xs
xsm
sm
md
lg

หอบรักมาห่มป่า ตอนที่ 14

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หอบรักมาห่มป่าตอนที่ 14

ในขณะที่ดาเนากำลังนั่งรอชลิตซึ่งตามไปปรับความเข้าใจกับดาหวันอยู่ เด็กชายชาวป่าก็กระเด้งตัวลุกขึ้นยืน แล้วหันไปมองตามเสียงกรีดร้องที่ดังเข้ามา ดาเนารู้สึกเป็นห่วงดาหวันขึ้นมาทันที

“พี่ดาหวัน”
ไวเท่าความคิดเด็กชายดาเนาหน้าตาตื่นรีบวิ่งออกไปตามเสียงนั้น

สักครู่หนึ่งก็มีความเคลื่อนไหว ชลิตทะลึ่งตัวพรวดขึ้นมาลอยคอบนผิวน้ำ ดาหวันตะโกนร้องเรียกด้วยความเป็นห่วง
“พี่ชลิต”
ชลิตพยายามตะกุยตะกายน้ำ แล้วทำท่าจะว่ายเข้ามาที่ฝั่ง
แต่แล้วจู่ๆ พื้นน้ำที่นิ่งสงบก็กลับกลายเป็นน้ำวนหมุนดูดเอาตัวชลิตเข้าไปโดยไม่ทันตั้งตัว
“เฮ้ย อ๊อย” ชลิตร้องได้แค่นั้น
ดาหวันหน้าตื่นมองภาพตรงหน้าด้วยความตกใจ
“ฮะ ตายแล้ว พี่ชลิต!”
ดาหวันทำท่าจะกระโดดลงไปช่วยชลิต ดาเนาเข้ามาดึงแขนดาหวันรั้งไว้
“อย่า พี่หวัน นั่นมันน้ำวนนะ”
“ปล่อยพี่ พี่จะไปช่วยพี่ชลิต”
ชลิตถูกน้ำวนไหลวนดูดดึงเข้าไปจนจะถึงใจกลาง และเกือบจะจมน้ำมิดอยู่รอมร่อ ชลิตส่งสายตามองมายังดาหวันเหมือนกับเป็นการสั่งลา คิดว่าตัวเองจะไม่รอดแน่แล้ว
“หวัน...พี่รักหวัน”
ดาหวันมองหน้าชลิต แล้วร้องไห้โฮออกมา
“พี่ชลิต”
ขณะที่ร่างของชลิตค่อยๆ จมลงสู่ผิวน้ำ หายลับไปกับน้ำวนนั้น ต่อหน้าต่อตาดาหวัน
ที่ตกใจ ระคนเสียใจ กรีดร้องออกมาแทบขาดใจ

ศิริตัดสินใจออกจากแค้มป์ หลังได้ฟังเรื่องไฟไหม้จากอาหลู่ แถมยังติดต่อธานีไม่ได้ เวลานั้นรถของศิริกำลังแล่นไปตามทางถนน โดยมีสุภาพเป็นคนขับ อาหลู่นั่งข้างคนขับ ศิรินั่งอยู่ตอนหลัง
ศิริกำลังคุยมือถือกับธานีอยู่
“โทรติดเสียที ติดต่อยากจริงๆ นะ ธานี”
“พี่ศิริมีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ”
ธานีพูดมือถืออยู่ในออฟฟิศ มีกาซู อยู่ด้วย
“ฉันอยากจะถามเรื่องไฟไหม้ที่ศูนย์ฝึกอาชีพของนายนั่นแหละ”
ธานี ชักสีหน้าขึ้นมา ที่ศิริรู้เรื่อง
“มีคนบอกว่า เขาเห็นยายหวีอยู่ที่นั่น ...มันเป็นความจริงหรือเปล่า ธานี”
ธานีอำอึ้ง ไม่อยากจะตอบ แล้วหยิบกระดาษมาขยำให้เป็นเสียงเหมือนคลื่นไม่ดี พูดตะกุกตะกัก เหมื่อนไม่ได้ยินทางศิริ
“อะไรนะครับ พี่ ผมได้ยินไม่ชัดเลย ฮัลโหลๆ สงสัยสัญญาณจะไม่ดี”
“ธานี เฮ้ย ได้ยินไหม” ศิริตะโกนใส่โทรศัพท์
จังหวะเดียวกันนั้น สุภาพขับรถแล่นเข้ามาชะลอตัวจะเลี้ยวตรงทางแยก ศิริมองไปด้านนอก เห็นรถกระบะของตำรวจคันที่วิ่งตามหลัง เห็นดนัยกับฉวีวรรณนั่งอยู่ในรถที่ขับผ่านหน้าไป โดยที่ดนัยกับฉวีวรรณไม่เห็นรถของศิริ
ศิริตะลึง ร้องขึ้นมาอย่างดีใจ
“ยายหวี! นั่น ยายหวีใช่มั้ย”
สุภาพกับอาหลู่ก็พลอยอึ้งไปด้วย
“ใช่แน่ๆ นาย คุณหวีนั่งอยู่ในรถตำรวจ จะไปไหนก็ไม่รู้”
ธานียังไม่กดวางสาย ฟังมือถืออยู่ได้ยินที่สุภาพพูด แล้วอึ้ง
ศิริ สั่งสุภาพดังลั่น
“ช้าอยู่ทำไม ตามไปสิวะ”
สุภาพรีบออกรถตามไป
ศิริลุ้นตามฉวีวรรณไม่มีสมาธิคุย รีบวางสาย
“แค่นี้ก่อนนะ ธานี”

ธานีพยายามจะพูดด้วยแค่ศิริวางสายไปแล้ว
“พี่ศิริ เดี๋ยวครับ” ธานีกดปิดเครื่องอย่างอารมณ์เสีย “โธ่เว้ย มันจะแส่มายุ่งทำไมตอนนี้”
กาซูเดินเข้ามาหา
“มีอะไร เสี่ย”
“ไอ้ศิริ มันดันไปเจอลูกสาวมันนะสิ ขืนตามไปทัน แผนของเราพินาศแน่”
“ก็อย่าให้มันตามทันสิเสี่ย นายพาณิชย์กับเลาซา น่าจะมาทางน้ำตกหลวงนั่นอยู่แล้ว”
ธานีได้ฟังก็นึกแผนขึ้นมาได้
“ฉันนึกออกแล้ว คราวนี้แหละ ไอ้ศิริ มันไม่มีทางได้พบหน้าลูกสาวมันอีก”
ใบหน้าของธานีผุดยิ้มเจ้าเล่ห์ร้ายกาจออกมา

รถยนต์ของพาณิชย์แล่นมาตามถนนในป่าสายหนึ่ง พาณิชย์คุยมือถือกับธานีอยู่
“ฮะ คุณอา พวกเรามาดักที่ปากทางแล้ว ผมกับเลาซาจะจัดการเอง”
พาณิชย์กดปิดมือถือ เลาซามองไปข้างหน้าพูดขึ้น
“ปลามากินเบ็ดแล้ว”
พาณิชย์มองตามไป เห็นรถของศิริขับแล่นอยู่บนถนนอีกสายหนึ่ง กำลังแล่นเข้ามามองเห็นอยู่ลิบๆ พาณิชย์เร่งเครื่องรถ พุ่งตัวออกไป
รถของศิริ แล่นมาตามถนน ด้วยความเร็ว พอถึงทางเลี้ยว รถของพาณิชย์ก็พุ่งออกมา ตัดหน้า สุภาพเบรกสนั่น แล้วหักเลี้ยวไป เกือบลงข้างทาง ทุกคนลุ้นใจหาย ร้องอย่างตกใจ แล้วถอนหายใจ ที่ไม่มีใครเป็นอะไร
พาณิชย์กับเลาซา ทำหน้ากระหยิ่ม ทุกอย่างเป็นไปตามแผน แล้วรีบลงจากรถ ปรี่เข้ามาหา ทำเป็นเป็นห่วงเป็นใย พวกศิริ ที่เปิดประตูรถ ลงมา
“คุณลุงศิริ ตายแล้ว เป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ ผมขอโทษด้วยจริงๆ” พาณิชย์ยกมือไหว้
ศิริรับไหว้ “ไม่เป็นไร ลุงไม่เป็นไรหรอก”
“นี่คุณขับรถยังไง อยู่ๆ พุ่งออกมาอย่างนี้ได้บรรลัยสิครับ”
“เรื่องนั้นช่างเถอะ แต่เรื่องยายหวีนี่สิ ไม่น่าคลาดกันเลย”
“แต่อาหลู่ว่า ทางนี้มันเป็นทางขึ้นน้ำตกหลวงนะ นายมันอาจจะพาคุณหวีไปที่นั่นก็ได้” อาหลู่บอก
“จริงเหรอ เฮ้ย งั้นก็รีบตามไปสิ”
ศิริทำท่าจะไป พาณิชย์รีบเข้ามาขวาง แกล้งสอบถามเรื่องราว
“คุณลุง นี่มันเรื่องอะไรฮะ น้องหวีเป็นอะไร”
“เดี๋ยวไว้คุยกันทีหลังก็แล้วกัน ลุงรีบจริงๆ”
ศิริทำท่าจะกลับขึ้นรถ พาณิชย์ส่งสายตามองหน้ากับเลาซาอย่างรู้กัน เลาซาแอบหยิบขวดน้ำมันเล็กๆ ออกมาป้ายที่มือตัวเอง แล้วรีบวิ่งเข้าไปชนศิริ เห็นศิริจะล้ม เลาซาเอามือที่ป้ายน้ำมันจับแขนศิริ
“โอ้ย” ศิริร้อง
“โทษที นาย” เลาซาจับแขนพยุงศิริไว้ “นายเจ็บตรงไหนหรือเปล่า ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าว่าจะเปิดประตูรถให้”
“อะไรกัน อยู่ๆ อยากจะมาเอาใจ” อาหลู่สงสัยพฤติกรรมเลาซา
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ” แต่แล้วศิริก็เกิดอาการปวดท้องขึ้นมากะทันหัน “โอ้ย”
ทุกคนตกใจ เป็นห่วงศิริ
“นายเป็นอะไร” สุภาพถาม
“ไม่รู้ ปวดท้อง ฉันปวดท้อง ปวดเหลือเกิน”
ศิริทรุดฮวบลงไปเลย พาณิชย์จ้องอยู่รีบทำเป็นห่วงเข้ามาแนะนำ
“ท่าทางไม่ไหวแล้วนะ รีบพาคุณลุงไปส่งโรงพยาบาลเถอะ”
พาณิชย์กับเลาซาทำท่าจะพยุงศิริ สุภาพร้องห้ามเพราะไม่ไว้ใจ
“ไม่ต้องๆ เดี๋ยวผมจัดการเอง ไปอาหลู่ พานายไปขึ้นรถ”
สุภาพ กับอาหลู่ประคองศิริ ไปขึ้นรถแล้วเลี้ยวรถยูเทิร์นกลับทางทางเดิมเลาซาหันมองหน้าพาณิชย์กระหยิ่มแผนสำเร็จ
“แกเอายาให้มัน แล้วแกไม่เป็นอะไรหรือ” พาณิชย์ถาม
“ข้ากินยาถอนพิษไว้อยู่แล้ว หึ ยาสั่งตัวนี้พ่อข้าปรุงเอง รับรองว่าตรวจยังไงก็หาสาเหตุไม่เจอ”
“ดีมาก ปิดจ๊อบ”
พาณิชย์กับเลาซา ยกมือขึ้นตีกัน ที่แผนชั่วสำเร็จ

