รวบ 2 คนร้ายแก๊งปล้นบ้านนักธุรกิจค้าเสื้อผ้าย่านสายไหม ส่วนพวกอีก 4 ตำรวจรู้ชื่อที่อยู่แล้วกำลังเร่งติดตามจับกุมมาดำเนินคดี สารภาพดูลาดเลา 2 ครั้งก่อนก่อเหตุ อ้างถูกบังคับให้ทำ โบ้ยมีหัวหน้าแก๊งที่ยังหลบหนีเป็นผู้จ้างวาน
วันนี้ (2 ก.พ.) เวลา 10.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ พล.ต.ต.พิสิฎฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง พล.ต.ต.เมธี กุศลสร้าง รอง ผบช.น. พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น. พร้อมกำลังชุดสืบสวนของ บก.สส.บช.น. แถลงการจับกุมผู้ต้องหาแก๊งปล้นบ้านนักธุรกิจค้าเสื้อผ้าย่านสายไหม ได้ผู้ต้องหา 2 ราย ประกอบด้วย นายสุทธิศักดิ์ หรือโน้ต อุ่นมั่น อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1942 ม.3 ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ตามหมายจับศาลจังหวัดมีนบุรี ที่ 59/55 ลง 1 ก.พ.55, นายสุรศิต หรือนัท อุ่นมั่น อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 68 ม.3 ต.เชียงดาว อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ตามหมายจับศาลจังหวัดมีนบุรี ที่ 7/55 ลง 2 ก.พ.55 พร้อมของกลางโทรทัศน์ยี่ห้อแอลจี ขนาด 32 นิ้ว จำนวน 1 เครื่อง นาฬิกาข้อมือ จำนวน 4 เรือน สามารถจับกุมตัวได้ที่บ้านเลขที่ 604 ซ.สุทธิพร ถ.ประชาสงเคราะห์ แขวงและเขตดินแดง กรุงเทพฯ
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 29 ม.ค.55 เวลาประมาณ 06.20 น. ได้มีกลุ่มคนร้ายประมาณ 5-6 คน ขับรถตู้บุกเข้ามาปล้นทรัพย์สินภายในบ้านของ น.ส.ลำจวน มุกกะโทก อายุ 58 ปี นักธุรกิจค้าเสื้อผ้าสำเร็จรูป ที่บ้านเลขที่ 1/49-50 หมู่บ้านศุภาลัย ถ.สุขาภิบาล 5 ซ.71 แขวงออเงิน เขตสายไหม กทม. โดยคนร้ายจับคนในบ้านมัดมือ เท้า และรื้อค้นทรัพย์สินไปมูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท ในท้องที่ สน.สายไหม ซึ่งหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ทั้งลายนิ้วมือแฝงในที่เกิดเหตุ ภาพวงจรปิดบริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุ และพยานแวดล้อมบุคคลต่างๆ ทำให้พนักงานสอบสวนสามารถยื่นขอออกหมายจับผู้ต้องหาในเบื้องต้นได้ จำนวน 2 คน คือนายสุทธิศักดิ์ หรือโน้ต โดยจับกุมได้วันที่ 1 ก.พ.55 และนายสุรศิต หรือนัท จับกุมได้วันที่ 2 ก.พ.55 ที่บ้านเลขที่ดังกล่าว
