ทีมสืบนครบาลโชว์จับแก๊งปล้นเงินนักธุรกิจอินเดียกว่า 50 ล้าน พร้อมยึดของกลางทั้งหมดส่งคืนเจ้าของ หัวหน้าแก๊ง อ้างติดหนี้พนันใช้เวลาเตรียมการหาเหยื่อและเลือกเฟ้นทีมปล้น 1 เดือน เมื่อได้เงินมาได้นำไปฝากไว้ตามตู้เซฟของ 4 แบงก์ ย่านฝั่งธนฯ ซัดทอดคนมีสีร่วมก่อเหตุ ขณะที่ตำรวจเร่งติดตามจับกุมอีก 3 พวกร่วมขบวนการมาดำเนินคดี
วันนี้ (27 ม.ค.) เมื่อเวลา 15.45 น.ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บก.สส.บช.น.) พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.สมบัติ มิลินทจินดา รองผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ พ.ต.อ.สุวิชชา จินดาคำ ผกก.สส.บก.น.6 และ พ.ต.อ.เอกชัย บุญวิสุทธิ์ ผกก.สน.บางรัก แถลงการจับกุมผู้ต้องหา 5 ราย ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ข้อหาใช้อาวุธปืนปล้นทรัพย์ ประกอบด้วย 1.นายจิตรภาณุ หรือทิ วัฒนศศิโรจน์ อายุ 43 ปี 2.นายกิตติชัย หรือหนุ่ย สองเมือง อายุ 46 ปี 3.นายพัลลภ หรือลพ คชวงษ์ อายุ 38 ปี 4.นายวิชัย หรือโล่ โล่ห์บัณฑิตสกุล อายุ 45 ปี และ 5.นายอุดม หรือคิว ยิ้มพรธนา อายุ 43 ปี พร้อมของกลางเงินสกุลไทย เงินตราต่างประเทศสกุล (ริงกิต ปอนด์ เยน หยวน เดอร์แฮม รูปี เรียล ดองห์ ริยาล และดีนาห์) รวมมูลค่า 50,575,711.73 บาทไทย รถเก๋ง 2 คัน อาวุธปืนจริง 2 กระบอก ปืนบีบีกัน 2 กระบอก เครื่องแบบตำรวจยศพันตำรวจโท พร้อมหมวกสายตรวจอีก 1 ชุด และนามบัตรข้าราชการตำรวจปลอมระบุชื่อ พ.ต.ต.กิตติชัย สองเมือง ตำแหน่ง รอง ผกก.สส.บก.น.7 และ รอง ผกก.สส.บช.ภ.7 อีกอย่างละใบ โดยสามารถจับกุมตัวได้จากการสืบสวนขยายผลติดตามพฤติกรรมผู้ต้องหาอันมีลักษณะการกระทำผิดแบบเป็นเครือข่าย
พล.ต.ท.วินัย เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากวันที่ 30 ธ.ค.2554 เวลาประมาณ 05.00 น. ผู้ต้องหาทั้งหมดได้ร่วมกับพวกที่ยังหลบหนีอีก 3 คน ได้แก่ ส.ท.อุตรพงษ์ หรือกุ้ง กางนอก อายุ 21 ปี ส.ท.วีรยุทธ หรือเอ งามเขียว อายุ 24 ปี ทั้ง 2 ราย เป็นทหารสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม และ นายชวนชม หรืออ้วน ศรีจันทร์ อายุ 29 ปี ซึ่งรายนี้ทราบว่าหนีไปบวชเป็นพระที่ จ.สระแก้ว ก่อเหตุใช้อาวุธปืนปล้นทรัพย์ นายอับดุลลา ราฮูมาน อายุ 52 ปี นักธุรกิจในวงการรับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศชาวอินเดีย ซึ่งนั่งอยู่ในรถส่วนตัวบริเวณถนนสี่พระยา แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กทม. ซึ่งกลุ่มคนร้ายได้ขับรถยนต์ 2 คันตามประกบรถผู้เสียหายแล้วลงไปใช้ปืนข่มขู่และใช้ค้อนทุบกระจกรถ พร้อมปล้นทรัพย์ที่เป็นกระเป๋าบรรจุเงินตราหลายสกุลจากรถผู้เสียหาย จำนวน 7 ใบ
