ก.ตร.เห็นชอบตั้้ง “บุญยศ บุญไพศาล” เป็นผบก.กองวินัย พร้อมรับรองมติการแต่งตั้งระดับรองผบช.-ผบก.โดยให้เหตุผลเพื่อรักษาสิทธิประโยชน์ในการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์และยศต่อไป
วันนี้ (30 ธ.ค.) เมื่อเวลา 11.00น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาเป็นประธานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 14/2554 โดยมีวาระที่สำคัญ คือ การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับ รองผบช.-ผบก.ที่ยังไม่แล้วเสร็จเรียบร้อยในการประชุมครั้งก่อนในวันที่ 25 ธันวาคม ที่ผ่านมา เนื่องจาก ก.ตร.ยังไม่รับรองมติการพิจารณาแต่งตั้งอย่างเป็นทางการเกิดจากประธานก.ตร.สั่งปิดประชุมแบบกะทันหัน ขณะเดียวกัน ยังกรณีการโยกย้าย พล.ต.ต.บุญยศ บุญไพศาล ผบก.ภ.จว.ยโสธร มาเป็น ผู้บังคับการกองวินัย ซึ่ง ก.ตร.ให้ ผบ.ตร.ไปทบทวน และยังพิจารณาค้างไว้ไม่ทันหาข้อยุติใน ก.ตร.นอกจากนี้ ยังมีวาระเปิดตำแหน่งใหม่ระดับสารวัตรในสังกัดสำนักงานตำรวจราชสำนักประจำ ทั้งนี้ ก.ตร.ใช้เวลาการประชุมประมาณ 1 ชม.
พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย รรท.ผบก.สท.ในฐานะ โฆษกตร.กล่าวว่า การประชุมในวันนี้คณะกรรมการได้เห็นชอบการแต่งตั้ง พล.ต.ต.บุญยศ ผบก.จว.ยโสธร เป็น ผบก.กองวินัย ตามที่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร.เสนอบัญชี นอกจากนี้ ก.ตร.ยังได้รับรองมติการแต่งตั้งระดับรองผบช.-ผบก.โดยให้เหตุผลเพื่อรักษาสิทธิประโยชน์ในการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์และยศต่อไป และขั้นตอนจากนี้ พล.ต.ท.วิบูล ปรองดอง ในฐานะ เลขา ก.ตร.จะเสนอรายชื่อตำรวจที่ได้รับการแต่งตั้ง เพื่อโปรดเกล้าฯ ต่อไป โดยการรับรองมติภายหลังการประชุมไม่ผิดกฎหมาย และคำสั่งรักษาราชการแทนยังยึดคำสั่งเดิมไม่มีการเปลี่ยนแต่อย่างใด
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวต่อว่า ก.ตร.ยังได้กำหนดตำแหน่ง สว.ประจำสำนักงานนายตำรวจราชสำนักประจำ หรือ นรป.อีก 3 ตำแหน่ง เพื่อประจำวังสุโขทัย ทั้งนี้ การกำหนดตัวบุคคลจะเป็นไปตามพระราชอัธยาศัย และแต่งตั้งในวาระการแต่งตั้งระดับ รองผบก.-สว.ต่อไป นอกจากนี้ ที่ประชุมได้รับทราบตามที่ เลขา ก.ตร. ชี้แจงเพิ่มเติมกรณีปรับยศตำรวจระดับดาบตำรวจที่มีอายุ 53 ปีขึ้นไปเป็นนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร ซึ่งปีนี้มีจำนวน 20,000 ราย และมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.เป็นต้นไป ส่วนปีหน้าได้เสนอรายชื่ออีก 5,000 ราย
โฆษก ตร.กล่าวด้วยว่า ประธาน ก.ตร.สั่งการให้ ตร.เผยแพร่เรื่องที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ หรือ ก.ต.ช.เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.ที่ผ่านมา ว่า มีมติให้ศูนย์ปฎิบัติการสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศชต.ยังปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้
ผู้สื่อข่าวรายงวานว่า สำหรับการยุบรวม ศชต.กับ บช.ภ.9 เข้าด้วยกัน ก่อนหน้านี้ ก.ต.ช.เคยมีมติให้ยุบรวมไปแล้ว โดยให้เหตุผลในเรื่องของความปลอดภัยในชีวิต และเปิดโอกาสให้ข้าราชการตำรวจสามารถหมุนเวียนมาดำรงตำแหน่งในพื้นที่ บช.ภ.9 ได้ และป้องกันตำรวจบางนายที่เข้าไปหวังผลในเรื่องของสิทธการนับอายุราชการทวีคูณ เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยของพล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบช.ก.แต่คณะกรรมการบริหารของ ตร.ได้เสนอความเห็นแย้งขึ้นไป โดยให้เหตุผลในเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจาก 3 จังหวัดชายแดนใต้เป็นพื้นที่พิเศษต้องอาศัยตำรวจที่มีความเชี่ยวชาญ ทำให้ ก.ต.ช.มีมติใหม่ยังคงให้ ศชต.แยกออกจาก บช.ภ.9 ก่อน และให้ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