ที่บริเวณน้ำตก ดาเนาโผล่พรวดขึ้นมาจากน้ำ หลังจากดำน้ำหาชลิตอยู่ครู่ใหญ่
ดาหวันอยู่ริมตลิ่ง ด้วยท่าทางเป็นกังวล เพราห่วงชลิตมาก
“เจอรึเปล่า”
“เจอ...”
ดาหวันดีใจรีบถามทั้งที่ดาเนาพูดไม่ทันจบคำ
ดาเนากลับชูปลาให้ดู “...เจอปลาตัวเบ้อเร่อ
ดาหวันผิดหวัง “โธ่ ดาเนา ไม่ใช่เวลาล้อเล่นนะ”
ดาเนาปล่อยปลาไป แล้วขึ้นจากน้ำ ดาหวันยังพยายามร้องตะโกนเรียกหาชลิต
“พี่ชลิต พี่อยู่ที่ไหน พี่แกล้งหวันใช่มั้ย อย่าแกล้งกันแบบนี้สิหวันกลัวนะ”
ไม่มีเสียงตอบกลับ ไร้วี่แววของชลิต ดาหวันนั่งลงที่ริมน้ำ ร้องไห้ออกมา เสียใจมาก เอาแต่โทษตัวเองอยู่อย่างนั้น
“เป็นเพราะหวันคนเดียว หวันไม่น่าผลักพี่ชลิตเลย หวันขอโทษ ฮือๆๆ”
ดาเนาขยับมานั่งข้างๆ ดาหวัน
“อย่าร้องไห้สิ ดาเนาแพ้น้ำตาผู้หญิงนะ”
ดาหวันยิ่งร้องไห้หนัก ดาเนาคิดหาทางปลอบใจ
“พี่ชลิตอาจจะถูกน้ำพัดไปที่ไหนสักแห่งก็ได้ เราถึงหาไม่เจอ”
“ไม่ต้องมาโกหกหรอก พี่ชลิตตายแล้ว เป็นเพราะพี่ผลักพี่ชลิตตกน้ำ พี่ชลิตก็เลยจมน้ำตาย ฮือๆๆ”
ดาเนามองหน้าดาหวันอย่างงงๆ
“อ้าว ตกลงอยากให้ตาย หรืออยากให้รอดกันแน่”
“อยากให้รอดสิ”
ดาเนาเกาหักแกรกๆ
“ผู้หญิงนี่เอาใจยากจริง ดาเนาว่า ไปหาแถวป่าด้านโน้นกันเถอะ กระแสน้ำข้างล่างอาจจะพัดพี่ชลิตไปที่ลำธารทางโน้นก็ได้”
“จริงเหรอ”
“จริงสิ”
ดาหวันเริ่มมีความหวัง เช็ดน้ำตาแล้วลุกขึ้นตามดาเนาออกเฟรมไป
“พี่ชลิต!”
“วู้ฮู!”ดาเนาเรียก

กาซูกับธานีชนแก้วเหล้าดื่มกันสำราญใจอยู่ในปางไม้ หลังได้รับรายงานจากพาณิชย์
“มะ เสี่ย...ดื่มให้กับความหายนะ ของไอ้เด็กมารฝูงนั้น” กาซูว่า
“แล้วก็ดื่มให้กับความอภิมหายิ่งใหญ่ อนันตจักรวาลนิรันดร์กาลของเราสองคน”
ทั้งสองวายร้ายหัวเราะร่วน อย่างมีความสุข ในขณะที่ธนวัตินั่งหน้าเครียดอยู่อีกด้าน หันมาต่อว่า
“แต่ผมสังหรณ์ใจว่าเรื่องมันจะไม่จบง่ายๆ อย่างที่ป๊าคิดหรอกนะ”
“ทำไมวะ มีปัญหาอะไรอีก”
“ก็ ป๊าไม่น่าเอาตำรวจมาเกี่ยวด้วยเลย เดี๋ยวจะยุ่งไปกันใหญ่”
ธานีทำเป็นกลัวเสียงเครียด “เออนั่นสิ จะติดคุกไหมเนี่ย”
กาซูทำท่าขึงขังไปด้วย “ติดแน่ๆ เสี่ย แค่ติดลบใบหน้า แต่คบป๋าแล้วจะติดใจ”
ธานี กับ กาซู มองหน้ากันแล้วหัวร่อ งอหาย ชอบใจกันอยู่สองคน ธนวัติอารมณ์เสีย
“พอทีเถอะ นี่มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นน่ะ ป๊า กาซู”
“แล้วแก จะเครียดไปทำไมวะ ไอ้พวกนั้นมันไม่ใช่ตำรวจจริงซะหน่อย”
“อะไรนะ ป๊า”
ธานีแค่นหัวเราะ “มันมีหน้าที่พาไอ้ดนัยกับพวกไปลงนรกเท่านั้นแหละ”
ธานียิ้มเหี้ยมๆ ธนวัติมองธานีด้วยอาการเหวอๆ อึ้งไปเลยที่รู้ว่าพ่อเหี้ยมโหดกว่าที่ตัวเองคิด

รถกระบะ 2 คันของตัวรวจปลอม ขับแล่นมาเรื่อยๆ บุญทิ้งที่เป็นลมสลบไปและอยู่บนรถคันหน้า ลืมตาตื่นรู้สึกตัวขึ้นมา แจ๋กับกิมจิที่คอยดูแลอยู่ ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
“เป็นยังบ้าง ฮ้า มหาบุญทิ้ง” แจ๋ถามทันที
“เจริญพร ค่อยยังชั่วแล้วครับ ขอบคุณญาติโยมทุกคนมาก”
“เอะอะเป็นลม เอะอะเป็นหอบอยู่นี่แหละ แกจะหอบเอาเกรดหรือยังไงยะ” แจ๋กัดเอา
กิมจิทำเป็นรู้ดี “ฉันดูมาหลายทีแล้ว ไอ้บุญทิ้งมันไม่ได้หอบเอาเกรดหรอกแจ๋ ฉันว่า มันหอบรักมากกว่า”
“ฮ่าฮ่าฮ่า บุญทิ้งหอบรัก ฮาอ่ะ”
“คุณกิมจิอย่าพูดเพ้อเจ้อเลยนะครับ มันผิดศีล” บุญทิ้งรีบแก้ตัว
“อะ งั้นก็ตอบมาซิ ทำไมเวลาแกเจอยายอุ๊บอิ๊บแกถึงมีอาการทุกที” กิมจิถาม
“เออ ผม ผมไม่รู้”บุญทิ้งอึกอัก
“โกหก แกหอบอ้อนหญิง เพราะว่า แกชอบยายอุ๊บอิ๊บใช่มั้ย”
บุญทิ้งผงะสะดุ้งตาโต นึกไม่ถึงเหมือนกัน ศีรษะเลยไปโขกกับขอบรถดังโป้ก บุญทิ้งกุมศีรษะ ร้องโอดโอย แจ๋กับกิมจิหัวเราะใส่
“ฮั่นแน่ เขินจนหัวโขกเลยเหรอ บุญทิ้ง” กิมจิแซวต่อ
“อายหน้าแดงด้วยอ่ะ” แจ๋แซวต่อ
จู่ตำรวจที่คุมอยู่ท้ายกระบะก็ยกปืนขึ้นเล็ง ตวาดเสียงดังลั่น
“หยุดเห่ากันได้แล้ว หัวจะขาดแล้วยังไม่รู้จักสลดอีก”
ทั้งสามตกใจ โบกไม้โบกมือ เป็นเชิงว่าจะไม่พูด แล้วขดตัวขยับเข้ามาอยู่ด้วยกันเป็นกระจุก
“ค่ะๆ พี่ ใจเย็นนะคะ พวกเราไม่พูดแล้ว จะหุบปากสนิทเลยค่ะ” แจ๋บอก
บุญทิ้งกระซิบกับแจ๋และกิมจิ “ดุเหมือนสุนัขเลยนะครับ”
กิมจิกระซิบตอบ “นั่นสิ แถมหน้าตายังกับคนเชือดหมูไม่เหมือนตำรวจเลยเนอะ”
ทั้งสามมองตำรวจคนนั้น อย่างไม่ค่อยไว้ว่าใจ

ทางด้านดนัยกับฉวีวรรณนั่งตอนท้ายของรถกระบะคันหลัง โดยนั่งอยู่คนละฝั่งกัน มีตำรวจคนหนึ่งคุมอยู่ท้ายรถ และมีตำรวจอีกคนขับรถอยู่ด้านหน้า

ฉวีวรรณหน้ามุ่ยอารมณ์ไม่ดี เหลือบมอง ตำรวจที่นั่งสัปหงกหลับอยู่แล้วเปรยขึ้น
“ฉันไม่นึกเลยว่า ชีวิตจะมาจบลงที่ตะรางอย่างนี้” ฉวีวรรณบ่น
“อย่าพึ่งท้อสิ ทำดีต้องได้ดี”
“แล้วที่ทำอยู่นี่ มันยังดีไม่พออีกเหรอ ดนัย” ฉวีวรรณร้องตะโกนต่อว่าฟ้าดิน “ฟ้าดินมีตาบ้างหรือเปล่าเนี่ย คนทำดีกลับโดนกลั่นแกล้ง ปล่อยให้คนชั่วลอยนวลอยู่ได้ มันไม่ยุติธรรมเลยนะคะ”
อยู่ๆ รถก็หักเลี้ยวโค้งอย่างแรง จนทำให้ร่างของฉวีวรรณเหวี่ยงกระเด็นเข้าในอ้อมกอดของดนัย
“ว้าย”
ดนัยกอดฉวีวรรณแนบกับอก มองตาแล้วอมยิ้ม
“เห็นมั้ย บ่นปุ๊บฟ้าดินให้รางวัลทันที”
“ดู ยังมีหน้ามาชีกอ”
“ถึงจะทุกข์แค่ไหน แต่ถ้ามีคนที่รักอยู่เคียงข้าง ฉันก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น”
ดนัยถ่ายทอดความรู้สึกจากใจ ฉวีวรรณเขิน เฉไฉต่อว่า
“ขี้ตู่ ใครไปรักไปชอบนายตั้งแต่เมื่อไหร่”
เสียงตำรวจ กระแอมขึ้นมา ทั้งสองหันไปมอง
“กรุณาอยู่ในความสงบ งดคลุกวงใน”
ดนัยยังทำหน้าเป็น กอดฉวีวรรณไว้อีก
“โทษที พี่ แฟนผมเขาขาดความอบอุ่น”
ฉวีวรรณถลึงตาใส่ “อีตาบ้า พูดมาได้ยังไง”
ดนัยขยับหน้าหล่อๆเข้ามาใกล้
“ก็ถูกแล้วไง เธอเป็นแฟนฉันแล้ว แต่ฉันนี่สิ จะได้เป็นแฟนเธอเมื่อไรก็ไม่รู้”
ฉวีวรรณมองดนัย อึ้งไปเลย
“อาจจะไม่มีหวัง แต่ฉันก็อยากจะรู้นะ เธอรักฉันบ้างหรือเปล่า หวี” ดนัยหยอดอีก
ฉวีวรรณยิ่งอึ้งมากไปกว่าเดิม รู้อยู่ว่ารักแต่พูดไม่ออก ดนัยมองอย่างลุ้นคำตอบ
รถเลี้ยวแรงอีกครั้ง ฉวีวรรณผงะหงายหลังลงไป แล้วดึงดนัยตามลงไปด้วย
ดนัยล้มตามลงมา แล้วจูบปากกับฉวีวรรณเต็มๆ ทั้งสองอึ้งตะลึง ไม่ทันตั้งตัว และแล้วรถก็เบรก จอดซะดื้อๆ กลางป่านั่นเอง ตำรวจปลอมที่คุมตัวทั้งสองถือปืนยืนจังก้า เล็งมาที่ ดนัยกับ ฉวีวรรณ
“หมดเวลาสวีตแล้วโว้ย”
ดนัยกับฉวีวรรณหันมามอง ต่างตะลึงตกใจ
ในเวลาไล่เลี่ยกัน แจ๋ กิมจิ บุญทิ้ง ก็ถูกก๊วนตำรวจปลอม ไล่ให้ลงจากกระบะมา กิมจิ แจ๋ บุญทิ้ง หน้าตื่นตกใจ
“ลงมาให้หมด”
“นี่มันกลางป่าเลยนี่”
ตำรวจปลอมอีกคน คุมตัว ดนัยกับฉวีวรรณ เข้ามาสบทบกับพวกแจ๋ กิมจิ บุญทิ้ง
“มารวมกันตรงนี้ก่อน”
“จะพาพวกเราไปไหน ทำไมไม่พาไปสถานีตำรวจ” ฉวีวรรณถามฉุนๆ
“แกไม่ใช่ตำรวจจริงใช่ไหม” กิมจิถามต่อ
“รู้ดีนัก”
ตำรวจปลอมคนหนึ่ง เอาปืนตบหน้ากิมจิจนหน้าหัน ทุกคนตกใจรีบเข้าไปประคองกิมจิไว้
“พวกแกต้องการอะไร”
“ก็ต้องการให้พวกแกรับโทษของความแส่ไง”
ตำรวจปลอยเผยโฉมหน้ายกปืนขู่ดนัยกับเพื่อนๆ