พล.ต.ท.วินัย กล่าวว่า หลังเกิดเหตุ นายอับดุลลา เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.บางรัก ว่า คนร้ายได้เงินไปประมาณ 50 ล้านบาท หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีประกอบด้วย บก.สส.บช.น. บก.สส.บก.น.6 และ สน.บางรัก ได้ช่วยกันสืบสวนหาเบาะแสกลุ่มคนร้าย โดยตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดในละแวกที่เกิดเหตุ ซึ่งสามารถบันทึกภาพเอาไว้ได้มากพอสมควร
จากการสอบสวน นายจิตรภาณุ หัวหน้าแก๊งและเป็นผู้วางแผนทั้งหมด ให้การว่าเคยทำธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและเคยถูกคนร้ายปล้นในท้องที่ สภ.ราชาเทวะ จ.สมุทรปราการ เมื่อ 2 ปีก่อน จนถึงขณะนี้ตำรวจยังตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีไม่ได้ ประกอบกับช่วงนี้ตนติดหนี้การพนันจำนวนมาก จึงปรึกษากับนายกิตติชัยเพื่อนสนิทให้สรรหาทีมงานมาให้ เนื่องจากนายกิตติชัยมักจะอ้างตัวเป็นนายตำรวจและมีพรรคพวกเยอะ โดยใช้เวลาเตรียมการหาเหยื่อและเลือกเฟ้นทีมงาน ประมาณ 1 เดือน ต่อมาได้ชักชวนทหารที่ยังหลบหนีอีก 2 คนมาร่วมก่อเหตุปล้นผู้เสียหายด้วย หลังได้เงินมาทั้งหมด พวกตนยังไม่มีใครกล้านำไปใช้ เนื่องจากเกรงว่าตำรวจจะติดตามที่มาที่ไปของเงินได้ จึงมอบหมายให้นายวิชัย และนายอุดม นำไปฝากไว้ตามตู้เซฟธนาคาร 4 แห่ง ย่านฝั่งธนบุรีกระทั่งถูกติดตามจับกุมตัวได้ในที่สุด
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ควบคุมผู้ต้องหาที่ถูกจับได้ทั้ง 5 ราย นำส่งพนักงานสอบสวน สน.บางรัก เพื่อดำเนินคดี ส่วนที่ยังหลบหนีอีก 3 ราย จะติดตามตัวมาดำเนินการอย่างเร่งด่วนสำหรับของกลางที่ติดตามยึดคืนมาได้จะประสานให้ผู้เสียหายเดินทางมาตรวจสอบ เพื่อทำเรื่องรับกลับคืนต่อไป
วันนี้ (27 ม.ค.) เมื่อเวลา 15.45 น.ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บก.สส.บช.น.) พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.สมบัติ มิลินทจินดา รองผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ พ.ต.อ.สุวิชชา จินดาคำ ผกก.สส.บก.น.6 และ พ.ต.อ.เอกชัย บุญวิสุทธิ์ ผกก.สน.บางรัก แถลงการจับกุมผู้ต้องหา 5 ราย ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ข้อหาใช้อาวุธปืนปล้นทรัพย์ ประกอบด้วย 1.นายจิตรภาณุ หรือทิ วัฒนศศิโรจน์ อายุ 43 ปี 2.นายกิตติชัย หรือหนุ่ย สองเมือง อายุ 46 ปี 3.นายพัลลภ หรือลพ คชวงษ์ อายุ 38 ปี 4.นายวิชัย หรือโล่ โล่ห์บัณฑิตสกุล อายุ 45 ปี และ 5.นายอุดม หรือคิว ยิ้มพรธนา อายุ 43 ปี พร้อมของกลางเงินสกุลไทย เงินตราต่างประเทศสกุล (ริงกิต ปอนด์ เยน หยวน เดอร์แฮม รูปี เรียล ดองห์ ริยาล และดีนาห์) รวมมูลค่า 50,575,711.73 บาทไทย รถเก๋ง 2 คัน อาวุธปืนจริง 2 กระบอก ปืนบีบีกัน 2 กระบอก เครื่องแบบตำรวจยศพันตำรวจโท พร้อมหมวกสายตรวจอีก 1 ชุด และนามบัตรข้าราชการตำรวจปลอมระบุชื่อ พ.ต.ต.กิตติชัย สองเมือง ตำแหน่ง รอง ผกก.สส.บก.น.7 และ รอง ผกก.สส.บช.ภ.7 อีกอย่างละใบ โดยสามารถจับกุมตัวได้จากการสืบสวนขยายผลติดตามพฤติกรรมผู้ต้องหาอันมีลักษณะการกระทำผิดแบบเป็นเครือข่าย
