ตำรวจ ดส.บุกทลายคลินิกทำแท้งเถื่อนย่านเพชรเกษม ควบคุมตัว “ป้าหมู” ผู้ทำแท้งไปดำเนินคดี ขณะที่เจ้าตัวเคยถูกจับมาแล้วเมื่อ 7 เดือนก่อนคดีอยู่ระหว่างส่งฟ้องศาลในข้อหาเดียวกัน ขณะเข้าตรวจค้นพบสาวโรงงานท้อง 5 เดือนมาทำแท้งในราคา 5 พันบาท ด้านอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ วอนประชาชนแจ้งเบาะแสผ่านสายด่วน เตือนทำแท้งเถื่อนเป็นอันตรายมาก เสี่ยงติดเชื้อทางช่องคลอดรุนแรงทำให้เสียชีวิตได้
วันนี้ (21 ธ.ค.) เมื่อเวลา 13.00 พ.ต.อ.สุพัชร พึ่งพวง ผกก.ดส.บช.น.พร้อมด้วย พ.ต.ท.สำเริง ส่งเสียง รองผกก.ดส.บชน. พ.ต.ท.ศยาม อินทร์สุวรรณโณ สว.สส.เจ้าหน้าที่ ดส.นพ.สมชัย ภิญโญพรพาณิชย์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุขและเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบทราบว่า ที่บ้านเลขที่ 5/40 หมู่ 3 หมู่บ้านเศรษฐกิจ แยก 54 ถ.เพชรเกษม แขวงบางไผ่ เขตบางแค มีการลักลอบทำแท้งเถื่อน จึงได้ให้สายปลอมตัวเป็นผู้ที่จะทำแท้งทำการติดต่อ กับ น.ส.กรรณิกา หรือป้าหมู หาดสืบวงศ์ อายุ 46 ปี (ผู้ที่ทำแท้ง) กระทั่งถึงเวลาที่นัดหมาย น.ส.กรรณิกา ได้เดินทางมารับสายที่เจ้าหน้าที่ปลอมตัว
จากนั้น น.ส.กรรณิกา ได้พามาที่บ้านครึ่งตึกครึ่งไม้ 2 ชั้น เลขที่ตามที่สืบทราบและทำการพูดกับสาย โดยทาง น.ส.กรรณิกา บอกว่า ถ้าท้อง 5 เดือน คิดราคา 5,000 บาท จึงให้สายนั่งรอ พร้อมทั้งนำยาสอด (ไชโตแทก) มาให้จำนวน 1 เม็ด เพื่อทำการสอดที่มดลูก โดยทางสายของตำรวจจึงได้ให้สัญญาณกับทางเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมตัว น.ส.กรรณิกา พร้อมด้วยของกลาง ขณะเดียวกัน ที่บ้านใกล้เคียงทางเจ้าหน้าที่ได้พบ หญิงสาว 1 คน อายุ 25 ปี ทำงานอยู่โรงงานแห่งหนึ่ง ย่านพุทธมณฑลสาย 5 กำลังนอนพักฟื้นอยู่ภายในห้อง โดยภายในห้องพบผ้าก๊อต ผ้าอ้อมของเด็กจำนวนหนึ่ง หญิงที่เข้ามาทำแท้ง ได้เปิดเผยว่า มีเพศสัมพันธ์กับแฟนจนตั้งครรภ์ได้ 5 เดือน แต่ไม่พร้อมที่จะมีลูก จึงคิดจะเอาเด็กออก โดยมีเพื่อนแนะนำให้มาที่นี่ ซึ่งทางป้าหมู คิดค่าทำแท้งเป็นเงิน 5,000 บาท จึงมาทำแท้งตั้งแต่เวลา 03.00 น.จากนั้นได้มานอนที่ห้องนี้ และทางป้าหมูได้ให้ยาสอดมา 1 เม็ด และป้าหมูบอกให้นอนรอก่อน และให้ยาสอดอีก 1 เม็ด เพื่อให้มดลูกได้บีบตัวและเด็กออก
ทั้งนี้ เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาร่วมกับประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียน และอนุญาต ประกอบกิจการและดำเนินสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต และพยายามทำให้หญิงแท้งลูกโดยหญิงนั้นยินยอม
สำหรับ น.ส.กรรณิกา ผู้ต้องหา ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 20 พ.ค.เคยถูกเจ้าหน้าที่ ดส.จับกุมแล้วครั้งหนึ่งในพื้นที่ สน.หลักสอง และกำลังส่งฟ้องศาลในข้อหาเดียวกัน จนกระทั่งมาก่อเหตุและถูกจับอีกครั้งหนึ่ง