ตำรวจปลอมทั้ง4 คน คุมตัว ดนัย ฉวีวรรณ แจ๋ กิมจิ บุญทิ้ง ให้เดินมาที่มุมหนึ่งของหน้าผา ที่เดียวกับที่ชลิตตกลงไป
“คุกเข่าลง!”
แจ๋ กิมจิ บุญทิ้ง รีบทำตามอย่างกลัวๆ แต่ดนัยกับฉวีวรรณยังยืนนิ่ง
ตำรวจปลอมอีกคนเข้ามาผลักฉวีวรรณอย่างแรง
“คุกเข่าสิวะ”
“อย่าแตะต้องผู้หญิงนะ ไอ้ชั่ว”
ตำรวจปลอมหันมา แล้วเอาปืนตบหน้าดนัยอีกคน แล้วเตรียมจะเข้าไปซ้ำ แต่ตำรวจอีกคนรีบห้าม
“เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งฆ่ามันตอนนี้ เสี่ยสั่งให้จัดการคนอื่นก่อน มันจะได้เห็นคนที่มันรักตายไปต่อหน้าทีละ
คน เพราะไอ้นี่มันตัวแสบ”
ว่าแล้วมันก็เบนกระบอกปืนหันไปหาฉวีวรรณเป็นคนแรก ฉวีวรรณอึ้ง ในขณะที่แจ๋กิมจิบุญทิ้งกอดกันกลมอย่างกลัวๆ
“อย่านะ ถ้าเจ้านายแกแค้นฉัน ก็ฆ่าฉันคนเดียว คนอื่นไม่เกี่ยว”
“แกไม่มีสิทธิ์มาสั่ง หน้าที่แกมีอย่างเดียวคือรอดูความตายของนังนี่”
ตำรวจปลอมรายนั้นหันปืนกลับไปจ่อฉวีวรรณอีก แล้วจะลั่นไก แต่ฉับพลันมีดพกเล่มหนึ่งก็พุ่งปราดเข้ามาแทงหัวไหล่ของมันจนทรุดลงไป
ตำรวจปลอมอีกคนตกใจหันไปมอง ก็มีมีดอีกเล่มพุ่งเข้ามาที่คอหอยอย่างเหมาะเจาะ
ดนัยกับคนอื่นๆ หันไปมอง เห็นวินยากระโดดลงมาจากต้นไม้
“วินยา”
ทองอินวิ่งตามเข้ามา พร้อมปืนในมือ
ตำรวจปลอมอีก 2 คน ยกปืนขึ้นยิง เปรี้ยงๆ ใส่ทองอินกับวินยา
ทั้งสองหลบเข้าที่กำบัง แล้ว ทองอินยิงโต้ตอบ โดน ตำรวจปลอมทั้งสอง ล้มลงตายเลือดอาบ ทองอินกับวินยาค่อยออกมาหาทุกคน
“พี่ทองอิน นี่มากันได้ยังไงครับ” ดนัยถาม
“ฉันดูๆ แล้วมันท่าทางพิกล สงสัยว่าจะไม่ใช่ตำรวจจริง” ทองอินบอก
“พวกเราเลยแกะรอยตามมานี่แหละ ไม่เป็นไรกันใช่ไหม” วินยาบอกแล้วถามอย่างเป็นห่วง
ฉวีวรรณยกมือมือไหว้ทองอิน ทุกคนไหว้ตามด้วย “ขอบคุณมากนะคะพี่ แล้วก็ขอบใจเธอด้วยนะ วินยา เธอช่วยชีวิตพวกเราไว้ได้อีกแล้ว” ฉวีวรรณหันไปขอบคุณวินยาอย่างซึ้งใจ
“ไม่เป็นไรหรอก ไปกลับหมู่บ้านกันก่อน”
ทั้งหมดกำลังจะก้าวออกไป พลันดนัยก็เหลือบมองเห็น ตำรวจปลอมที่โดนมีดของวินยา และนอนนิ่งอยู่ค่อยๆ ลุกขึ้นมา ดึงมีดที่ปักไหล่ออก แล้วชักปืนออกมาจะยิงใส่วินยา
“วินยา ระวัง”
ดนัยกระโจนเข้าแย่งปืนกับตำรวจปลอมคนนั้นอย่างดุเดือด ทั้งสองต่อสู้กันและกลิ้งกันไปตามพื้นดินอย่างน่าหวาดเสียวไม่มีใครยอมใคร จนกลิ้งไปที่ริมหน้าผา
จังหวะหนึ่งดนัยไถลหล่นลงไปก่อน แต่เอามือกิ่งไม้ที่ยื่นออกมาจากหน้าผาไว้ได้ เลยห้อยต่องแต่ง
ตำรวจปลอมพยายามใช้มืออีกข้าง ยกปืนขึ้นเล็งมาที่ดนัย ดนัยรู้ว่าไม่รอดแน่ เลยเหนี่ยวกิ่งไม้ไว้ด้วยมือข้างเดียว แล้วใช้มืออีกข้างปัดปืนให้หันกลับไปที่อีกฝ่าย ปืนลั่นใส่หน้าตำรวจปลอมดังปัง
“ดนัย”
ฉวีวรรณ ทองอิน วินยา แจ๋ กิมจิ บุญทิ้ง รีบวิ่งตามไปดู มองเห็นร่างของตำรวจปลอมกลายเป็นศพคาอยู่ตรงซอกหน้าผาต่ำลงไป แต่ดนัยหล่นลงไปแล้ว
“ดนัย”

ทุกคนตกใจ ร้องออกมาพร้อมกัน

ร่างของดนัยฝ่าอากาศร่วงลงไปที่วังน้ำเสียงดังตูมใหญ่ แล้ววังน้ำก็บังเกิดกระแสน้ำวนหมุนติ้วขึ้นมาในทันทีทันใด 
มองจากใต้ผิวน้ำเห็นดนัยดำดิ่งลงไปอย่างไม่มีสติ ลอยวนหมุนติ้วๆ ไปตามกระแสน้ำวน ที่หมุนจนร่างดนัยจมดิ่งดำลึกหายลงไปในความดำมืดของกระแสน้ำ
ฉวีวรรณเกาะขอบหน้าผาตะโกนก้องอย่างใจสลาย
“ดนัย ไม่นะ ดนัย”
ฉวีวรรณปล่อยโฮ ร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายใคร แจ๋รีบกอดเอาไว้แน่น
“ผาสูงขนาดนี้...”
กิมจิปากเสียตามนิสัย ถูกแจ๋รีบเอาข้อศอกถอกใส่อย่างแรงไม่ให้พูด กิมจิรีบเอามืออุดปากไว้ วินยาเองก็เจ็บปวดรวดร้าวใจไม่แพ้ฉวีวรรณ ทองอินมองจะร้องไห้ไปด้วย
“ไม่น่าเลย ดนัย”
ฉวีวรรณสุดกลั้น วิ่งลัดเลาะผา ออกไปเหมือนคนบ้า แจ๋ตกใจทำท่าจะตาม วินยายกมือห้ามไว้
“หวี”
“ปล่อยเขาไปก่อนเถอะ ฉวีวรรณคงอยากอยู่คนเดียวมากกว่า”

ฉวีวรรณวิ่งลัดเลาะตามริมฝั่งเข้ามาใกล้น้ำตกมากที่สุด เหลียวมองหาดนัย น้ำตาร่วงออกมาเป็นสาย เพราะเป็นห่วงดนัยมาก ตะโกนก้อง
“ดนัย นายอยู่ที่ไหน”
แต่ครั้นพอเห็นบรรยากาศที่วังเวงไม่มีเสียงตอบรับ ฉวีวรรณยิ่งสะอื้นหนัก แล้วร้องตะโกนลั่นไม่ยอมรับความตายของดนัย ฉวีวรรณตะโกนใส่ผืนน้ำเบื้องหน้า
“ดนัย! นายต้องไม่ตายนะ นายจะทิ้งฉันไปง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้นะ”

ขณะเดียวกันนั้นที่ใต้ผืนน้ำเหมือนว่าเสียงร้องตะโกนของฉวีวรรณจะผ่านผิวน้ำลงไป เกิดเป็นกระแสน้ำที่หมุนวนเป็นวงกลม แล้วไหลพุ่งเข้าไปที่ปากถ้ำใต้น้ำตก พุ่งวนหายเข้าไปในความมืดมีดของถ้ำใต้น้ำนั้น

ในถ้ำใต้น้ำตกแห่งนั้นเป็นที่ตั้งของเมืองลับแล บรรยากาศภายในถ้ำ มีหินงอกหินย้อยดีไซน์บายธรรมชาติ สวยงามเป็นหย่อมๆ ร่างของดนัยและชลิต ซึ่งเนื้อตัวตัวเปียกปอนพอกัน นอนหมดสติอยู่ข้างๆ กันที่พื้นถ้ำอันชื้นแฉะ ใกล้ๆ พวกเขาเป็นแอ่งน้ำเล็กๆ ทั้งคู่ไม่รู้ว่าเพียงแค่เดินต่อออกไป ก็จะเป็นทางออกไปน้ำตกแห่งนั้นได้

ชลิตนอนละเมอ หันไปกอดก่ายดนัย อยู่ในอาการฝันหวานว่า กำลังอดดาหวันอย่างทะนุถนอมและหอมแก้ม ดาหวันเอียงอาย
ชลิตหอมแก้มดนัย
เพ้อออกมา “หวันจ๋า”
ดนัยเองก็กำลังละเมอยิ้ม อย่างมีความสุขออกมา เพราะฝันหวานไม่ต่างกัน
ในฝันของดนัย ฉวีวรรณค่อยๆ ยื่นหน้ามาหอมแก้มดนัย
“อย่าสิ หวี มันจั๊กกะเดียม”

ดนัยละเมอหัวเราะคิกคักออกมา

อ่านต่อหน้า 2





หอบรักมาห่มป่า ตอนที่ 14 (ต่อ)

จังหวะนั้นเองดนัยกับชลิตก็เริ่มรู้สึกตัว ลืมตาตื่นขึ้น ทั้งสองหนุ่มสบตากันในระยะประชิด ต่างคนต่างตกใจ

“ไอ้ชลิต!”
“แก…ไอ้ดนัย!”
ทั้งสองผละจากกันทันที แหวะออกมาพร้อมๆ กัน
“แหวะ”
“แกทำอะไรฉันวะ ไม่คิดเลยว่าแกจะมีรสนิยมแบบนี้” ดนัยโพล่งออกมาก่อน ไม่ทันได้ถามสารทุกข์กัน
“ไอ้บ้า ฉันไม่พิศวาสแกหรอก” ชลิตลืมตัวหลุดคำพูด “ฉันคิดว่าแกเป็น…” ชลิตจะบอกว่าเป็นดาหวัน แต่ยั้งไว้ทัน
ดนัยสงสัยซักขึ้น “เป็นอะไร”
ชลิตอึกอัก “เอ่อ...คือ...” แล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง “ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงเนี่ย แล้วหวันล่ะ หวันอยู่ไหน” ชลิตนึกห่วงดาหวัน เช่นเดียวกับดนัย ก็ห่วงฉวีวรรณ
“หวี!”
ดนัยกับชลิตกวาดสายตามองไปรอบๆ ไม่มีวี่แววของทั้ง ฉวีวรรณ หรือดาหวัน
“ที่นี่ที่ไหน” ชลิตถามหน้าตาตื่น
“แกถามฉัน แล้วฉันจะถามใคร” ดนัยบอก
ดนัยกับชลิตต่างแยกกันตามหาฉวีวรรณและดาหวัน
“หวี!” / “หวัน!”