พล.ต.ท.วินัย เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากวันที่ 30 ธ.ค.2554 เวลาประมาณ 05.00 น. ผู้ต้องหาทั้งหมดได้ร่วมกับพวกที่ยังหลบหนีอีก 3 คน ได้แก่ ส.ท.อุตรพงษ์ หรือกุ้ง กางนอก อายุ 21 ปี ส.ท.วีรยุทธ หรือเอ งามเขียว อายุ 24 ปี ทั้ง 2 ราย เป็นทหารสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม และ นายชวนชม หรืออ้วน ศรีจันทร์ อายุ 29 ปี ซึ่งรายนี้ทราบว่าหนีไปบวชเป็นพระที่ จ.สระแก้ว ก่อเหตุใช้อาวุธปืนปล้นทรัพย์ นายอับดุลลา ราฮูมาน อายุ 52 ปี นักธุรกิจในวงการรับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศชาวอินเดีย ซึ่งนั่งอยู่ในรถส่วนตัวบริเวณถนนสี่พระยา แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กทม. ซึ่งกลุ่มคนร้ายได้ขับรถยนต์ 2 คันตามประกบรถผู้เสียหายแล้วลงไปใช้ปืนข่มขู่และใช้ค้อนทุบกระจกรถ พร้อมปล้นทรัพย์ที่เป็นกระเป๋าบรรจุเงินตราหลายสกุลจากรถผู้เสียหาย จำนวน 7 ใบ
พล.ต.ท.วินัย กล่าวว่า หลังเกิดเหตุ นายอับดุลลา เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.บางรัก ว่า คนร้ายได้เงินไปประมาณ 50 ล้านบาท หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีประกอบด้วย บก.สส.บช.น. บก.สส.บก.น.6 และ สน.บางรัก ได้ช่วยกันสืบสวนหาเบาะแสกลุ่มคนร้าย โดยตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดในละแวกที่เกิดเหตุ ซึ่งสามารถบันทึกภาพเอาไว้ได้มากพอสมควร
จากการสอบสวน นายจิตรภาณุ หัวหน้าแก๊งและเป็นผู้วางแผนทั้งหมด ให้การว่าเคยทำธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและเคยถูกคนร้ายปล้นในท้องที่ สภ.ราชาเทวะ จ.สมุทรปราการ เมื่อ 2 ปีก่อน จนถึงขณะนี้ตำรวจยังตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีไม่ได้ ประกอบกับช่วงนี้ตนติดหนี้การพนันจำนวนมาก จึงปรึกษากับนายกิตติชัยเพื่อนสนิทให้สรรหาทีมงานมาให้ เนื่องจากนายกิตติชัยมักจะอ้างตัวเป็นนายตำรวจและมีพรรคพวกเยอะ โดยใช้เวลาเตรียมการหาเหยื่อและเลือกเฟ้นทีมงาน ประมาณ 1 เดือน ต่อมาได้ชักชวนทหารที่ยังหลบหนีอีก 2 คนมาร่วมก่อเหตุปล้นผู้เสียหายด้วย หลังได้เงินมาทั้งหมด พวกตนยังไม่มีใครกล้านำไปใช้ เนื่องจากเกรงว่าตำรวจจะติดตามที่มาที่ไปของเงินได้ จึงมอบหมายให้นายวิชัย และนายอุดม นำไปฝากไว้ตามตู้เซฟธนาคาร 4 แห่ง ย่านฝั่งธนบุรีกระทั่งถูกติดตามจับกุมตัวได้ในที่สุด
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ควบคุมผู้ต้องหาที่ถูกจับได้ทั้ง 5 ราย นำส่งพนักงานสอบสวน สน.บางรัก เพื่อดำเนินคดี ส่วนที่ยังหลบหนีอีก 3 ราย จะติดตามตัวมาดำเนินการอย่างเร่งด่วนสำหรับของกลางที่ติดตามยึดคืนมาได้จะประสานให้ผู้เสียหายเดินทางมาตรวจสอบ เพื่อทำเรื่องรับกลับคืนต่อไป