ด้าน นพ.สมชัย กล่าวว่า น.ส.กรรณิกา ที่รับทำแท้งมีความผิดตามกฎหมายของกระทรวงสาธารณสุข 2 ข้อหา คือ ไม่ขึ้นทะเบียนเปิดเป็นสถานบริการโดยถูกกฎหมาย และไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบโรคศิลป และเปิดคลินิกทำแท้งเถื่อน มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ ยังมีโทษตามกฎหมายอาญา ซึ่งเป็นหน้าที่ของตำรวจในการดำเนินคดีซึ่งมีความผิดทั้งผู้ที่รับทำแท้ง และลูกค้าที่มาใช้บริการทำแท้ง
ส่วนเด็กที่มารับการทำแท้งในวันนี้ได้รับยาขับเด็กไปจำนวน 2 เม็ดแล้ว จากการตรวจเบื้องต้นพบว่ามดลูกเริ่มมีการบีบตัว และมีน้ำเดิน จึงได้นำส่งโรงพยาบาลเพื่อความปลอดภัยของเจ้าตัว ส่วนเด็กในครรภ์คาดว่าแท้งเสียชีวิตอย่างแน่นอน
จากการสอบสวน น.ส.กรรณิกา ผู้ต้องหา ทราบว่า ในย่านนี้ยังมีผู้รับทำแท้ง และค้ายาเพื่อทำแท้งอีกจำนวนมาก โดยจะประสานองค์การอาหารและยา เพื่อทำการกวาดล้างต่อไป ส่วนคลินิกทำแท้งนั้นพอมีข้อมูลบางส่วน ซึ่งเหลือเพียงพยานหลักฐานเพื่อใช้ในการดำเนินคดี จึงขอให้ประชาชนที่ทราบเบาะแสช่วยเป็นหูเป็นตาให้กับเจ้าหน้าที่โดยการโทรศัพท์แจ้งข้อมูลได้ที่สายด่วน 02-193-7999
“ขอเตือนผู้ที่คิดจะทำแท้ง ว่า การทำแท้งเถื่อนมีอันตรายมาก มีโอกาสเสี่ยงสูงในการติดเชื้อทางช่องคลอดอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เสียชีวิตได้ ส่วนผู้กระทำความผิดที่ทำความผิดซ้ำขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลว่าจะลงโทษอย่างไร แต่การเฝ้าระวังเราได้กระทำมาโดยตลอดแต่ธุรกิจผิดกฎหมายประเภทนี้มีกำไรดี จึงมีคนแอบทำเรื่อยๆ” นพ.สมชัย กล่าว
วันนี้ (21 ธ.ค.) เมื่อเวลา 13.00 พ.ต.อ.สุพัชร พึ่งพวง ผกก.ดส.บช.น.พร้อมด้วย พ.ต.ท.สำเริง ส่งเสียง รองผกก.ดส.บชน. พ.ต.ท.ศยาม อินทร์สุวรรณโณ สว.สส.เจ้าหน้าที่ ดส.นพ.สมชัย ภิญโญพรพาณิชย์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุขและเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบทราบว่า ที่บ้านเลขที่ 5/40 หมู่ 3 หมู่บ้านเศรษฐกิจ แยก 54 ถ.เพชรเกษม แขวงบางไผ่ เขตบางแค มีการลักลอบทำแท้งเถื่อน จึงได้ให้สายปลอมตัวเป็นผู้ที่จะทำแท้งทำการติดต่อ กับ น.ส.กรรณิกา หรือป้าหมู หาดสืบวงศ์ อายุ 46 ปี (ผู้ที่ทำแท้ง) กระทั่งถึงเวลาที่นัดหมาย น.ส.กรรณิกา ได้เดินทางมารับสายที่เจ้าหน้าที่ปลอมตัว
จากนั้น น.ส.กรรณิกา ได้พามาที่บ้านครึ่งตึกครึ่งไม้ 2 ชั้น เลขที่ตามที่สืบทราบและทำการพูดกับสาย โดยทาง น.ส.กรรณิกา บอกว่า ถ้าท้อง 5 เดือน คิดราคา 5,000 บาท จึงให้สายนั่งรอ พร้อมทั้งนำยาสอด (ไชโตแทก) มาให้จำนวน 1 เม็ด เพื่อทำการสอดที่มดลูก โดยทางสายของตำรวจจึงได้ให้สัญญาณกับทางเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมตัว น.ส.