พล.ต.ท.วินัยเปิดเผยว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ โดยนายสุทธิศักดิ์ หรือโน้ต รับว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุจริงโดยทำหน้าที่จับผู้เสียหายมัดด้วยผ้าเทป ส่วนนายสุรศิต หรือนัท รับว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุจริง โดยทำหน้าที่รื้อค้นและหยิบทรัพย์สินที่มีค่า ซึ่งได้ส่วนแบ่งคนละ 1 หมื่นบาท โดยอ้างว่าถูกบังคับให้ทำ และมีหัวหน้าแก๊งเป็นผู้จ้างวานอีกทอด ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาอีก 4 ราย ที่ยังหลบหนีเป็นคนวางแผนปล้นทั้งหมด โดยมาดูลาดเลาก่อนแล้ว 2 ครั้ง สำหรับโทรทัศน์ยี่ห้อแอลจี ขนาด 32 นิ้ว ที่ขโมยไปคนร้ายนำไปไว้ที่อาคารจันทร์เกตุซาวด์ ย่านสะพานควาย ส่วนเครื่องเพชรนั้นหัวหน้าแก๊งได้นำไปด้วย
พล.ต.ท.วินัยกล่าวอีกว่า คนร้ายกลุ่มนี้ได้โทรศัพท์มาหาผู้เสียหายว่าคนใช้ในบ้านเป็นผู้ร่วมขบวนการกับยามรักษาความปลอดภัยในหมู่บ้านในการก่อเหตุครั้งนี้ เพื่อที่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเบี่ยงเบนประเด็นในการสืบสวน แต่จากการสอบปากคำคนใช้แล้วพบว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ ส่วนผู้ต้องหาอีก 4 คน ทราบชื่อที่อยู่ของคนร้ายแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานเพื่อติดตามจับกุมต่อไป สำหรับคนร้ายทั้งสองเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์ และพกพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้าน หรือที่สาธารณะ
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ต้องหายังได้ยกมือไหว้ขอโทษเจ้าของบ้านผู้เสียหายด้วย และเจ้าของบ้านได้นำกระเช้าผลไม้มอบให้แก่ พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. เพื่อเป็นการขอบคุณหลังจากแถลงข่าวแล้วเสร็จด้วย
ต่อมา เมื่อเวลา 14.00น. พ.ต.อ.สุรเดช เด่นธรรม รอง ผบก.น.2 พร้อมด้วย พ.ต.อ.หาญ เลิศทวีวิทย์ ผกก.สน.สายไหม พ.ต.ท.ฟารุค มณีวงศ์ รอง ผกก.สส.สน.สายไหม ควบคุมตัวนายนายสุทธิศักดิ์ หรือโน้ต อุ่นมั่น อายุ 22 ปี และนายสุรศิต หรือนัท อุ่นมั่น อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาทั้งสองคน ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังที่เกิดเหตุ
จุดแรกเป็นบริเวณหน้าบ้าน 1/49 ที่กลุ่มคนร้ายได้นำรถตู้มาจอดแล้วเปิดประตูรั้วเข้าไปในบ้านหลังดังกล่าว จุดที่ 2 เป็นจุดที่คนร้ายเปิดเข้าไปยังประตูในตัวบ้านซึ่งไม่ได้ล็อก และพบกับน.ส.มาย วรรณเสน อายุ 21 ปี แม่บ้านชาวลาว จึงล็อกตัวไว้ โดยจุดที่ 3 เป็นจุดที่ คนร้ายได้พา น.ส.มาย ขึ้นไปยังห้องนอนชั้นที่ 2 และจับมัดมือมัดเท้า ส่วนจุดที่ 4 เป็นจุดคนร้ายเข้าไปยังห้องเจ้าของบ้านที่อยู่ห้องตรงข้าม น.ส.มาย เพื่อเข้าไปขโมยทีวีในห้องนอน