ทั้งสองหนุ่มวิ่งออกมายังปากถ้ำ ใต้น้ำตกฝั่งทางเมืองลับแล แล้วแยกกันออกไปคนละทาง ร้องตะโกนตามเสียงของหัวใจตัวเอง
“หวี”
“หวัน อยู่ไหน”

ชลิตออกตามหาดาหวันไปทั่ว แล้วมาหยุดอยู่ที่ป่าแห่งหนึ่งของเมืองลับแล
“หวัน อยู่แถวนี้รึเปล่า”
สายตาของชลิต มองไปเห็นหญิงสาวคนหนึ่งยืนหันหลังให้อยู่ แต่เห็นไม่ชัดเพราะมีพุ่มไม้บังไว้ ชลิตคิดว่าเป็นดาหวัน รู้สึกดีใจขึ้นมาทันที 
“มาหลบอยู่นี่เอง”
ชลิตคิดแผนทะเล้นเพื่อแกล้งดาหวัน โดยย่องเข้าไปหาอย่างเงียบๆ แล้วกระโดดกอดจากด้านหลัง
“จ๊ะเอ๋ จับได้แล้ว”
หญิงสาวคนนั้นหันกลับมา ไม่ใช่ดาหวัน แต่เป็น องครักษ์หญิงแห่งเมืองลับแล หน้าตาดุดัน แต่สวยและ หุ่นดีนางใส่ชุดนักรบหญิง นุ่งผ้าหยักรั้งปล่อยชายข้างหน้ายาว มีเสื้อตัวสั้น ผ้าแถบ และมีที่รัดแขนขึงขัง ถืออาวุธเป็นดาบอยู่ในมืออย่างองอาจ ไม่แพ้ชายอกสามศอก
ชลิตตะลึง ตกใจ ร้องลั่น 

ด้านดนัยที่กำลังเดินออกตามหาฉวีวรรณอยู่ ได้ยินเสียงชลิตร้องดังลั่น
“โอ๊ย!”
ดนัยชะงักเป็นห่วงชลิต
“ ชลิต”
ดนัยรีบพุ่งออกไปจากป่าแห่งนั้น

ดนัยวิ่งเข้ามาเจอชลิต กำลังถูกทหารหญิงจับมือไพล่หลังและใช้ดาบจ่อคอไว้ ดนัยทำหน้าเซ็งใส่ ถามขึ้น
“ร้องซะตกอกตกใจ นั่นแกเล่นอะไรอยู่ แล้วนั่นใคร ทำไมแต่งตัวประหลาดจัง”
“ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะ ดนัย อย่าเข้ามา อันตราย หนีไป”
ดนัยไม่เชื่อ เดินเข้าไปหาชลิตและทหารหญิงหน้าตาเฉย
“แต่งตัวอย่างกับลิเก อ๋อ รู้แล้ว กำลังถ่ายละครกันอยู่ใช่มั้ย เรื่องอะไรล่ะ จะได้ติดตามชม”
ดนัยยิ้ม แต่ชลิตยิ่งกลุ้มหนัก “โธ่ ไอ้บ้า ใครเขาจะมาถ่ายละครกันกลางป่ากลางเขาแบบนี้”
ดนัยฟังแล้วยังไม่เชื่ออยู่ดี หันไปพูดกับทหารหญิง
“ดูทำหน้าทำตาเข้า แสดงสมบทบาทเหลือเกิน กล้องอยู่ไหน”
ดนัยมองหากล้อง ยังคงไม่เชื่อคำพูดชลิต   
“บอกว่าไม่ได้เล่นละคร! ทำไมไม่เชื่อกันบ้าง” ชลิตโวย
“ฉันไม่มีเวลาเล่นด้วย ต้องรีบหา หวีให้เจอก่อน”
ดนัยเซ็งทำท่าจะเดินหนี แต่จู่ๆ ก็มีทหารหญิงอีก 2 คน โผล่มาขวางทางไว้ ดนัยเดินเลี่ยงไปอีกทาง แต่กลับโดนถีบหลังจนล้มลง
“โอ๊ย เจ็บนะ”
ทหารหญิงคนหนึ่งจะใช้ดาบฟันดนัย แต่ดนัยกลิ้งตัวหลบหวุดหวิด เริ่มรู้ตัวว่ากำลังเจอกับอะไร
“เอาจริงรึนี่”
“ก็จริงน่ะสิ” ชลิตสำทับ
“ไม่ได้ถ่ายละครหรอกเหรอ” ดนัยยังถามอีก
“ไม่ใช่!”
เสียงขององครักษ์หญิงดังแทรกขึ้น “จับมันไว้!”
องครักษ์นางหนึ่งจะใช้ดาบฟันดนัยอีก ดนัยเตะตัดขาทำให้องครักษ์ล้มพับลงไป ดนัยถีบทหารอีกนางล้มลงด้วยกัน หันไปทางชลิต
“หนีเร็ว!”
ชลิตใช้ศอกถอกใส่ทหารหญิงที่จับตัวอยู่สุดแรง แล้วดนัยกับชลิตรีบวิ่งหนีออกไปทันที
“มันหนีไปแล้ว!”
องครักษ์กับทหารหญิงทั้งหมด รีบตามดนัยและชลิตไป

ที่ป่าแห่งหนึ่งของเมืองลับแล องครักษ์หญิง กับทหาร ไล่จับดนัยและชลิต
“พวกนั้นเป็นใคร”
“แกถามฉันแล้วฉันจะถามใคร” ชลิตย้อนเอาคืน
ทั้งสองหนุ่มวิ่งมาถึงทางแยก กำลังลังเลว่าจะไปทางไหนดี
“ทางนี้” ดนัยว่า
“แต่ฉันว่าทางนี้” ชลิตบอก
ขณะที่ดนัยกับชลิตมัวแต่เถียงกัน องครักษ์กับทหารทั้งหมดตามมาทัน
“หยุดเดี๋ยวนี้”
“มันมาแล้ว ตัวใครตัวมันนะเพื่อน!” ชลิตบอกอย่างร้อนรน
ดนัยกับชลิตวิ่งหนีกันไปคนละทิศละทาง
“แยกย้ายกันไปตาม อย่าให้หนีไปได้!”
ทั้งหมดแยกกันไปตามหาตามที่องครักษ์สั่ง

เวลาเดียวกันที่แอ่งน้ำตกสวยงามแห่งนั้น มีควันลอยเรี่ยบนผิวน้ำ รากไม้ คล้ายม่านบาหลีย้อยลงมาเป็นม่านธรรมชาติอย่างสวยงาม ใกล้ๆ ยังมีดอกไม้บานประดับยิ่งดูสวยงามราวกับภาพฝัน แสงเพชร ยืนอยู่ริมแอ่งน้ำตก โดยมี ชบา นางสนามช่วยถอดผ้าคลุมออกให้

แสงเพชร คนนี้ นางเป็นเจ้าแม่ผู้ครองเมืองลับแล อายุรุ่นราวคราวเดียวกับดนัย เป็นสาวสวย เซ็กซี่ มีเสน่ห์ และมีความเป็นผู้นำสูง อีกทั้งยังเก่งการต่อสู้ จริตมารยาร้อยเล่มเกวียน

เจ้าแม่แสงเพชรลงไปในแช่น้ำในแอ่งน้ำตก ชบาคอยปรนนิบัติ ขัดสีฉวีวรรณให้
ชบา…เป็นนางสนมคนสนิทของเจ้าแม่แสงเพชร ขี้โวยวาย อยากรู้อยากเห็น ชอบอู้งาน พยายามประจบเอาใจ แต่ไม่เคยรู้ใจเจ้าแม่ จึงโดนเอ็ดบ่อยๆ
จังหวะนั้นก็มีเสียงโวยวายของเหล่าทหารดังขึ้นได้ยินมาแต่ไกลๆ
แสงเพชรพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนัก
“เสียงดังอะไรกัน ไม่รู้รึไงว่าข้ากำลังพักผ่อนเจ้าออกไปดูสิชบา”
“เจ้าค่ะ เจ้าแม่”
ชบาออกไปดูลาดเลา เจ้าแม่แสงเพชรแช่น้ำ ผ่อนคลาย

ชบาออกมาเจอทหาร 2 คนมาตามหาดนัย ชบาโวยใส่
“เสียงดังอะไรกัน เจ้าแม่กำลังพักผ่อน อยากตายรึไง”
“มีผู้บุกรุก มันหนีมาทางนี้” ทหารรายงาน
“ตายละ ตามจับตัวมันมาให้ได้ แล้วอย่าเสียงดัง รบกวนเจ้าแม่เชียวนะ ไม่งั้นหัวหลุดจากบ่าแน่” ชบาตกใจ
ทหารทั้งสองคนออกไปตามหาดนัยต่อ
“รีบหาให้เจอนะ”
ชบาหงุดหงิด ไปนั่งพักใต้ต้นไม้ เหลียวซ้ายแลขวาเห็นปลอดคนก็อู้ทันที
“โอ๊ย เหนื่อยจริงๆ เมื่อยแขนไปหมด”
ชบานั่งพิงต้นไม้ แอบงีบหลับตามนิสัย

ดนัยหนีการตามล่าของทหาร หลบมาตามซอกหิน จนมาถึงแอ่งน้ำตกที่เจ้าแม่แสงเพชรอาบน้ำอยู่
ดนัยโผล่มาเจอเจ้าแม่แสงเพชรกำลังแหวกว่ายน้ำ ด้วยลีลาเซ็กซี่มาก จนดนัยลืมตัว ตะลึงในความงาม
ด้วยสัญชาตญาณของเจ้าแม่แสงเพชรรู้ตัว แต่คิดว่ามีคนมาปองร้าย ว่ายตรงไปยังโขดหินที่วางเสื้อผ้า หยิบอาวุธลับเป็นเข็มเงิน ซัดไปที่ดนัยทันที
ดนัยหลบทัน แต่ก็ต้องปรากฏตัวออกมาให้ เจ้าแม่เห็น
“เฮ้ย”
เข็มเงินปักลงที่หิน เรียงกันสามเล่ม
“ใคร!”
“เออ ผมผ่านมา แล้วกำลังจะผ่านไป” ดนัยยกมือทำบ๊ายบาย ยิ้มจืดๆ แห้งๆ “น้ำเย็นนะ ระวังจะเป็นปอดบวม”
ดนัยทำเป็นเนียนๆ จะเดินหนีไป
แสงเพชรเสียหน้า ยัวะจัด ที่ดนัยไม่มีท่าทีสนใจ รีบขึ้นจากน้ำ คว้าเสื้อคลุมมาคลุมตัวหลวมๆ คว้ามีดสั้นไปสู้กับดนัย
ดนัยหลบไปมา ไม่กล้าทำร้ายผู้หญิง
“เดี๋ยวก่อน มีอะไรค่อยพูดค่อยจากันก็ได้”
“เจ้าเป็นใคร กล้าดียังไง มาพูดกับข้าอย่างนี้”
“เปล่า”
เจ้าแม่สุดเซ็กซี่แทงมีดเฉียดแขนดนัยจนแขนเสื้อขาด เลือดออกซิบๆ แต่แผลไม่ลึก
“โอ๊ย ใจคอจะฆ่าแกงกันเลยรึ”
ดนัยฉุนนิดๆ จำต้องสู้ คว้ามือเจ้าแม่แสงเพชรได้ บิดมือจนมีดหลุดมือ แล้วจับแขนไพล่หลังไว้
แสงเพชรดันดนัยไปกระแทกกับต้นไม้ สะบัดตัวหลุดจากดนัย แต่แล้วเจ้าแม่เสียหลักลื่นตกน้ำไป

