พ่อพาลูกสาวร้องกองปราบ ถูกชายอ้างเป็นตำรวจจับตัว-ยัดยา รีดเงิน 2 หมื่น หลังหวังดีพาเพื่อนชายไปซื้อยา แต่กลับถูกจับตัวมัดมือไพล่หลัง ค้นตัว จึงรู้ว่าถูกยัดยา ก่อนที่ต่อรองผ่อนจ่ายให้ และถูกปล่อยตัวออกมา ก่อนนำความบอกพ่อ เพื่อเข้าแจ้งความเอาผิด
วันนี้ (8 ธ.ค.) เมื่อเวลา 14.30 น.ที่ กองปราบปราม นายขจรศักดิ์ อินทรขลิบ อายุ 54 ปี ได้นำบุตรสาว คือ น.ส.ศิริพร หรือ อุ้ง อินทรขลิบ อายุ 21 ปี พนักงานธุรการซ่อมบำรุง บริษัท พรีเมี่ยมเมเนจเม้นท์ จำกัด เข้าพบ พ.ต.ท.มิ่งมนตรี ศิริพงษ์ พนักงานสอบสวน (สบ2) กก.2 บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับคนร้าย 2 คน ที่สงสัยว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ร่วมกันก่อเหตุกักขัง หน่วงเหนี่ยว และกรรโชกทรัพย์ น.ส.ศิริพร และเพื่อน เหตุเกิดที่บ้านพักเลขที่ 3 หมู่บ้านนครทอง ซอย 1 ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เมื่อคืนวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมา
น.ส.ศิริพร ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ มีเพื่อนชายชื่อนายตั้ม มาขอให้ช่วยไปหาซื้อยาบ้า ก็เลยพาไปที่บ้านกับนายเสก เมื่อไปถึงก็เคาะประตูห้อง ปรากฏว่า คนที่ออกมาไม่ใช่นายเสก ได้มาดึงมือตนและเพื่อนเข้าไปในบ้าน เมื่อเข้าไปก็เห็นนายเสก ถูกจับมัดมือไพล่หลัง มีผ้าปิดตา นั่งอยู่กับผู้ชาย 2 คน ลักษณะคล้ายตำรวจ เลยทราบว่า นายเสก ถูกจับกุม ส่วนตนกับเพื่อนก็ถูกค้นตัว และกระเป๋าสะพาย พบยาบ้า 2 เม็ด ก็ตกใจและรู้ว่าถูกยัดยาเสพติด
น.ส.ศิริพร ให้การต่อว่า หลังจากนั้น ก็ถูกนำตัวไปขังไว้ในห้องน้ำ โดยทั้งสองบอกให้ติดต่อหาพ่อ-แม่ เพื่อหาเงินมาเสียค่าปรับ จำนวน 2 หมื่นบาท ไม่เช่นนั้นจะจับไปดำเนินคดี ก็เลยโทร.ไปหาแม่ เพื่อให้หาเงินมาให้ แต่ขณะนั้นหาเงินไม่ทัน ก็เลยมีการเจรจา และต่อรองกันว่าจะผ่อนจ่ายให้เดือนละ 1 หมื่นบาท จนตกลงกันได้ ก่อนถูกปล่อยตัวเมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมาโดยคนร้ายได้เอาเงินสด 2,000 บาท นาฬิกาข้อมือ มูลค่า 3,000 บาท
“ก่อนถูกปล่อยตัว ชายทั้งสองได้ข่มขู่ด้วยว่าห้ามเบี้ยว ไม่เช่นนั้นจะตามไปจับกุมที่บริษัท ส่วนนายเสก ไม่ถูกจับกุม แต่ถูกใช้ให้เป็นสายล่อซื้อยา ก็เลยเชื่อว่า อาจเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เลยไม่กล้าเข้าแจ้งความกับตำรวจพื้นที่เกิดเหตุ คือ สภ.ราชาเทวะ จึงมาแจ้งความที่กองปราบฯดังกล่าว” น.ส.ศิริพร กล่าว
ด้าน นายขจรศักดิ์ กล่าวว่า ตนเป็นพนักงานขับรถโดยสารประจำทาง สาย 554 รังสิต-สนามบินสุวรรณภูมิ ก่อนเกิดเหตุบุตรสาวโทรศัพท์มาหา บอกว่า จะไปกินหมูกระทะกับเพื่อน ที่ชื่อนายตั้ม ไม่ทราบชื่อจริง ก็ไม่ได้สงสัยอะไร กระทั่งเมื่อบุตรสาวยังไม่กลับบ้าน และติดต่อไม่ได้ จนช่วงเที่ยงวันเดียวกันนี้ ถึงทราบว่าบุตรสาวถูกยัดยาบ้าเรียกเงินค่าไถ่ เชื่อว่า มีตำรวจเกี่ยวข้องด้วย เพราะ นายวัลลภ หรือ เสก ทาบางฆ้อง อายุ 30 ปี เพื่อนที่ทำงานของบุตรสาวบอกว่าจะเคลียร์เรื่องที่เกิดขึ้นให้ แต่ตนเห็นว่า การกระทำดังกล่าวไม่ถูกต้อง และยังมีตำรวจเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย จึงต้องเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ในครั้งนี้