จุดที่ 5เป็นจุดที่คนร้ายพากันเข้าไปยังบ้านเลขที่ 1/50 ที่ในรั้วเดียวกัน พบกับ นางลำจวญ มุขกระโทก อายุ 58 ปี แม่เจ้าของบ้าน ที่กำลังเลี้ยงหลานอยู่ และเข้าล็อกตัว จุดที่ 6เป็นจุดที่คนร้ายพาตัวนางลำจวญ ขึ้นมายังห้องนอนหลานและใช้ผ้าปิดตามัดมือมัดเท้าไว้ พร้อมใช้อาวุธมีดบังคับข่มขู่ให้บอกที่ซ่อนทรัพย์สินมีค่า จุดที่ 7 เป็นบริเวณตู้เสื้อผ้าในห้องนอนของนางนนทิวรรณ เจ้าของบ้านที่คนร้ายไปรื้อค้นจนพบเครื่องประดับของมีค่า จุดที่ 8 เป็นจุดที่คนร้ายนำของมีค่าออกและนำขึ้นรถตู้ออกไปบริเวณหน้าบ้าน และจุดสุดท้ายคือบริเวณริมรั้วหน้าหมู่บ้านที่คนร้ายนำทรัพย์สินบางส่วนเช่นโทรศัพท์ที่ขโมยมาโยนทิ้งไว้ และโทรศัพท์แจ้งตำรวจทำทีเป็นโจรกลับใจ ลวงตำรวจให้หลงเชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับสาวใช้ หรือ รปภ.หมู่บ้าน
หลังทำแผนประกอบคำรับสารภาพเสร็จสิ้นตำรวจคุมคตัวนายนายสุทธิศักดิ์ และนายสุรศิต ไปคุมขังยัง สน.สายไหม เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม โดยในพรุ่งนี้(3 ก.พ.) เวลาประมาณ 08.00น. พนักงานสอบสวนจะนำตัวผ็ต้องหาทั้ง 2 คนไปฝากขังยังศาลจังหวัดมีนบุรีเพื่อดำเนินคดีในข้อหา ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ ,พกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตต่อไป
ด้านนางนนทิวรรณกล่าวว่า เคยพบเห็นกลุ่มผู้ต้องหาแถวดินแดงซึ่งเป็นที่ตั้งโรงงานที่ทำงานอยู่ ตอนแรกไม่คิดว่าจะเป็นผู้มาก่อเหตุเพราะเคยเห็นมานานแล้ว แต่ก่อนหน้านั้นกลุ่มคนร้าย ทำทีมาตีสนิทกับลูกน้องที่โรงงานทำทีมาคุยเรื่องรถและสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับที่บ้าน เมื่อตำรวจจับตัวได้ก็รู้สึกดีใจ โล่งอก และจะได้หายสงสัยว่าใครเป็นคนก่อเหตุ
วันนี้ (2 ก.พ.) เวลา 10.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ พล.ต.ต.พิสิฎฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง พล.ต.ต.เมธี กุศลสร้าง รอง ผบช.น. พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น. พร้อมกำลังชุดสืบสวนของ บก.สส.บช.น. แถลงการจับกุมผู้ต้องหาแก๊งปล้นบ้านนักธุรกิจค้าเสื้อผ้าย่านสายไหม ได้ผู้ต้องหา 2 ราย ประกอบด้วย นายสุทธิศักดิ์ หรือโน้ต อุ่นมั่น อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1942 ม.3 ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ตามหมายจับศาลจังหวัดมีนบุรี ที่ 59/55 ลง 1 ก.พ.55, นายสุรศิต หรือนัท อุ่นมั่น อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 68 ม.3 ต.เชียงดาว อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ตามหมายจับศาลจังหวัดมีนบุรี ที่ 7/55 ลง 2 ก.พ.55 พร้อมของกลางโทรทัศน์ยี่ห้อแอลจี ขนาด 32 นิ้ว จำนวน 1 เครื่อง นาฬิกาข้อมือ จำนวน 4 เรือน สามารถจับกุมตัวได้ที่บ้านเลขที่ 604 ซ.สุทธิพร ถ.ประชาสงเคราะห์ แขวงและเขตดินแดง กรุงเทพฯ