กรรณิกา พร้อมด้วยของกลาง ขณะเดียวกัน ที่บ้านใกล้เคียงทางเจ้าหน้าที่ได้พบ หญิงสาว 1 คน อายุ 25 ปี ทำงานอยู่โรงงานแห่งหนึ่ง ย่านพุทธมณฑลสาย 5 กำลังนอนพักฟื้นอยู่ภายในห้อง โดยภายในห้องพบผ้าก๊อต ผ้าอ้อมของเด็กจำนวนหนึ่ง หญิงที่เข้ามาทำแท้ง ได้เปิดเผยว่า มีเพศสัมพันธ์กับแฟนจนตั้งครรภ์ได้ 5 เดือน แต่ไม่พร้อมที่จะมีลูก จึงคิดจะเอาเด็กออก โดยมีเพื่อนแนะนำให้มาที่นี่ ซึ่งทางป้าหมู คิดค่าทำแท้งเป็นเงิน 5,000 บาท จึงมาทำแท้งตั้งแต่เวลา 03.00 น.จากนั้นได้มานอนที่ห้องนี้ และทางป้าหมูได้ให้ยาสอดมา 1 เม็ด และป้าหมูบอกให้นอนรอก่อน และให้ยาสอดอีก 1 เม็ด เพื่อให้มดลูกได้บีบตัวและเด็กออก
ทั้งนี้ เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาร่วมกับประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียน และอนุญาต ประกอบกิจการและดำเนินสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต และพยายามทำให้หญิงแท้งลูกโดยหญิงนั้นยินยอม
สำหรับ น.ส.กรรณิกา ผู้ต้องหา ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 20 พ.ค.เคยถูกเจ้าหน้าที่ ดส.จับกุมแล้วครั้งหนึ่งในพื้นที่ สน.หลักสอง และกำลังส่งฟ้องศาลในข้อหาเดียวกัน จนกระทั่งมาก่อเหตุและถูกจับอีกครั้งหนึ่ง
ด้าน นพ.สมชัย กล่าวว่า น.ส.กรรณิกา ที่รับทำแท้งมีความผิดตามกฎหมายของกระทรวงสาธารณสุข 2 ข้อหา คือ ไม่ขึ้นทะเบียนเปิดเป็นสถานบริการโดยถูกกฎหมาย และไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบโรคศิลป และเปิดคลินิกทำแท้งเถื่อน มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ ยังมีโทษตามกฎหมายอาญา ซึ่งเป็นหน้าที่ของตำรวจในการดำเนินคดีซึ่งมีความผิดทั้งผู้ที่รับทำแท้ง และลูกค้าที่มาใช้บริการทำแท้ง
ส่วนเด็กที่มารับการทำแท้งในวันนี้ได้รับยาขับเด็กไปจำนวน 2 เม็ดแล้ว จากการตรวจเบื้องต้นพบว่ามดลูกเริ่มมีการบีบตัว และมีน้ำเดิน จึงได้นำส่งโรงพยาบาลเพื่อความปลอดภัยของเจ้าตัว ส่วนเด็กในครรภ์คาดว่าแท้งเสียชีวิตอย่างแน่นอน
จากการสอบสวน น.ส.กรรณิกา ผู้ต้องหา ทราบว่า ในย่านนี้ยังมีผู้รับทำแท้ง และค้ายาเพื่อทำแท้งอีกจำนวนมาก โดยจะประสานองค์การอาหารและยา เพื่อทำการกวาดล้างต่อไป ส่วนคลินิกทำแท้งนั้นพอมีข้อมูลบางส่วน ซึ่งเหลือเพียงพยานหลักฐานเพื่อใช้ในการดำเนินคดี จึงขอให้ประชาชนที่ทราบเบาะแสช่วยเป็นหูเป็นตาให้กับเจ้าหน้าที่โดยการโทรศัพท์แจ้งข้อมูลได้ที่สายด่วน 02-193-7999
“ขอเตือนผู้ที่คิดจะทำแท้ง ว่า การทำแท้งเถื่อนมีอันตรายมาก มีโอกาสเสี่ยงสูงในการติดเชื้อทางช่องคลอดอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เสียชีวิตได้ ส่วนผู้กระทำความผิดที่ทำความผิดซ้ำขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลว่าจะลงโทษอย่างไร แต่การเฝ้าระวังเราได้กระทำมาโดยตลอดแต่ธุรกิจผิดกฎหมายประเภทนี้มีกำไรดี จึงมีคนแอบทำเรื่อยๆ” นพ.สมชัย กล่าว