ในสายน้ำ ด้วยความรีบร้อยไม่ทันระวัง เจ้าแม่แสงเพชรทำขาติดซอกหิน และทำท่าจะจมน้ำ
“ช่วยด้วย!”
“ช่วยให้คุณขึ้นมาฆ่าผมรึ สมน้ำหน้า ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว” ดนัยว่า
แต่แล้ว แสงเพชรก็จมน้ำหายไปต่อหน้าต่อตาทำเอาดนัยตกใจ ชะงัก
“คุณ! จมน้ำจริงๆ รึนี่!”
ดนัยกระโดดลงน้ำไปช่วย และดำน้ำลงไปดึงขาแสงเพชรออกจากซอกหิน พาตัวขึ้นมาเหนือน้ำ
แสงเพชรสำลักน้ำ ทำท่าจะหมดสติ เพราะอยู่ในน้ำนาน ดนัยตัดสินใจดึงมาจูบ เพื่อให้มีอากาศหายใจ
แสงเพชรตกตะลึง ขณะที่ดนัยไม่ได้รู้สึก หรือคิดอะไรอื่น นอกจากตั้งใจช่วยชีวิตเท่านั้น
เวลาเดียวกันนั้นชบาที่แอบงีบอยู่สะดุ้งตื่น ตกใจ
“ตายละ เผลอหลับไปนานแค่ไหนแล้วเนี่ย ตายๆๆ นังชบาตายแน่คราวนี้”
ชบาลนลานกลัวโดนทำโทษ รีบร้อนกลับไปที่ลำธาร

ดนัยช่วยเหลือแสงเพชรอย่างปลอดภัย และกำลังนำตัวขึ้นมาบนฝั่ง เจ้าแม่สุดเซ็กซี่มองดนัยอย่างตกตะลึง อยู่ในอ้อมกอดของดนัย
“คุณเป็นอะไรรึเปล่า”
แสงเพชรเพิ่งสังเกตเห็นว่าดนัยเป็นผู้ชาย เธอรู้สึกตกใจ
“เจ้า…เจ้าเป็นผู้ชาย”
“ก็ใช่น่ะสิ” ดนัยงงที่ถูกถามอย่างนั้น
และแสงเพชรก็เพิ่งเห็นว่าตัวเองโป๊อยู่ เพราะเสื้อคลุมบางเบาที่สวมอยู่ เปียกน้ำแนบเนื้อ ร้องลั่น
“ว้าย!”
ดนัยรู้ตัว ตกใจ รีบหันหลังหนีไปไม่ยอมมอง
“เอ่อ ผมขอโทษ เอ้า เอาไปสวมไว้ซะ”
ดนัยถอดเสื้อตัวเองยื่นให้ แสงเพชรอึ้งที่ดนัยแสนจะสุภาพ รับเสื้อของดนัยมาสวม
จังหวะนั้นเสียงชบาโวยวายแทรกขึ้นมา
“อ๊าย ผู้บุกรุกอยู่ทางนี้ มันจะฆ่าเจ้าแม่แล้ว ทหาร ทหารอยู่ที่ไหน มาจับตัวมันเร็วเข้า!”
ทหาร 2 คนที่อารักขาอยู่ละแวกนั้น ได้ยินเสียงโวยวาย รีบมาหมายจับตัวดนัยทันที
ดนัยตกใจ โดนล้อมจับ แถมพวกทหารมีอาวุธพร้อม หน้าตาจริงจังน่ากลัว ชบาตกใจ รีบมาหาเจ้าแม่
“เจ้าแม่เป็นอะไรรึเปล่าเจ้าคะ เจ็บตรงไหนรึเปล่า โอ๊ย ชบาหัวใจจะวาย”
“ข้าไม่เป็นไร เลิกโวยวายได้แล้ว” ชบาถูกแสงเพชรเอ็ดเอา
แสงเพชรมองตามดนัยที่ถูกจับตัวออกไปด้วยความรู้สึกสับสน

ที่ปางไม้ของธ่นี อุ๊บอิ๊บกำลังคุยมือถือกับบุญทิ้ง
“อะไรนะ! นายจะให้ฉันจัดสังฆทานชุดใหญ่ไปทำบุญให้พี่ดนัยงั้นเหรอ”
บุญทิ้งอยู่ที่มุมหนึ่งของน้ำตก ยกถือมือถือออกห่างหู เพราะอุ๊บอิ๊บตะโกนดังจนบุญทิ้งแสบหู
“เจริญพร ทำให้ได้นะครับ ...เรื่องสำคัญมาก ผมถึงต้องยืมมือถือพี่ทองอินโทรมาหาคุณอุ๊บอิ๊บนี่ล่ะครับ”

“พี่ดนัยยังไม่ตายจะให้ฉันทำสังฆทานไปทำไม นายนี่เพี้ยนสุดๆเลยนะ” อุ๊บอิ๊บไม่รู้อิโหน่อิเหน่หัวเราะขำกลิ้ง
“เจริญพร คุณดนัยตกหน้าผา ตอนนี้ยังไม่พบศพ....”
อุ๊บอิ๊บที่หัวเราะอยู่หน้าเหวอ อ้าปากค้าง ตกใจ ช็อค
“ฮ่าๆๆ ไม่พบศพ ตกหน้าผา ฮ่าๆๆ ฮ้า...” อุ๊บอิ๊บนึกขึ้นมาได้ “อะไรนะ นายว่าอะไรนะ พี่ดนัยตายแล้วเหรอ!”

“เจริญพร ไม่พบศพหมายถึง ยังไม่รู้ว่าเป็นหรือตายน่ะครับ เพราะว่ายังหาตัวคุณดนัยไม่เจอเลยน่ะครับ”

“ไม่จริง ฉันไม่เชื่อ นายรีบบอกมาเลยนะ ว่าน้ำตกอะไร อยู่ที่ไหนฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ” อุ๊บอิ๊บร้องโวยวายลั่น

ดาหวันยังคงลุยน้ำตะโกนเรียกชลิตอย่างไม่ย่อท้อ
“พี่ชลิต พี่ชลิต ได้ยินแล้ว ตอบฉันด้วย พี่ชลิต”
ทุกอย่างยังเงียบงัน ไม่มีเสียงตอบรับ ดาเนาเข้ามาดึงแขนดาหวัน บอกให้พัก
“พี่ดาหวัน พี่เดินมาหลายกิโลแล้วนะ พักก่อนเถอะ”
“ไม่ พี่ต้องหาพี่ชลิตให้เจอให้ได้ ถ้าหาฝั่งนี้ไม่เจอ ก็กลับไปค้นที่ฝั่งโน้นอีกครั้งก็แล้วกัน”
ดาหวันลุยน้ำออกไป ดาเนามองตาม ไม่อยากจะเชื่อ
“โฮ เชื่อเขาเลย กลับไปค้นที่เดิมซ้ำอีกครั้งเนี้ยนะ”
ดาหวันเดินลุยน้ำร้องตะโกนเรียกชลิต อย่างไม่เอาจริงเอาจัง จังหวะหนึ่งดาหวันแหงนหน้าตะโกนขึ้นฟ้า
“พี่ชลิต ฉันเป็นห่วงพี่มากนะ พี่ต้องปลอดภัย พี่ต้องไม่ตายนะ!”

บริเวณสวนภายในวังของเมืองลับแล แสงหล้ากำลังตามหางูพิษสัตว์เลี้ยงแสนรักที่เลื้อยหนีมาและอยู่ในสวนแห่งนี้!! 

แสงหล้า คนนี้เป็นน้องสาวของเจ้าแม่แสงเพชร สวย มีเสน่ห์ เจ้าเล่ห์ และเอาแต่ใจ ทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ มีงูพิษเป็นสัตว์เลี้ยง

“น้องลูกหมี ลูกแม่ อยู่ที่ไหนลูก ซนจริงๆ ชอบหนีออกมาเล่นเรื่อย น้องลูกหมี อยู่ที่ไหน มาหาแม่เร็ว”
แสงหล้าบ่นไป ตามหาสัตว์เลี้ยงในสวน จังหวะนั้นมองไปเห็นพุ่มไม้เบื้องหน้าขยับ แสงหล้ายิ้ม นึกว่าสัตว์เลี้ยงของเธอหลบอยู่ รีบโผล่หน้าไปดูที่พุ่มไม้
“อยู่นี่เอง น้องลูกหมีของแม่”
เป็นชลิตโผล่ที่หน้าออกมา แสงหล้าตกใจ จะร้องกรี๊ด ชลิตปิดปากไว้ทัน แสงหล้าได้แต่ส่งเสียงอู้อี้
ชลิตบอกเบาๆ “ไม่ต้องกลัว ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก ผมจะปล่อยมือ แต่ต้องสัญญาว่าจะไม่ส่งเสียงดัง ตกลงมั้ย”
แสงหล้าพยักหน้า ชลิตจึงยอมปล่อยมือ
“เจ้าเป็นใคร!”
“ผมชื่อชลิต แล้วคุณชื่ออะไร”
“ข้าชื่อแสงหล้า” แสงหล้ามีสีหน้าแปลกใจ “เจ้าไม่รู้จักข้ารึ”
“ทำไมผมต้องรู้จักคุณด้วยล่ะ”
แสงหล้ายิ่งแปลกใจมากขึ้น จ้องหน้าชลิตใกล้ๆ มองสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า พลางท่องคุณสมบัติตามตำราที่เรียนมา
แสงหล้าพูดไปแล้วเอามือแตะตรงอวัยวะของดนัยที่ตัวเองพูดด้วย “มีหนวด มีลูกกระเดือก หน้าอกแบนราบแล้วก็มี….”
แสงหล้าไล่สายตามองต่ำลงไปที่เป้ากางเกงของชลิตพอดี พลางเอื้อมออกไปทำท่าจะจับ
ชลิตตกใจ รีบกุมเป้ากางเกงไว้กลัวแสงหล้าจับ แสงหล้าหันกลับมาจ้องหน้าชลิตอีกครั้ง สีหน้าตกใจมาก
“ตรงตามตำราเปี๊ยบ เจ้าเป็นผู้ชายรึนี่!”
ชลิตงง แต่ก็พยักหน้ารับ “ใช่ ผมเป็นผู้ชาย”
“ผู้ชาย! ผู้ชายจริงๆ ด้วย อยากเห็นตัวเป็นๆ มานานแล้ว”
แสงหล้าเนื้อเต้น ร้องออกมาอย่างดีใจ เหมือนได้เจอของแปลก ขณะที่ชลิตงงหนัก
“ทำไมต้องดีใจขนาดนี้ด้วย”
จังหวะนั้นสายตาชลิตมองไปเห็นงูตัวหนึ่งอยู่ด้านหลังแสงหล้า
“ระวัง!”
ชลิตผลักแสงหล้าล้มลง เพื่อจะปกป้องแสงหล้า จนตัวเองโดนงูตัวนั้นฉกเอา
“โอ๊ย!”
แสงหล้าตกใจ
“เจ้า!
ชลิตถูกงูกัดเจ็บหนัก เวลาเดียวกันนั้นดนัยเองก็โดนทหารคุมตัวเอาไว้

