แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้กลยุทธ์ใหม่ ลวงให้เหยื่อโอนเงิน โดยข่มขู่เป็นการเรียกค่าไถ่ลูกเหยื่อ โดยมีเสียงเด็กร้องประกอบ แถมรู้ชื่อลูกเหยื่อด้วย ล่าสุด หลอกแม่เด็กสาธิต มศว เรียก 6 แสน เหยื่อหวั่นอันตรายจะตกถึงลูก รีบโอนเงินไปให้ โชคยังดีที่ญาติๆ ทราบข่าว รีบอายัดได้ทัน สูญไปเพียงแค่ 2 แสน
วันนี้ (7 ก.พ.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 16.30 น.นางยมภรณ์ จิตรบรรเทา อายุ 38 ปี อาชีพขายเสื้อผ้า ภายในห้างมาบุญครอง อยู่บ้านเลขที่ 200/241 หมู่ 1 ต.หลักหก อ.เมือง จ.ปทุมธานี เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ณัทปกรณ์ ปัญญาดี พนักงานสอบสวน (สบ3) กก.1 บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนิคดีกับคนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่โทรศัพท์หลอกลวงให้โอนเงินเป็นค่าไถ่ลูกชาย
นางยมภรณ์ กล่าวว่า เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (7 ก.พ.) มีชายโทรศัพท์เข้ามาที่บ้าน บอกว่า นายศุภกรณ์ หรือ น้องแบงก์ ตั้งวงศ์เจริญ อายุ 16 ปี ลูกชายเรียนอยู่ชั้น ม.4 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน ถูกจับเป็นตัวประกันเรียกค่าไถ่ เนื่องจากไปค้ำประกันเงินให้เพื่อนจำนวน 6 แสนบาท ขณะนั้นได้ยินเสียงคล้ายลูกชายร้องขอความช่วยเหลือ บอกว่า “แม่ช่วยด้วยแบงก์ถูกจับอยู่ในรถตู้” โดยคนร้ายบอกว่า ต้องโอนเงินมาชดใช้ 6 แสนบาท หากไม่ทำตาม จะตัดแขนและขาส่งกลับไป ซ้ำยังขู่ว่าห้ามปิดโทรศัพท์และห้ามไม่ให้บอกใคร ไม่เช่นนั้นจะฆ่าลูกให้ตาย
นางยมภรณ์ กล่าวต่อว่า จากนั้นได้รีบออกจากบ้าน เรียกรถแท็กซี่ไปโอนเงินให้กับคนร้ายที่ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาหมู่บ้านศรีวลี รังสิต จำนวน 2 แสนบาท เข้าบัญชีของธนาคารกรุงเทพ สาขาจัสโก้ พัฒนาการ ชื่อ นายอดิศักดิ์ บุญเรือง เมื่อโอนไปเสร็จคนร้ายให้ฉีกใบนำฝากทิ้งถังขยะ ต่อมาก็บังคับให้เปลี่ยนธนาคารโอนเงินให้อีก 4 แสนบาท จึงไปธนาคารไทยพาณิชย์ โลตัส ในห้างฟิวเจอร์ปาร์ครังสิต โอนเงินไปที่ธนาคารกรุงเทพ สาขางามวงศ์วาน ชื่อบัญชี นายสุพจน์ พรหมบุตร และให้ฉีกใบนำฝากทิ้งเหมือนเดิม แต่ขณะนั้นญาติๆ รับรู้เรื่องจึงรีบติดต่อไปยังธนาคารกรุงเทพ ขออายัดเงินได้เพียง 4 แสนบาท จากนั้นคนร้ายให้ไปรอที่ร้านอาหารในห้าง แล้วโทร.ติดต่อกลับมาโดยคนร้ายรู้ว่าเงินถูกอายัด จึงขู่ว่าจะฆ่าลูกชาย แล้วปิดโทรศัพท์หนีไป
“หลังจากนั้น สามีได้โทรศัพท์ไปหาลูกชายที่โรงเรียน ปรากฏว่า ลูกชายไม่ได้ถูกจับไปเรียกค่าไถ่ และไม่รู้เรื่องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงเชื่อว่า ถูกคนร้ายหลอกเอาเงินไป 2 แสนบาทแล้ว จึงรีบเข้ามาแจ้งกับตำรวจกองปราบปรามดังกล่าว” เหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กล่าว