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 29 ม.ค.55 เวลาประมาณ 06.20 น. ได้มีกลุ่มคนร้ายประมาณ 5-6 คน ขับรถตู้บุกเข้ามาปล้นทรัพย์สินภายในบ้านของ น.ส.ลำจวน มุกกะโทก อายุ 58 ปี นักธุรกิจค้าเสื้อผ้าสำเร็จรูป ที่บ้านเลขที่ 1/49-50 หมู่บ้านศุภาลัย ถ.สุขาภิบาล 5 ซ.71 แขวงออเงิน เขตสายไหม กทม. โดยคนร้ายจับคนในบ้านมัดมือ เท้า และรื้อค้นทรัพย์สินไปมูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท ในท้องที่ สน.สายไหม ซึ่งหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ทั้งลายนิ้วมือแฝงในที่เกิดเหตุ ภาพวงจรปิดบริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุ และพยานแวดล้อมบุคคลต่างๆ ทำให้พนักงานสอบสวนสามารถยื่นขอออกหมายจับผู้ต้องหาในเบื้องต้นได้ จำนวน 2 คน คือนายสุทธิศักดิ์ หรือโน้ต โดยจับกุมได้วันที่ 1 ก.พ.55 และนายสุรศิต หรือนัท จับกุมได้วันที่ 2 ก.พ.55 ที่บ้านเลขที่ดังกล่าว
พล.ต.ท.วินัยเปิดเผยว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ โดยนายสุทธิศักดิ์ หรือโน้ต รับว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุจริงโดยทำหน้าที่จับผู้เสียหายมัดด้วยผ้าเทป ส่วนนายสุรศิต หรือนัท รับว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุจริง โดยทำหน้าที่รื้อค้นและหยิบทรัพย์สินที่มีค่า ซึ่งได้ส่วนแบ่งคนละ 1 หมื่นบาท โดยอ้างว่าถูกบังคับให้ทำ และมีหัวหน้าแก๊งเป็นผู้จ้างวานอีกทอด ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาอีก 4 ราย ที่ยังหลบหนีเป็นคนวางแผนปล้นทั้งหมด โดยมาดูลาดเลาก่อนแล้ว 2 ครั้ง สำหรับโทรทัศน์ยี่ห้อแอลจี ขนาด 32 นิ้ว ที่ขโมยไปคนร้ายนำไปไว้ที่อาคารจันทร์เกตุซาวด์ ย่านสะพานควาย ส่วนเครื่องเพชรนั้นหัวหน้าแก๊งได้นำไปด้วย
พล.ต.ท.วินัยกล่าวอีกว่า คนร้ายกลุ่มนี้ได้โทรศัพท์มาหาผู้เสียหายว่าคนใช้ในบ้านเป็นผู้ร่วมขบวนการกับยามรักษาความปลอดภัยในหมู่บ้านในการก่อเหตุครั้งนี้ เพื่อที่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเบี่ยงเบนประเด็นในการสืบสวน แต่จากการสอบปากคำคนใช้แล้วพบว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ ส่วนผู้ต้องหาอีก 4 คน ทราบชื่อที่อยู่ของคนร้ายแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานเพื่อติดตามจับกุมต่อไป สำหรับคนร้ายทั้งสองเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์ และพกพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้าน หรือที่สาธารณะ
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ต้องหายังได้ยกมือไหว้ขอโทษเจ้าของบ้านผู้เสียหายด้วย และเจ้าของบ้านได้นำกระเช้าผลไม้มอบให้แก่ พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. เพื่อเป็นการขอบคุณหลังจากแถลงข่าวแล้วเสร็จด้วย