ฉวีวรรณ ทองอิน วินยา แจ๋ กิมจิและบุญทิ้งกำลังปีนป่ายลงไปตามทางลาดชันเพื่อไปยังแม่น้ำด้านล่าง
เสียงกรี๊ดของอุ๊บอิ๊บดังขึ้น ก่อนที่ตัวอุ๊บอิ๊บจะไถลลื่นลงไปตามทางชันในท่ายืน
“ช่วยฉันด้วย อ๊าย”
อุ๊บอิ๊บไถลแซงหน้าคนอื่นไป
“คุณอุ๊บอิ๊บ!”
บุญทิ้งพยายามจะช่วยรับไว้ แต่กลายเป็นโดนอุ๊บอิ๊บชนอัดเข้ากับต้นไม้บุญทิ้งทั้งเจ็บทั้งจุก พูดไม่ออก
กิมจิตกใจ “ยายอุ๊บอิ๊บ! พวกไอ้ธนวัติมาด้วยรึเปล่าเนี่ย”
ทุกคนต่างระแวดระวังตัว
“ไม่มีย่ะ ฉันหนีพ่อมา”
ทุกคนออกอาการโล่งอก
“ตามมาทำไม พวกเราไม่ต้อนรับคนทรยศ” แจ๋แขวะทันที
“ฉันไม่ได้ตามพวกแก ฉันมาตามหาหัวใจของฉัน…พี่ดนัยสุดที่เลิฟ” อุ๊บอิ๊บเพ้อตามประสาให้น่าหมั่นไส้
“แหวะ จะมาก่อเรื่องล่ะสิไม่ว่า”
“ฉันว่าเธอกลับไปกับพ่อของเธอเถอะอุ๊บอิ๊บ ในป่านี่มีแต่อันตราย ไม่ปลอดภัยหรอกน” ฉวีวรรณหวังดี
“ฮึ ไม่ต้องมาทำเป็นคนดี คิดจะกันท่าฉัน แล้วเก็บพี่ดนัยไว้คนเดียวล่ะสิไม่ว่า ฉันรู้ทันแกหรอกน่า”
ถูกพูดแทงใจดำ ฉวีวรรณอึ้ง พูดไม่ออก
“ทนไม่ไหวแล้ว ขอตบสักทีเถอะ”
แจ๋สุดจะทนไหวตบหน้าอุ๊บอิ๊บทันที อุ๊บอิ๊บกรี๊ดไม่ยอม และตั้งท่าจะตบกลับ ทั้งสองยื้อยุดกันไปมา วุ่นวายไปหมด 
“อย่าครับ อย่า”
กิมจิเข้าไปห้ามแจ๋ ส่วนบุญทิ้งห้ามอุ๊บอิ๊บ แต่กลายเป็นว่าโดนลูกหลง โดนตบกันทั้งคู่แบบจัดเต็ม 
“โอ๊ย!” กิมจิ ร้องออกมาพร้อมบุญทิ้ง

แจ๋กับอุ๊บอิ๊บยังยื้อยุดตบตีกันไม่มีทีท่าว่าจะไม่ยอมหยุด
“พี่ทองอินไปห้ามเขาทีสิ” วินยาบอก
“เอ่อ ไม่ล่ะ ดุกว่ากระทิงป่าอีกนะเนี่ย”
ทองอินกลัวเลยขอบาย ขณะที่ฉวีวรรณทนไม่ไหว ตวาดออกมา 
“หยุดซะที แจ๋ พอได้แล้ว!”
แจ๋ชะงัก อุ๊บอิ๊บเย้ย
“ได้ยินแล้วใช่มั้ย”
“เธอก็เหมือนกันอุ๊บอิ๊บ”
น้ำเสียงฉวีวรรณจริงจัง จนอุ๊บอิ๊บอึ้ง
“ เธออยากจะตามพวกเรามาก็ตามใจ แต่บอกไว้ก่อนถ้าเธอก่อเรื่อง ทำให้ทุกคนเดือดร้อนอีก ฉันไม่ยอมอยู่เฉยแน่”
“แกกล้าดียังไงมาพูดกับฉันแบบนี้ คอยดูนะฉันจะฟ้องป๊า”
“ก็ลองดูสิ ไหนล่ะ ป๊าของเธอ” วินยาพูดสวนขึ้นมา
ทั้งฉวีวรรณ วินยา แจ๋ ทองอิน กิมจิ ต่างมองอุ๊บอิ๊บอย่างไม่พอใจ อุ๊บอิ๊บกลัวโดนรุม ไม่กล้าหือ
“เอาล่ะ เรารีบไปตามหาดนัยกันเถอะ” ทองอินบอก
ฉวีวรรณ ทองอิน วินยา แจ๋และกิมจิ เดินออกไป อุ๊บอิ๊บกระฟัดกระเฟียดอยู่คนเดียว ได้ความเจ็บใจ
“ไอ้พวกบ้า!”
“ไปกันเถอะครับคุณอุ๊บอิ๊บ” บุญทิ้งยืนไมตรีให้
“ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน”

อุ๊บอิ๊บสะบัดหน้าหนี แล้วตามพวกฉวีวรรณไป บุญทิ้งงงรับประทาน ทำตัวไม่ถูก ตามอารมณ์ขาวีนไม่ทัน

อ่านต่อหน้า 3





หอบรักมาห่มป่า ตอนที่ 14 (ต่อ)

ฉวีวรรณ รวมทั้งวินยา แจ๋ กิมจิ บุญทิ้ง ทองอินและอุ๊บอิ๊บ ช่วยกันตามหาดนัยที่บริเวณริมน้ำตกที่ร่างดนัยหายไป โดยแยกเป็น 2 ทีม วินยา ฉวีวรรณ แจ๋และอุ๊บอิ๊บตามหาบนฝั่ง ส่วนทองอิน กิมจิและบุญทิ้งลุยน้ำค้นหา

“ดนัย” ฉวีวรรณตะโกนร้อง
“ดนัย” ทองอินเรียก
“พี่ดนัยขา!” อุ๊บอิ๊บร้องเรียก
“เป็นไง เจอมั้ย” แจ๋หันไปถามบุญทิ้งกับกิมจิ
“เจริญพร ไม่เจอเลยครับ” บุญทิ้ง
“หายไปได้ไง หรือจะถูกน้ำพัดไปแล้ว” กิมจิส่ายหน้า พลางตั้งสมมติฐาน
จังหวะนั้นฉวีวรรณเห็นเงาคล้ายคนกำลังเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วอยู่หลังพุ่มไม้
“ใครน่ะ ดนัย นายรึเปล่า”
ฉวีวรรณร้องเรียก และทำท่าจะตามไป แต่วินยามาขวาง
“อย่า!”
วินยาคว้าหนึ่งในอาวุธประจำตัว ยิงหน้าไม้เข้าใส่พุ่มไม้
ดาเนาหลบหน้าไม้ได้อย่างเฉียดฉิว แล้วกระโดดออกจากพุ่มไม้ พุ่งเข้าซัดวินยาทันทีด้วยสองมือเปล่า
วินยายกมือขึ้นป้องกันได้ พอเห็นดาเนาชัดๆ ก็ตกใจ รู้สึกเหมือนมีสายใยบางๆ เป็นความรู้สึกดีๆ ต่อกัน
อยู่แว่บหนึ่ง เหมือนว่าเธอคุ้นๆ กับคนนี้เหมือนกัน
จังหวะนั้นวินยาจึงยกมือไปหมายจะจับแก้มดาเนาอย่างนึกรักและเอ็นดู แต่ดาเนาฟอร์มไม่ไว้ใจใครง่ายๆ
“หนู...”
“ไม่รู้จัก อย่ามาจับแก้ม”
ดาเนาขยับตัว กระโดดหนีออกไปจากตรงนั้น
วินยารีบตามไป
“หยุดนะ!”
ฉวีวรรณ ทองอิน แจ๋ กิมจิ บุญทิ้งและอุ๊บอิ๊บต่างตกใจที่เห็นวินยาตามเด็กคนนั้นไป
“วินยา”

ดาเนาวิ่งหนีมาเรื่อยๆ แต่วินยาก็วิ่งตามมาจนทัน
“ตามมาอยู่ได้ หลงเสน่ห์ดาเนาใช่ม้า”
“หยุดก่อน หนูเป็นใครกันแน่”
จังหวะหนึ่งวินยากระโดดมาขวางหน้าดาเนาไว้ ดาเนาชะงัก
“ฉันไม่อยากรังแกเด็กหรอกนะ ถามดีๆ ทำไมไม่ตอบ” วินยาเซ้าซี้ถาม
ดาเนาทำท่ากวนใส่ “แม่ก็ไม่ใช่ ทำไมต้องเชื่อฟังด้วย”
ว่าแล้วดาเนาก็เตะท่อนไม้ตรงหน้าใส่วินยา แต่วินยาหลบทัน ดาเนาหนีไปอีก
“คิดจะหนีรึ ไม่มีทาง!”
วินยาคว้าและดึงคอเสื้อดาเนา แต่ดาเนาดิ้นจนเสื้อหลุดติดมือวินยามา วินยาตกใจ
ดาเนายังหันมาทำทะเล้นใส่อีก “ว้าย ตัวเองจะทำอะไรเค้าน่ะ ฮ่าๆๆ เจอวิชาลอกคราบเข้าไป โตะจายโหมะเลยล่ะซี้”
ดาเนาแลบลิ้นปลิ้นตาทะเล้นใส่ แล้วทำท่าจะหนี
จังหวะนั้นเองดาหวันซึ่งตามมาทันรีบร้องบอกดาเนา
“หยุดนะ ดาเนา นั่นวินยา เขาเป็นพวกเดียวกับเรา”
ดาเนาชะงัก
“พวกเดียวกันหรอกรึ โธ่ แล้วก็ไม่บอกแต่แรก”
วินยาขยับได้แล้ว แปลกใจตัวเอง สงสัย ดาเนาปัดดินออกจากมือ แล้วยกมือไหว้ขอโทษวินยา ด้วยท่าทางที่ใครเห็นก็โกรธไม่ลง
“ขอโทษ ดาเนาไม่ได้ตั้งใจ นึกว่าพวกคนร้าย ใครๆ ก็รู้ว่าปกติดาเนาเป็นเด็กดี เรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ยังไงยังงั้น”
วินยายังคงสงสัยอยู่ในใจ ถามออกมาประโยคเดิม “หนูเป็นใครกันแน่”
ดาเนายังไม่ทันตอบ กลุ่มของฉวีวรรณ ทองอิน แจ๋ กิมจิ บุญทิ้งและอุ๊บอิ๊บตามมาทัน ทองอินเรียกอย่างดีใจ ที่วินยาปลอดภัย
“วินยา!”
“วินยา เธอเป็นอะไรรึเปล่า”
ฉวีวรรณ ทองอิน แจ๋ กิมจิและบุญทิ้งเจอกับดาหวัน ต่างดีใจ มีอุ๊บอิ๊บคนเดียวที่ไม่พอใจ เพราะไม่อยากเจอดาหวัน
“พี่หวี!” ดาหวันตกใจระคนดีใจ
“หวัน”
ฉวีวรรณยิ้ม โผเข้ามากอดดาหวัน ดีใจและโล่งใจ
“หวัน หวันจริงๆ ด้วย หวันเป็นอะไรรึเปล่า รู้มั้ยพี่ห่วงหวันมากแค่ไหน ทำไมหนีไปไม่บอกไม่กล่าว”
“หวันไม่เป็นไร”
“แล้วชลิตล่ะ ไม่ได้อยู่ด้วยกันเหรอ” แจ๋ถามหลังจากมองหาชลิตไม่เจอ
“พี่ชลิตเค้า…”
สีหน้าของดาหวันสลดลงทันที เครียดที่ชลิตหายไป ทุกคนเห็นต่างก็แปลกใจ

