟ้องศาลก็คงไม่รับฟ้องเนื่องจากคดีไม่มีมูล
“ส่วนตัวเห็นว่าคดีนี้เป็นการหวังผลทางการเมือง โดยกระบวนการยุติธรรมเพื่อปิดปากให้เรื่องนี้หายไปจากสังคม เพราะยังมีความเห็นแย้งในกรณีการปฏิบัติหน้าที่ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นจริงหรือไม่ ทั้งยังมีประเด็นขัดแย้งในเรื่องนี้ที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่าเป็นธุระส่วนตัว และยังเลี่ยงตอบกระทู้ถามสดในสภาโดยให้เหตุผลว่าเป็นเรื่องส่วนตัว แนะนำให้ไปเอาภาพกล้องวงจรปิดจากโรงแรมมาดูก่อนที่จะแจ้งข้อกล่าวหา เห็นใจเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้น้อยที่ต้องทำตามแรงกดดันทางการเมือง ถ้าหากรัฐบาลจริงใจควรใช้สิทธิฟ้องร้องในชั้นศาลโดยตรงดีกว่า” นายชวนนท์ กล่าว
ด้านนายศิริโชค กล่าวว่า ส่วนอีกคดีที่กล่าวหานายชวนนท์ กับ น.ส.มัลลิกา ออกมาให้สัมภาษณ์ทางสื่อมวลชนหมิ่นประมาทนายกฯ นั้น พวกตนได้รับทราบข้อกล่าวดังกล่าวแล้ว โดยได้ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น อย่างไรก็ตามทางพนักงานสอบสวนยังไม่ได้มีการนัดหมายมาพบเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมแต่อย่างใดเนื่องจากต้องรวบรวมพยานหลักฐาน และหารือกับทางทนายความพรรคเพื่อไทยก่อน ส่วนจะฟ้องกลับหรือไม่คงต้องรอคำพิจารณาคดีในชั้นศาล ถ้าหากพวกตนสามารถพิสูจน์ได้ว่าไม่มีการหมิ่นประมาทตามข้อกล่าวหาจริง ก็จะดำเนินการฟ้องร้องกลับต่อไป
วันนี้ (6 มี.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ สน.ลุมพินี นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรรคประชาธิปปัตย์ และน.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.อัครวัฒน์ พุ่มไพศาลชัย รอง ผกก.สส.สน.ลุมพินี พร้อมคณะพนักงานสอบสวน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาร่วมกันหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา กรณี ว.5 โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ ตามที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย และทีมทนายพรรคเพื่อไทยเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อทั้ง 4 คนก่อนหน้านี้
น.ส.มัลลิกา กล่าวว่า ที่เดินทางมาวันนี้เพื่อเข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกคดีดังกล่าว แต่คดีของตนถือว่าเป็นคดีที่เล็กน้อย แต่มีคดีที่ใหญ่กว่านี้ที่ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษกลับไม่มีการเรียก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในคดีให้การเท็จในชั้นศาล กรณีเป็นพยานเบิกความในคดีซุกหุ้น และคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีการพิจารณาเสร็จเสร็จไปตั้งแต่วันที่ 26 ก.พ.53 จนถึงขณะนี้นับเป็นระยะเวลารวม 258 วันแล้ว แต่กลับไม่มีการออกหมายเรียก น.ส.ยิ่งลักษณ์มาแจ้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใด แต่คดีของตนหลังจากที่นายพร้อมพงศ์เข้าแจ้งความเพียง 6 วันก็มีการออกหมายเรียกแจ้งข้อกล่าวหาอย่างรวดเร็ว ซึ่งคดีดังกล่าวเป็นคดีอาญาคล้ายกับคดี พ.ร.บ.หลักทรัพย์ ที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นอกจากนี้ หากรอครบถึง 356 วัน พนักงานสอบสวนยังไม่มีการเรียก น.ส.ยิ่งลักษณ์มารับทราบข้อกล่าวหาคดีดังกล่าว ตนจะออกมาแถลงข่าวในกรณีนี้อีกครั้ง
ด้าน พ.ต.ท.อัครวัฒ น์เปิดเผยว่า คดีนี้ทีมทนายของ น.สงยิ่งลักษณ์ได้แจ้งความร้องทุกข์ทั้งหมด 3 คดี โดยคดีแรกเป็นกรณีที่นายศิริโชค นายเทพไท นายชวนนท์ และเจ้าของทีวีดาวเทียมบลูสกายนิวส์ ที่มีการสัมภาษณ์หมิ่นประมาทในรายการ “สายล่อฟ้า” เมื่อวันที่ 15 ก.พ. กล่าวหานายกรัฐมนตรีกรณีเดินทางไปโรงแรมโฟซีซั่นส์ว่าผิดจริยธรรม คดีที่ 2 กรณีที่นายชวนนท์ที่ออกมาให้สัมภาษณ์ตามสื่อต่างๆ ตั้งแต่วันที่ 15-21 ก.พ.ที่ผ่านมา กล่าวหาว่าการเดินทางไปโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ของนายกรัฐมนตรีนั้นมีผลประโยชน์ทับซ้อนในการบริหารงานแผ่นดิน ในข้อหาร่วมหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร และร่วมกันดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำตามหน้าที่ และคดีที่ 3 โดย น.ส.มัลลิกาที่ออกมากล่าวหาหมิ่นนายกรัฐมนตรีว่าไม่มีความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งนายกฯ ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร
ขณะที่ นายชวนนท์กล่าวว่า จะยังไม่ให้การใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งเพียงแค่มาขอความชัดเจนในเรื่องของการแจ้งข้อกล่าวหาว่ากระทำผิดฐานใดบ้าง เพื่อที่จะได้ปรึกษากับทีมทนายความในการต่อสู้คดี เพราะยังติดใจในข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาทเจ้าพนักงาน ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ยังให้ข้อมูลขัดแย้งกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่พนักงานสอบสวนกำลังเตรียมจะสอบปากคำผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 4 คนนั้น ได้มีกลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งเข้ามาในห้องประชุมที่ใช้ในการสอบสวน โดยหยิบตีนตบสีแดงมาชูและเขย่าต่อหน้าผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 4 คน ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะคุมตัวออกไปจากห้องดังกล่าวทันที
ต่อมาเวลา 15.50 น. ภายหลังการเข้าปากคำกับพนักงานสอบสวนนานกว่า 2 ชั่วโมง นายชวนนท์ กล่าวว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถแจ้งข้อกล่าวหากรณีหมิ่นประมาทในรายการ “สายล่อฟ้า” ได้ เนื่องจากพยานหลักฐานยังไม่ชัดเจนเนื่องจากทนาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้ระบุช่วงเวลาใด หรือประโยคที่พูดในรายการเข้าข่ายหมิ่นประมาท แต่อ้างว่าเป็นการหมิ่นประมาททั้งราย จึงได้ท้วงติงให้ทางพนักงานสอบสวนไปหารือกับทางทนายพรรคเพื่อไทย โดยเชื่อว่าไม่มีส่วนใดรายการที่พาดพิง น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้เสียหายเป็นเพียงการถามคำถามที่ลงท้ายประโยคด้วยคำว่า หรือไม่ อย่างไร ซึ่งหากส่งฟ้องศาลก็คงไม่รับฟ้องเนื่องจากคดีไม่มีมูล
“ส่วนตัวเห็นว่าคดีนี้เป็นการหวังผลทางการเมือง โดยกระบวนการยุติธรรมเพื่อปิดปากให้เรื่องนี้หายไปจากสังคม เพราะยังมีความเห็นแย้งในกรณีการปฏิบัติหน้าที่ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นจริงหรือไม่ ทั้งยังมีประเด็นขัดแย้งในเรื่องนี้ที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่าเป็นธุระส่วนตัว และยังเลี่ยงตอบกระทู้ถามสดในสภาโดยให้เหตุผลว่าเป็นเรื่องส่วนตัว แนะนำให้ไปเอาภาพกล้องวงจรปิดจากโรงแรมมาดูก่อนที่จะแจ้งข้อกล่าวหา เห็นใจเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้น้อยที่ต้องทำตามแรงกดดันทางการเมือง ถ้าหากรัฐบาลจริงใจควรใช้สิทธิฟ้องร้องในชั้นศาลโดยตรงดีกว่า” นายชวนนท์ กล่าว
ด้านนายศิริโชค กล่าวว่า ส่วนอีกคดีที่กล่าวหานายชวนนท์ กับ น.ส.มัลลิกา ออกมาให้สัมภาษณ์ทางสื่อมวลชนหมิ่นประมาทนายกฯ นั้น พวกตนได้รับทราบข้อกล่าวดังกล่าวแล้ว โดยได้ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น อย่างไรก็ตามทางพนักงานสอบสวนยังไม่ได้มีการนัดหมายมาพบเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมแต่อย่างใดเนื่องจากต้องรวบรวมพยานหลักฐาน และหารือกับทางทนายความพรรคเพื่อไทยก่อน ส่วนจะฟ้องกลับหรือไม่คงต้องรอคำพิจารณาคดีในชั้นศาล ถ้าหากพวกตนสามารถพิสูจน์ได้ว่าไม่มีการหมิ่นประมาทตามข้อกล่าวหาจริง ก็จะดำเนินการฟ้องร้องกลับต่อไป