รอง ผบช.น.ประชุมติดตามความคืบหน้าคดีหมิ่นนายกฯ กรณี ว.5 โฟร์ซีซั่นส์ หลังรวบพยานหลักฐานและสามารถดำเนินคดีได้ พร้อมออกหมายเรียก “ชวนนท์-มัลลิกา” ให้มารับทราบข้อหาในวันที่ 6 มี.ค.นี้ ส่วน “ศิริโชค-เทพไท” ตร.รอหมดสมัยประชุมสภาก่อนถึงจะเรียกตัวมาพบ ขณะที่ ตร.ยันคดีการเมืองไม่หนักใจ เพราะปฏิบัติตามหน้าที่และพยานหลักฐานที่ได้
วันนี้ (1 มี.ค.) เวลา 10.30 น. ที่ห้องประชุมกองบังคับการตำรวจนครบาล 5 (บก.น.5) กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น. รับผิดชอบดูแลงานสอบสวน พล.ต.ต.กฤษฎิ์ เปียแก้ว ผบก.น.5 พร้อมคณะพนักงานสอบสวนร่วมประชุมติดตามความคืบหน้า กรณีที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย และนายสมหมาย กู้ทรัพย์ ทีมทนายความพรรคเพื่อไทย เป็นตัวแทนแจ้งความแทน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีถูกกล่าวหาและพาดพิง ในการเดินทางไปยังโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ ย่านราชประสงค์ กับกลุ่ม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ สน.ลุมพินี ที่ผ่านมา
พล.ต.ต.อนุชัยเปิดเผยหลังจากประชุมกว่า 1 ชั่วโมงครึ่งว่า จากการแจ้งความดำเนินคดีไว้ 3 คดี โดยคดีแรกกรณีที่นายศิริโชค โสภา นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ และเป็นเจ้าของทีวีดาวเทียมบลูสกายนิวส์ ที่เคยให้สัมภาษณ์หมิ่นประมาทไว้ในรายการ “สายล่อฟ้า” เมื่อวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งกล่าวหาว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ ย่านราชประสงค์ ถือว่าเป็นการผิดจริยธรรม ทั้ง 3 คนนี้จะถูกดำเนินคดีในข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงานและหมิ่นประมาท โดยการโฆษณาทางสถานีโทรทัศน์บลูสกาย เมื่อวันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา แต่เผยแพร่ภาพข่าววันที่ 15 ก.พ.55 ไปแล้วนั้น
ส่วนคดีที่ 2 กรณีที่นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ตามสื่อต่างๆ ที่พรรคประชาธิปัตย์กล่าวหาว่าการเดินทางไปโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีนั้น มีผลประโยชน์ทับซ้อนในการบริหารงานแผ่นดิน ตั้งแต่วันที่ 15-21 ก.พ.ที่ผ่านมา จะถูกดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาท โดยการโฆษณา
คดีสุดท้าย จากกรณีที่ น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ที่กล่าวหา นายกรัฐมนตรีว่าไม่มีความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และในฐานะผู้เป็นแม่ทำตัวไม่เหมาะสม จะถูกแจ้งในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ปรากฏในสื่อสิ่งพิมพ์และโทรทัศน์
พล.ต.ต.อนุชัยกล่าวอีกว่า จากการประชุมโดย พล.ต.ต.กฤษฎิ์ เปียแก้ว ผบก.น.5 เป็นหัวหน้าประชุมคณะพนักงานสอบสวน พบว่า คดีมีพยานหลักฐานสามารถดำเนินคดีผู้ต้องหาได้ จึงมีการออกหมายเรียกนายชวนนท์ และน.ส.มัลลิกาให้มาพบพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ในวันที่ 6 มี.ค.55 เวลา 13.30 น. ซึ่งนายชวนนท์จะโดนข้อหา 2 คดี ทั้งคดีร่วมกัน 3 คนและคดีส่วนตัว ด้าน น.ส.มัลลิกาจะถูกดำเนินเพียงคดีเดียว ส่วนนายศิริโชค โสภา และนายเทพไท เนื่องจากเป็น ส.ส.ที่อยู่ในสมัยประชุมตามกฎหมายรัฐธรรมนูญห้ามออกหมายเรียก จึงทำการรวบรวมพยานหลักฐาน โดยต้องรอให้หมดวาระการประชุมเสียก่อนจึงทำการเรียกตัวมาได้ ซึ่งคดีหมิ่นนายกรัฐมานตรีนั้น จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางพนักงานสอบสวนหนักใจในการทำคดีนี้หรือไม่ เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับทางการเมือง พล.ต.ต.อนุชัยกล่าวว่า ไม่รู้สึกหนักใจอะไร เพราะเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่อยู่แล้ว และเรื่องนี้ก็เป็นไปตามพยานหลักฐาน โดยตนได้รับมอบหมายจากทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ให้ดูแลคดีนี้เสร็จสิ้นโดยเร็ว