เวลาต่อมาทุกคนกลับมาถึงหมู่บ้านชาลัน ทองอิน ฉวีวรรณ ดาหวัน วินยา แจ๋ กิมจิและบุญทิ้งนั่งคุยกับสางโป อุ๊บอิ๊บแยกไปนั่งห่างๆ คนเดียวทางหนึ่ง
สางโปพยักหน้ารับรู้หลังจากฟังเรื่องจากวินยาและทุกคนแล้ว
“พ่อหนุ่มสองคนนั่นหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยที่น้ำตกหลวงงั้นรึ” สางโปถาม
“ใช่ค่ะ หวันเห็นพี่ชลิตหายไปต่อหน้าต่อตาเลย” ดาหวันตอบ
“ฉันจนปัญญาจริงๆ ไม่รู้จะตามหาดนัยกับชลิตยังไง ยังมีที่ไหนในป่านี้อีกรึที่พวกเราชาวชาลันไม่รู้จัก” วินยาระบายความรู้สึกออกมา
สางโปนิ่งคิดไปนิดหนึ่งแล้วจึงเล่า
“ป่าแห่งนี้เต็มไปด้วยสถานที่ลึกลับที่แม้แต่ชาวชาลันซึ่งได้ชื่อว่า มีป่าเป็นบ้านเกิดเมืองนอนก็ยังไม่เคยเข้าไป”
วินยาและทุกคนสงสัย
“การหายตัวไปของไอ้หนุ่มสองคนนั้นทำให้ข้านึกถึงสถานที่ในตำนานที่คนเฒ่าคนแก่เคยเล่าให้ฟัง…”
สางโปเล่าไม่ทันจบกิมจิปากมอมก็ขัดขึ้น “มีคนแก่กว่าลุงอีกเหรอ ลุงก็แก่มากแล้วนะ”
สางโปมองหน้าแบบไม่พอใจ แน่นอนแจ๋กำนัลความปากไม่ยั้งคิดด้วยการตบปากกิมจิ
“นี่แหนะ พูดไม่คิด”
“โอ๊ย!” กิมจิร้อง
“เล่าต่อเถอะค่ะ ลุงสางโป” ฉวีวรรณเร่งเร้า
“ผู้เฒ่าผู้แก่เคยเล่าให้ฟังเรื่องคนที่หายตัวไปอย่างลึกลับว่าถูกคนเมืองลับแลจับตัวไป”
“เมืองลับแล?” ดาหวันแปลกใจกับคำพูดของสางโป
“เมืองลับแลเป็นเมืองประหลาดที่มีแต่ผู้หญิง แต่ถ้าผู้ชายพลัดหลงเข้าไปจะไม่มีชีวิตรอดกลับมาอีกเลย”
ฉวีวรรณ ดาหวัน และแจ๋ เริ่มใจคอไม่ดี
“แล้วเมืองลับแลที่ว่านั่นมันอยู่ที่ไหนล่ะครับ” กิมจิถามจริงจัง
ถูกสางโปย้อนกลับหน้าตาย “ถ้ารู้ จะเรียกว่าเมืองลับแลรึ ไอ้โง่”
กิมจิหน้าแตก ทำท่าตลกคาเฟ่ คารวะสางโปอย่างนับถือ
“ทึ่งโป๊ะ โดนแล้วไง” ทำท่าคารวะ “ชาบู ชาบู ลุงสางโปสุดยอด”
“ลุงอย่าไปสนใจมันเลยค่ะ เล่าต่อเถอะค่ะ” แจ๋ว่า
“ที่ได้ชื่อว่าลับแลเพราะเป็นเมืองที่ถูกเวทมนต์พรางตาไว้ไม่ให้ใครมองเห็น ไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่ไหน เพราะคนที่พลัดหลงเข้าไป ไม่มีใครรอดชีวิตกลับมา ถ้าเป็นหญิงก็ต้องอยู่ที่นั่นไปจนตาย หาทางออกจากเมืองไม่ได้
ถ้าเป็นชายก็จะถูกฆ่าทิ้ง ตำนานเล่ามาแบบนี้”
“โธ่ พี่ชลิต พี่ดนัย” ดาหวันกังวล
อุ๊บอิ๊บอินจัดไม่ยอมรับ “อ๊าย ไม่จริง พี่ดนัยของอุ๊บอิ๊บ”
ฉวีวรรณ ดาหวัน ทองอิน วินยา แจ๋ กิมจิและบุญทิ้งต่างเครียดไปตามๆกัน
“อย่าพึ่งจิตตกกันนักเลย มันยังไม่มีหลักฐานบ่งชี้แน่ชัดเลยว่าดนัยกับชลิตหายไปไหน” ทองอินปลอบเด็กๆ
“เจริญพร จริงด้วย แค่อยู่หรือตายก็ยังไม่รู้เลยนะครับ”
ทุกคนยิ่งอึ้งไปอีก อุ๊บอิ๊บที่ฟังอยู่ลุกขึ้น กรี๊ดแบบทนไม่ไหวแล้ว
“โอ้ย เข้าเมืองลับแลก็ตาย ถึงไม่เข้าก็ตาย ยิ่งฟังยิ่งกลุ้มอุ๊บอิ๊บทนไม่ได้ ฮือ”
อุ๊บอิ๊บปล่อยโฮออกมา บุญทิ้งมองอุ๊บอิ๊บด้วยความสงสารและเป็นห่วง
ดาเนาฟังอยู่ด้วย ลุกขึ้นพูดบ้าง ทนไม่ไหวแล้วเช่นกัน
“มีใครช่วยพูดอะไรดีๆ หน่อยได้ไหมอ่ะ ดาเนาเครียดแทนแล้วนะ”
วินยานึกถึงเรื่องของตัวเอง แล้วตัดสินใจพูดขึ้น
“เมื่อสิบปีก่อน ฉันสูญเสียคนที่รักไปพร้อมๆกันถึงสามคน ท่านพ่อท่านแม่ และน้องชายของฉัน ...ฉันแทบบ้าและไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป แต่ท้ายที่สุดฉันก็คิดได้ว่า ครอบครัวของฉันคงไม่อยากเห็นฉันเอาแต่นั่งร้องไห้คร่ำครวญ ไม่เป็นอันทำอะไร ฉันเลยอยากจะบอกให้ทุกคนช่วยดูแลตัวเองให้มีความสุขและใช้ชีวิตต่อไปได้ ไม่ใช่แค่เพื่อตัวเรา แต่เพื่อคนที่เรารัก..ทุกคน”
แต่ละคนพอได้ฟังทุกคนมองวินยาด้วยความซาบซึ้งอินไปตามๆกัน แต่ดาเนาปลื้มมากที่สุด ลุกขึ้นตบมือก่อนคนแรกเลย
“สุดยอดเลย...ดาเนาชอบ”
ทุกคนต่างค่อยๆ ตบมือตาม ปลื้มปิติไปด้วย
วินยายิ้มเศร้า ก่อนที่จะหันหนีแล้ววิ่งลงจากเรือนไป ในขณะที่ดาเนามองตาม วินยาไปอย่างรู้สึกประทับใจในตัวพี่สาวชาวป่าด้วยกันคนนี้อย่างบอกไม่ถูก

วินยาเดินเข้ามานั่งที่ใต้ต้นไม้แห่งหนึ่ง โดยไม่รู้ตัวว่า เวลานั้นบนต้นไม้ต้นนั้น เลาซานั่งอยู่บนคบไม้ แอบมองวินยาอยู่ วินยายังคงเหม่อมองไป คิดถึงเรื่องราวในอดีต

เหตุการณ์ที่กาซูขว้างมีดไปแทงทะลุด้านหลังของนาลาผู้เป็นแม่ จนนาลาชะงักกระอักเลือดต่อหน้า ซึ่งสร้างความตกใจให้กับวินยาในวัย 10 ขวบเป็นอย่างมาก
“แม่!”
นาลาจะล้ม ทำเด็กทารกหลุดมือ เด็กลอยละลิ่วออกไปตกหน้าผา หล่นลงไปในแม่น้ำเสียงดัง ตูม
“ลีชา…ลูกแม่…” นาลาตะโกนปิ่มจะขาดใจ
“ลีชา!” วินยาตะโกนเรียก

พอนึกถึงเหตุการณ์ตรงนี้ทีไร วินยาก็น้ำตาไหลร่วงออกมาด้วยความคิดถึงน้องชาย
“ลีชา...พี่คิดถึงน้องเหลือเกิน”
ดาเนาเดินเป็ดเข้ามาหาวินยา ร้องเพลงไปด้วย แต่วินยานั่งเฉยไม่สน ดาเนาร้องถอยหลังกับมาอีกรอบก็ยังไม่ขำอีก ดาเนาหมดปัญญา
“ก๊าบๆๆๆ เป็ดอาบน้ำในคลองตา ก็จ้องแลมอง”
วินยายังไม่รับมุกยังนั่งนิ่งอินเศร้าอยู่กับความหลังและตัวเอง ดาเนาเกาศีรษะ
“ว้า ไม่ขำเลยเหรอ”
วินยาไม่ตอบอีก ดาเนารีบเปลี่ยนมุก
“อะ..งั้นต้องดอกนี้”
ดาเนาทั้งร้องทั้งเต้นเพลงไก่ย่างให้วินยาดู แต่วินยาก็ไม่ขำอีก
“ไก่ย่างถูกเผา แล้วมันก็ถูกไม้เสียบ ร้อนจริงๆ ร้อนจริงๆ”
ดาเนาเต้นท่าไก่ย่างอย่างตั้งอกตั้งใจ เพื่อให้วินยายิ้ม ดาเนาเซ็งเพราะวินยาไม่ขำอีก ดาเนาหยิบกล้วยมาให้วินยาไม่สนใจ
ดาเนาวิ่งเอาดอกไม้มาให้วินยาก็ยังเฉย สุดท้ายเอาดอกไม้มาทัดหูตัวเอง ยิ้มให้ วินยาก็ยังไม่ยิ้มด้วย
ดาเนาหมดแรง ล้มลงไปกองกับพื้น
“โอ้ย...คนอะไรก็ไม่รู้ บอกให้คนอื่นยิ้ม ตัวเองมานั่งร้องไห้ โอ้ย ดาเนาหมดมุกแล้ว”
วินยาไม่พูด ไม่ตอบอะไร แต่ลุกขึ้นเดินหนีไปเฉยเลย
ดาเนาผงกหน้าขึ้นมองตาม จังหวะนั้นเองสายตาของดาเนา เห็นเสาเหล็กเก่าๆ ที่แขวนธงประจำเผ่า หักครึ่งเสาโค่นลงมาจะโดนศีรษะวินยา ดาเนาร้องเตือน
“ระวัง”
วินยาชะงัก หันมามองอย่างตกใจ ดาเนารีบวิ่งเข้าไปผลักวินยา กระเด็นออกไป ท่อนเหล็กตกลงมา ดาเนาใช้พลังจิต รับไว้ได้ และดาเนาก็ใช้พลังจิต หักท่อนเหล็กเหมือนหักไม้ ขาดเป็นสองท่อน แล้วเหวี่ยงทิ้งไป
วินยามองด้วยความตกตะลึง
“แค่นี้ก็เรียบร้อย”
วินยารีบวิ่งเข้ามาดูที่ท่อนเหล็ก พอเห็นสภาพก็ยิ่งอึ้ง
“พี่สาวไม่เป็นไร ใช่มั้ย”
ดาเนายิ้มให้วินยาอย่างจริงใจ วินยาหน้าตาดูมีความหวัง คิดว่า ดาเนาต้องเป็นน้องชายที่หายไปแน่ๆ
“เจ้ามีพลังจิต ...ลีชา ...เจ้าคือลีชาใช่มั้ย”
“ดาเนาก็ชื่อดาเนาสิ ไม่ใช่ลีชา”
ดาเนารีบผลักวินยาออก แล้ววิ่งหนีไปเลย
วินยาจะตาม แล้วปรากฏลูกดอกจากหน้าไม้ พุ่งเข้ามาปักที่พื้นข้างหน้า วินยาหันมองไป เห็นเลาซากระโดดลงมาจากต้นไม้ พร้อมหน้าไม้ในมือยกเล็งมา
“ถ้าอยากเจอน้อง ทำไมไม่ไปตามในนรกดูล่ะ ข้าจะช่วยสงเคราะห์ให้” เลาซาเย้ย
วินยาโกรธจัด “ไอ้เลาซา!”
วินยาหยิบมีดออกไปฟันต่อสู้กับเลาซา เลาซาหลบหลีก วินยาจ้วงแทงไม่ยั้ง
เลาซากระโดดหลบ วิ่งหนีไปอีกทาง วินยารีบวิ่งตาม

