หญิงไทยประท้วงหน้าสถานทูตอังกฤษไม่ออกวีซ่าให้

หญิงไทยที่มีสามีเป็นชาวอังกฤษ ประท้วงหน้าสถานทูต หลังไม่ได้รับวีซ่าให้เข้าประเทศ ทั้งที่จะเดินทางไปทำการหย่าร้างกับสามี ระบุ ถูกตม.อังกฤษใส่ความว่ามีชู้

วันนี้ (1 ก.พ.) เวลา 13.30 น.บริเวณด้านหน้าสถานเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กทม.นางกนกรัตน์ นิ่มสมุทร บูท อายุ 42 ปี พร้อมคณะเดินทางมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมต่อทางรัฐบาลอังกฤษ และสถานทูตในเรื่องขอใบอนุญาตเข้าประเทศอังกฤษแต่ได้ถูกทางสถานทูตปฏิเสธ

นางกนกรัตน์ กล่าวว่า เป็นคนไทยที่ออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมต่อประเทศอังกฤษ สืบเนื่องจากที่ได้แต่งงานกับชายชาวอังกฤษอยู่กินกันมาเป็นเวลา 3 ปี และได้เดินทางกลับมาเยี่ยมลูกที่ประเทศไทย แต่เมื่อเดินทางกลับประเทศอังกฤษ กลับถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองประเทศอังกฤษ (ตม.) จับกุมตัวเป็นเวลา 1 วัน พร้อมทั้งยกเลิกใบอนุญาตเข้าประเทศอังกฤษ และได้ผลักดันให้กลับประเทศไทย อีกทั้งอ้างว่า ตนมีชู้และกลับเข้าประเทศ และเคยมีการค้นพบยาเสพติดในกระเป๋าสัมภาระ แต่กระเป๋าใบนั้นเป็นของผู้อื่นไม่ใช่ของตนแต่อย่างใด

นางกนกรัตน์ กล่าวต่อว่า เหตุผลที่ต้องการกลับไปประเทศอังกฤษ เพราะว่าต้องการไปทำธุรกรรมการหย่ากับสามีชาวอังกฤษ ซึ่งการหย่าตามกฎหมายอังกฤษจะต้องเป็นไปตามขบวนการศาลเท่านั้น อีกทั้งต้องการเอาคำสั่งศาลแพ่งที่พิจารณาคดี แล้วนั้นไปยื่นเพื่อให้ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม ตนได้ดำเนินการดังกล่าวมาเป็นเวลายาวนานกว่า 2 ปีแล้ว แต่ตนก็มาถูกทางสถานทูตปฏิเสธอยู่ดี

“ดิฉันเพียงต้องการอยากทราบว่า ทางสถานทูตต้องการอะไร ต้องการให้ฉันตายหรืออย่างไร แค่นี้ฉันก็ตายทั้งเป็นอยู่แล้ว” นางกนกรัตน์ กล่าวและว่า ถ้าหากไม่ได้ข้อตกลงตามที่วางไว้ จะเดินทางกลับมาพร้อมด้วยหญิงไทยที่มีสามีเป็นชาวต่างชาติมาร่วมกันเรียกร้องในวันที่ 14 ก.พ.ที่จะถึงนี้

อย่างไรก็ตาม ตนได้ดำเนินการฟ้องร้องโดยใช้ระยะเวลายาวนานกว่า 2 ปี และศาลได้มีคำสั่งว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองประเทศอังกฤษ (ตม.) ดังกล่าวไม่มีสิทธิ์ที่จะกระทำการดังกล่าวได้ และเมื่อตนเดินทางมาขอติดต่อขอใบอณุญาตเข้าประเทศอังกฤษก็ถูกปฏิเสธจากทางสถานทูต คาดว่า เหตุผลที่ทางสถานทูตไม่อนุญาตใบดังกล่าวนั้น เพราะเกรงว่าตนจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศของการมาเรียกร้องของนางกนกรัตน์ดังกล่าว มีผู้มาร่วมถือป้ายประมาณ 15 คน พร้อมทั้งตระโกนโห่ร้องว่า “ปฏิเสธวีซ่าทำไม” และเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับผู้หญิงไทย ที่มีสามีเป็นชาวต่างชาติแล้วถูกกฎหมายของแต่ละประเทศเหล่านั้นกดขี่ข่มเหง