ด้าน พ.ต.ท.ณัทปกรณ์ กล่าวว่า รับเรื่องไว้แล้วจะเรียกเจ้าของบัญชีมาสอบสวน รวมทั้งบุคคลที่เกี่ยวข้องในบ้าน เพื่อเร่งหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป
วันนี้ (7 ก.พ.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 16.30 น.นางยมภรณ์ จิตรบรรเทา อายุ 38 ปี อาชีพขายเสื้อผ้า ภายในห้างมาบุญครอง อยู่บ้านเลขที่ 200/241 หมู่ 1 ต.หลักหก อ.เมือง จ.ปทุมธานี เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ณัทปกรณ์ ปัญญาดี พนักงานสอบสวน (สบ3) กก.1 บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนิคดีกับคนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่โทรศัพท์หลอกลวงให้โอนเงินเป็นค่าไถ่ลูกชาย
นางยมภรณ์ กล่าวว่า เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (7 ก.พ.) มีชายโทรศัพท์เข้ามาที่บ้าน บอกว่า นายศุภกรณ์ หรือ น้องแบงก์ ตั้งวงศ์เจริญ อายุ 16 ปี ลูกชายเรียนอยู่ชั้น ม.4 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน ถูกจับเป็นตัวประกันเรียกค่าไถ่ เนื่องจากไปค้ำประกันเงินให้เพื่อนจำนวน 6 แสนบาท ขณะนั้นได้ยินเสียงคล้ายลูกชายร้องขอความช่วยเหลือ บอกว่า “แม่ช่วยด้วยแบงก์ถูกจับอยู่ในรถตู้” โดยคนร้ายบอกว่า ต้องโอนเงินมาชดใช้ 6 แสนบาท หากไม่ทำตาม จะตัดแขนและขาส่งกลับไป ซ้ำยังขู่ว่าห้ามปิดโทรศัพท์และห้ามไม่ให้บอกใคร ไม่เช่นนั้นจะฆ่าลูกให้ตาย
นางยมภรณ์ กล่าวต่อว่า จากนั้นได้รีบออกจากบ้าน เรียกรถแท็กซี่ไปโอนเงินให้กับคนร้ายที่ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาหมู่บ้านศรีวลี รังสิต จำนวน 2 แสนบาท เข้าบัญชีของธนาคารกรุงเทพ สาขาจัสโก้ พัฒนาการ ชื่อ นายอดิศักดิ์ บุญเรือง เมื่อโอนไปเสร็จคนร้ายให้ฉีกใบนำฝากทิ้งถังขยะ ต่อมาก็บังคับให้เปลี่ยนธนาคารโอนเงินให้อีก 4 แสนบาท จึงไปธนาคารไทยพาณิชย์ โลตัส ในห้างฟิวเจอร์ปาร์ครังสิต โอนเงินไปที่ธนาคารกรุงเทพ สาขางามวงศ์วาน ชื่อบัญชี นายสุพจน์ พรหมบุตร และให้ฉีกใบนำฝากทิ้งเหมือนเดิม แต่ขณะนั้นญาติๆ รับรู้เรื่องจึงรีบติดต่อไปยังธนาคารกรุงเทพ ขออายัดเงินได้เพียง 4 แสนบาท จากนั้นคนร้ายให้ไปรอที่ร้านอาหารในห้าง แล้วโทร.ติดต่อกลับมาโดยคนร้ายรู้ว่าเงินถูกอายัด จึงขู่ว่าจะฆ่าลูกชาย แล้วปิดโทรศัพท์หนีไป
“หลังจากนั้น สามีได้โทรศัพท์ไปหาลูกชายที่โรงเรียน ปรากฏว่า ลูกชายไม่ได้ถูกจับไปเรียกค่าไถ่ และไม่รู้เรื่องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงเชื่อว่า ถูกคนร้ายหลอกเอาเงินไป 2 แสนบาทแล้ว จึงรีบเข้ามาแจ้งกับตำรวจกองปราบปรามดังกล่าว” เหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กล่าว
ด้าน พ.ต.ท.ณัทปกรณ์ กล่าวว่า รับเรื่องไว้แล้วจะเรียกเจ้าของบัญชีมาสอบสวน รวมทั้งบุคคลที่เกี่ยวข้องในบ้าน เพื่อเร่งหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป
