กรมศุลฯสกัดจับเรือลักลอบขนน้ำมันหนีภาษีมูลค่า 10 ล้านบาท โดยน้ำมันดิบดังกล่าวมีคุณภาพสูง หากหลุดรอดไปได้จะนำไปใช้กับอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงน้ำมันเตา พร้อมควบคุมตัว 3 ผู้ต้องหาดำเนินคดีต่อไป
วันนี้ (15 ธ.ค.) สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ คลองเตย นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมศุลกากร พร้อมด้วย นางอรอนงค์ วัชรเศรษฐกุล รองอธิบดีด้านปราบปราม และนายนิมิตร แสงอำไพ ผอ.ส่วนสืบสวนปราบปราม 2 และเจ้าหน้าที่ศุลกากร แถลงการจับกุมเรือเหล็กบรรทุกน้ำมันหลบเลี่ยงภาษี พร้อมของกลางเรือเหล็กบรรทุกน้ำมัน ภายในบรรทุกน้ำมันจำนวน 1 แสนลิตร มูลค่ารวมทั้งเรือ และน้ำมัน 10 ล้านบาท โดยสามารถจับกุมได้ที่บริเวณห่างจากชายฝั่งมหาชัย จังหวัดสมุทรสาคร ประมาณ 3 ไมล์
นายสมชาย กล่าวว่า กรมศุลกากร มีนโยบายเร่งรัดปราบปรามสินค้าลักลอบหลีกเลี่ยงอากร จึงได้สั่งการให้ นายราฆพ ศรีศุภอรรถ ผอ.สำนักสืบสวนปราบปราม นายนิมิตร แสงอำไพ ผอ.ส่วนสืบสวนปราบปราม 2 เข้มงวดเพื่อสกัดกั้นประเภทสินค้าที่ไม่ได้เสียภาษีอากรเข้ามาในราชอาณาจักร
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 10.00 น.ของวันที่ 14 ธ.ค.เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากสายข่าวว่า จะมีเรือบรรทุกน้ำมันลักลอบขนน้ำมันเข้ามาในราชอาณาจักร บริเวณชายฝั่งมหาชัย จังหวัดสมุทรสาคร จึงได้นำกำลังลงเรือศุลกากร 1001 แล่นสกัดจับกุมขบวนการลักลอบจำหน่ายน้ำมันที่ไม่ได้ภาษี จนสามารถจับกุมเรือเหล็กบรรทุกน้ำมันไม่ทราบชื่อ ความยาว 27 เมตร ความกว้าง 5 เมตร ความลึก 3 เมตร ซึ่งเรือดังกล่าวมี นายเดชา เกษมปุระ อายุ 34 ปี เป็นผู้ควบคุมเรือ พร้อมลูกเรือ 2 คน คือ นายพัศกร รุ่งเรือง อายุ 29 ปี และนายอภินันท์ แดงประเสริฐ อายุ 35 ปี ได้ที่บริเวณดังกล่าว
จากการตรวจสอบพบว่า เรือเหล็กดังกล่าวบรรทุกน้ำมันดิบลักลอบนำเข้า จำนวน 1 แสนลิตร มูลค่าประมาณ 3 ล้านบาท มูลค่าของกลางรวมทั้งเรือและน้ำมัน 10 ล้านบาท
ด้าน นายนิมิตร เปิดเผยว่า น้ำมันดังกล่าวเป็นน้ำมันดิบที่มีคุณภาพสูง ซึ่งเมื่อนำมาสกัดจะสามารถนำไปใช้ได้ในประเภทน้ำมันหลายประเภททั้งน้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล อย่างไรก็ตามจากแหล่งข่าวที่ให้ข้อมูลมานั้น หากมีการนำเข้าน้ำมันดิบเป็นผลสำเร็จ จะนำไปใช้ประกอบในธุรกิจภาคอุตสาหกรรมเป็นประเภทเชื้อเพลิงน้ำมันเตา
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาลักลอบนำเข้าสินค้าประเภทน้ำมันดิบ หรือรับซื้อสินค้า เข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านศุลกากรถูกต้องอันเป็นความผิดตามมาตรา 27, 27 ทวิ ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 ประกอบมาตรา 16, 17 พ.ร.บ.ศุลกากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ.2482 ก่อนจะควบคุมตัวลูกเรือดังกล่าวพร้อมเรือของกลางและน้ำมันดิบ ส่งกรมศุลกากรเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
วันนี้ (15 ธ.ค.) สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ คลองเตย นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมศุลกากร พร้อมด้วย นางอรอนงค์ วัชรเศรษฐกุล รองอธิบดีด้านปราบปราม และนายนิมิตร แสงอำไพ ผอ.ส่วนสืบสวนปราบปราม 2 และเจ้าหน้าที่ศุลกากร แถลงการจับกุมเรือเหล็กบรรทุกน้ำมันหลบเลี่ยงภาษี พร้อมของกลางเรือเหล็กบรรทุกน้ำมัน ภายในบรรทุกน้ำมันจำนวน 1 แสนลิตร มูลค่ารวมทั้งเรือ และน้ำมัน 10 ล้านบาท โดยสามารถจับกุมได้ที่บริเวณห่างจากชายฝั่งมหาชัย จังหวัดสมุทรสาคร ประมาณ 3 ไมล์
นายสมชาย กล่าวว่า กรมศุลกากร มีนโยบายเร่งรัดปราบปรามสินค้าลักลอบหลีกเลี่ยงอากร จึงได้สั่งการให้ นายราฆพ ศรีศุภอรรถ ผอ.สำนักสืบสวนปราบปราม นายนิมิตร แสงอำไพ ผอ.ส่วนสืบสวนปราบปราม 2 เข้มงวดเพื่อสกัดกั้นประเภทสินค้าที่ไม่ได้เสียภาษีอากรเข้ามาในราชอาณาจักร
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 10.00 น.ของวันที่ 14 ธ.ค.เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากสายข่าวว่า จะมีเรือบรรทุกน้ำมันลักลอบขนน้ำมันเข้ามาในราชอาณาจักร บริเวณชายฝั่งมหาชัย จังหวัดสมุทรสาคร จึงได้นำกำลังลงเรือศุลกากร 1001 แล่นสกัดจับกุมขบวนการลักลอบจำหน่ายน้ำมันที่ไม่ได้ภาษี จนสามารถจับกุมเรือเหล็กบรรทุกน้ำมันไม่ทราบชื่อ ความยาว 27 เมตร ความกว้าง 5 เมตร ความลึก 3 เมตร ซึ่งเรือดังกล่าวมี นายเดชา เกษมปุระ อายุ 34 ปี เป็นผู้ควบคุมเรือ พร้อมลูกเรือ 2 คน คือ นายพัศกร รุ่งเรือง อายุ 29 ปี และนายอภินันท์ แดงประเสริฐ อายุ 35 ปี ได้ที่บริเวณดังกล่าว
จากการตรวจสอบพบว่า เรือเหล็กดังกล่าวบรรทุกน้ำมันดิบลักลอบนำเข้า จำนวน 1 แสนลิตร มูลค่าประมาณ 3 ล้านบาท มูลค่าของกลางรวมทั้งเรือและน้ำมัน 10 ล้านบาท
ด้าน นายนิมิตร เปิดเผยว่า น้ำมันดังกล่าวเป็นน้ำมันดิบที่มีคุณภาพสูง ซึ่งเมื่อนำมาสกัดจะสามารถนำไปใช้ได้ในประเภทน้ำมันหลายประเภททั้งน้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล อย่างไรก็ตามจากแหล่งข่าวที่ให้ข้อมูลมานั้น หากมีการนำเข้าน้ำมันดิบเป็นผลสำเร็จ จะนำไปใช้ประกอบในธุรกิจภาคอุตสาหกรรมเป็นประเภทเชื้อเพลิงน้ำมันเตา
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาลักลอบนำเข้าสินค้าประเภทน้ำมันดิบ หรือรับซื้อสินค้า เข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านศุลกากรถูกต้องอันเป็นความผิดตามมาตรา 27, 27 ทวิ ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 ประกอบมาตรา 16, 17 พ.ร.บ.ศุลกากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ.2482 ก่อนจะควบคุมตัวลูกเรือดังกล่าวพร้อมเรือของกลางและน้ำมันดิบ ส่งกรมศุลกากรเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