วินยาวิ่งตามไล่ล่า เลาซามา แล้วมาถึงที่แห่งหนึ่งวินยามองไม่เห็นว่า เลาซาหลบอยู่ข้างหลังพงไม้ใกล้ๆ เหลียวมองหา ร้องตะโกนด่า
“เลาซา! ข้ารู้นะว่าเจ้าต้องอยู่แถวนี้”
เลาซาแอบมองดูอยู่ ลุ้นระทึก กัดกรามแน่น ข่มใจไม่ให้โกรธ ยกมือจะออกไปแทงวินยา แต่แล้วก็ดึงกลับ ไม่อยากทำ
“คนอย่างข้าไม่เคยกลัวใครอยู่แล้ว ถ้าเจ้าแน่จริง ก็ออกมาสู้กันตัวต่อตัวไปเลย ออกมาเลย มา”
เลาซาโมโหฮึดขึ้นมาใหม่ ยกมีดออกไปจะแทงวินยา แต่แล้วปรากฏว่ามีแมงมุมตัวใหญ่ โรยตัวลงมาตรงหน้าวินยาพอดี
วินยา กลัวแมงมุมมาตั้งแต่ไหนแต่ไร สติแตก ร้องกรี๊ดลั่น วินยาหันตัวแล้ววิ่งหนีพุ่งเข้าไปทางที่เลาซายืนอยู่อย่างไม่ตั้งใจ แล้วซุกกับอกเลาซา ทำท่ากลัวเหมือนเด็กๆ ไปเลย
“ช่วยด้วยๆ แมงมุม”
เลาซาอึ้ง ตะลึงไปเลย ที่เวลานี้วินยามาซุกอยู่กับอกของตัวเอง
“ช่วยด้วย ข้ากลัว”
เลาซาลืมตัว ปามีดออกไปสุดแรง มีดปักโดนตัวแมงมุมยักษ์ ร่วงลงไปกับพื้น เลาซามองอย่างอึ้งๆ เขินๆ ยกมือขึ้นวางบนไหล่วินยา แบบปลอบๆ แล้วค่อยพูดขึ้น
“ไม่ต้องกลัว มันตายแล้ว”
วินยาได้ยินเสียงเลาซาอึ้ง พร้อมกับรีบดึงตัวออกมา วินยามองสบตาเลาซา ตะลึง เพราะนึกไม่ถึง ว่าจะมาอยู่ในอ้อมกอดศัตรูอย่างนี้
“นี่เจ้า”
วินยาจะดึงตัวออก แต่เลาซากลับรวบกอดรัดไว้ปะทะอก
“ไม่นึกว่าคนเก่งอย่างเจ้าจะกลัวแค่ แมงมุม” เลาซาเยาะ
“มันเรื่องของข้า ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้”
“เจ้าเป็นคนวิ่งเข้ามากอดข้าเองนะ” น้ำเสียงเลาซากรุ้มกริ่ม
“ปล่อย”
วินยาดึงตัวหนีอย่างแรง แต่เลาซาก็ยังไม่ปล่อย และกลับกลายเป็นวินยาดึงเลาซาเข้าไปหาตัว ดันร่างวินยาให้หลังไปติดโคนต้นไม้ เลาซาถือโอกาสนั้นตรึงมือวินยาไว้
“ปล่อยข้านะ อย่ามาทำอะไรบ้าๆ”
“ข้าช่วยเจ้าไว้แท้ๆ ไม่ขอบใจสักคำเลยเหรอ”
“ฆ่าข้าเสียเลยดีกว่า มาช่วยข้าทำไม”
เลาซาอึ้งจ้องหน้า วินยา รู้สึกอ่อนไหวในความรู้สึก
“ข้า...” เลาซาพูดอะไรไม่ออกสักคำ
“ว่ามาสิ เจ้าต้องการอะไร ข้าไม่อยากติดหนี้ศัตรูอย่างเจ้า” วินยาถาม
“งั้นเจ้าก็ช่วยรักษาชีวิตของเจ้าไว้ให้ดีก็แล้วกัน”
“อะไรนะ”
“ถ้าเจ้าตายง่ายๆ เพราะแมงมุมกัด มันจะไปสนุกอะไรล่ะ รักษาชีวิตของเจ้าไว้ให้ข้าฆ่าดีกว่านะ วินยา”
จู่ๆ เลาซาก็ยื่นหน้ามาอย่างเร็ว เหมือนจะจูบปากวินยา แต่วินยาหลับตา เบือนหน้าหลบ ทำหน้าขยะแขยง เลาซารั้งปากไว้ มองวินยาอย่างพึงพอใจ แล้วหัวเราะสะใจ ก่อนจะหันตัวเดินออกไปอย่างรวดเร็ว วินยาค่อยลืมตาขึ้น มองตาม ไม่เข้าใจการกระทำของเลาซา จับหน้าตาเนื้อตัวของตัวเอง อยากถูลบเพราะรู้สึกชิงชังที่ถูกเลาซาแตะต้องตัว
“ฮึ่ย สกปรกที่สุด” วินยาร้องตะโกนออกไป “ไอ้เลาซา! ข้าจะไม่ให้อภัยไอ้คนกักขฬะอย่างเจ้าเลย”

ในขณะนั้นธานีเดินเข้ามาหาเลาซาพร้อมๆ กับทุกคน ธานีหันไปถามย้ำกับเลาซาอย่างดีใจ หลังจากรู้เรื่องที่ชลิตกับดนัยตกหน้าผาหายตัวไป
“แกว่ายังไงนะ ไอ้ดนัยกับชลิต ตกหน้าผา ยังหาตัวไม่เจองั้นเหรอ”
“ใช่ ข้าไปสืบข่าวที่หมู่บ้านชาลันมา มันสองคนไม่น่าจะรอดแล้วล่ะเสี่ย”
“แต่ถ้าเรายังไม่พบศพ แล้วก็ยังวางใจไม่ได้หรอกฮะ” ธนวัติบอก
“นั่นสิครับ คุณอา ..ผมว่าเราอย่าประมาทดีกว่า อย่างน้อยเราก็ต้องเห็นศพของมันด้วยตาของพวกเราเองจะดีกว่า” พาณิชย์เห็นด้วย
“ดี พรุ่งนี้พวกเราทั้งหมดจะไปบุกน้ำตกหลวงกัน เตรียมตัวให้พร้อมล่ะ”
จังหวะนั้นเองลูกน้องคนหนึ่ง ก็วิ่งเข้ามารายงานหน้าตาตื่น
“นายๆ คุณอุ๊บอิ๊บหนีไปแล้วครับ”
ธานีและทุกคนหันไปมอง ด้วยสีหน้าตกใจ
“อะไรนะ”
ไวเท่าความคิดธานีรีบตรงไปที่ห้องลูกสาวเปิดประตูห้องอุ๊บอิ๊บเข้าไปผัวะ ไม่เห็นแม้เงาอุ๊บอิ๊บ
“อุ๊บอิ๊บ”
ธนวัติเห็นบางอย่างผิดปกติเดินไปดูที่หน้าต่าง เห็นผ้าปูที่นอนมาทำเชือก โยงลงไปข้างล่าง
“ยายอุ๊บอิ๊บมันลงทุนปีนบ้านหนีเลยนะ ป๊า”
“จะตามไหมนาย ข้าจะจัดการให้” กาซูอาสา
“ไม่ต้อง ปล่อยมันไป ...
“ป๊า” / “คุณอา” ธนวัติกับพาณิชย์ เอ่ยออกมาพร้อมกันอย่างงง
“ฮึ ยายอุ๊บอิ๊บมันจะไปอยู่ที่ไหนได้ ทั้งติดหรู ขี้วีน เอาแต่ใจอย่างมัน มันจะทนความลำบากได้สักกี่น้ำ เดี๋ยวมันก็ต้องซมซานกลับมาเอง”
ธานีรู้ไส้ลูกสาวคนเล็กดีกว่าใคร

ค่ำคืนนั้นฉวีวรรณนั่งกอดเขา คิดถึง เป็นห่วดนัยอยู่ในห้องนอน ภาพอดีตต่างๆ ระหว่างดนัยกับเธอ อันแสนโรแมนติก ทั้งตอนจับมือ กอดกัน ผุดขึ้นมาในหัวเป็นชุด
ยิ่งคิดเหตุการณ์เหล่านั้นฉวีวรณก็ยิ่งคิดถึงดนัย และเป็นห่วงเอามากๆ จนน้ำตาไหลออกมา จังหวะนั้นแจ๋เปิดประตูเข้ามาจะตามไปกินข้าว เห็นอาการของเพื่อน ทั้งสงสาร และหนักใจ แจ๋เดินเข้ามาหาฉวีวรรณ
“หวี ไปกินข้าวหน่อยเถอะ”
ฉวีวรรณสะดุ้งรู้สึกตัว รีบปาดน้ำตา พยายามเข้มแข็ง
“ขอบใจนะ ที่มาตาม แต่ฉันยังไม่หิว”
แจ๋เข้ามาแตะไหล่ฉวีวรรณปลอบอย่างเป็นห่วง
“อย่าคิดมากเลยน่า หวี ชลิตต้องไม่เป็นอะไร คนดีพระต้องคุ้มครอง”
ฉวีวรรณอึ้งๆ เพราะตัวเองคิดถึงแต่ดนัย
“อ้าวทำไมทำหน้าอย่างนั้น เธอไม่ได้ห่วงชลิตเหรอ อย่าบอกนะที่ กินไม่ได้นอนไม่หลับ นี่ก็เพราะเป็นห่วงนายดนัย”
ฉวีวรรณอึกอัก ไม่กล้าสบตาแจ๋ และโวยวายกลบเกลื่อนตามเดิม
“พูดบ้าๆ น่าแจ๋ ฉันก็ เป็นห่วงทั้งคู่นั้นแหละ”
“แหม อย่างนี้ก็เท่ากับว่า อยากเก็บไว้ทั้งสองคนอ่ะจิ”
ฉวีวรรณไดฟัง ก็เลยทุบแจ๋เอา “จะบ้าใหญ่แล้ว พูดมาได้ยังไง”
“โอ้ยๆ ฉันก็ล้อเล่นน่ะ ไม่อยากเห็นหวีเครียด จริงๆ ฉันก็ห่วงทั้งสองคนนั่นเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าสองคนนั่นอยู่ที่ไหน แล้วจะตามหายังไง โอ๊ย ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว” แจ๋ออกอาการกลุ้ม
“ป่านนี้สองคนนั้นจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้”

ฉวีวรรณมองเหม่ออกไปด้านนอก รู้สึกเป็นห่วงดนัยจับหัวใจ

อ่านต่อตอนที่ 15 




กำลังโหลดความคิดเห็น