ต่อมา เมื่อเวลา 14.00น. พ.ต.อ.สุรเดช เด่นธรรม รอง ผบก.น.2 พร้อมด้วย พ.ต.อ.หาญ เลิศทวีวิทย์ ผกก.สน.สายไหม พ.ต.ท.ฟารุค มณีวงศ์ รอง ผกก.สส.สน.สายไหม ควบคุมตัวนายนายสุทธิศักดิ์ หรือโน้ต อุ่นมั่น อายุ 22 ปี และนายสุรศิต หรือนัท อุ่นมั่น อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาทั้งสองคน ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังที่เกิดเหตุ
จุดแรกเป็นบริเวณหน้าบ้าน 1/49 ที่กลุ่มคนร้ายได้นำรถตู้มาจอดแล้วเปิดประตูรั้วเข้าไปในบ้านหลังดังกล่าว จุดที่ 2 เป็นจุดที่คนร้ายเปิดเข้าไปยังประตูในตัวบ้านซึ่งไม่ได้ล็อก และพบกับน.ส.มาย วรรณเสน อายุ 21 ปี แม่บ้านชาวลาว จึงล็อกตัวไว้ โดยจุดที่ 3 เป็นจุดที่ คนร้ายได้พา น.ส.มาย ขึ้นไปยังห้องนอนชั้นที่ 2 และจับมัดมือมัดเท้า ส่วนจุดที่ 4 เป็นจุดคนร้ายเข้าไปยังห้องเจ้าของบ้านที่อยู่ห้องตรงข้าม น.ส.มาย เพื่อเข้าไปขโมยทีวีในห้องนอน
จุดที่ 5เป็นจุดที่คนร้ายพากันเข้าไปยังบ้านเลขที่ 1/50 ที่ในรั้วเดียวกัน พบกับ นางลำจวญ มุขกระโทก อายุ 58 ปี แม่เจ้าของบ้าน ที่กำลังเลี้ยงหลานอยู่ และเข้าล็อกตัว จุดที่ 6เป็นจุดที่คนร้ายพาตัวนางลำจวญ ขึ้นมายังห้องนอนหลานและใช้ผ้าปิดตามัดมือมัดเท้าไว้ พร้อมใช้อาวุธมีดบังคับข่มขู่ให้บอกที่ซ่อนทรัพย์สินมีค่า จุดที่ 7 เป็นบริเวณตู้เสื้อผ้าในห้องนอนของนางนนทิวรรณ เจ้าของบ้านที่คนร้ายไปรื้อค้นจนพบเครื่องประดับของมีค่า จุดที่ 8 เป็นจุดที่คนร้ายนำของมีค่าออกและนำขึ้นรถตู้ออกไปบริเวณหน้าบ้าน และจุดสุดท้ายคือบริเวณริมรั้วหน้าหมู่บ้านที่คนร้ายนำทรัพย์สินบางส่วนเช่นโทรศัพท์ที่ขโมยมาโยนทิ้งไว้ และโทรศัพท์แจ้งตำรวจทำทีเป็นโจรกลับใจ ลวงตำรวจให้หลงเชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับสาวใช้ หรือ รปภ.หมู่บ้าน
หลังทำแผนประกอบคำรับสารภาพเสร็จสิ้นตำรวจคุมคตัวนายนายสุทธิศักดิ์ และนายสุรศิต ไปคุมขังยัง สน.สายไหม เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม โดยในพรุ่งนี้(3 ก.พ.) เวลาประมาณ 08.00น. พนักงานสอบสวนจะนำตัวผ็ต้องหาทั้ง 2 คนไปฝากขังยังศาลจังหวัดมีนบุรีเพื่อดำเนินคดีในข้อหา ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ ,พกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตต่อไป
ด้านนางนนทิวรรณกล่าวว่า เคยพบเห็นกลุ่มผู้ต้องหาแถวดินแดงซึ่งเป็นที่ตั้งโรงงานที่ทำงานอยู่ ตอนแรกไม่คิดว่าจะเป็นผู้มาก่อเหตุเพราะเคยเห็นมานานแล้ว แต่ก่อนหน้านั้นกลุ่มคนร้าย ทำทีมาตีสนิทกับลูกน้องที่โรงงานทำทีมาคุยเรื่องรถและสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับที่บ้าน เมื่อตำรวจจับตัวได้ก็รู้สึกดีใจ โล่งอก และจะได้หายสงสัยว่าใครเป็นคนก่อเหตุ