จับขี้คุกจี้เซเว่นฯหาเงินเที่ยวเตร่-ซื้อยาบ้าเสพ!

หนุ่มขี้ยาเพิ่งพ้นโทษ ควงปืนจุดแก๊ส จี้ร้านเซเว่นฯ ได้เงินเกือบ 5 พัน สารภาพเคยจี้ร้านสะดวกซื้อมาก่อน เมื่อได้เงินมาจะนำไปเที่ยวเตร่ซื้อยาเสพ เพิ่งพ้นโทษมาได้เพียง 3 เดือน ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง และไม่มีงานทำ

วันนี้ (20 ก.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. พล.ต.ต.สุธีร์ เนรกัณฐี ผบก.น.4 พ.ต.อ.สรรค์หกิจ บำรุงสุขสวัสดิ์ ผกก.สน.หัวหมาก พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.หัวหมาก แถลงการจับกุม นายอุเทน หรือ โก๋ บุญประดิษฐ์ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 64 ถ.กุ่มหัก อ.หนองแค จ.สระบุรี พร้อมของกลางเงินสด 4,700 บาท ปืนจุดแก๊ส 1 กระบอก กรรไกร 1 เล่ม โดยผู้ต้องหาได้ก่อเหตุใช้ปืนจุดแก๊ส จี้ชิงทรัพย์ในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ปากซอยรามคำแหง 24/2 ซึ่งเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมได้ที่ร้านกลมๆ หมูกระทะ เลขที่ 13 ม.3 ซ.หมู่บ้านศรีอุบลศิริถาวร แขวงและเขตสวนหลวง กทม.เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาชิงทัรพย์

จากการสอบสวน นายอุเทน ให้การรับสารภาพว่า ตนไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง และไม่มีงานทำ โดยจะอาศัยนอนกับเพื่อนในบริเวณสวนสาธารณะแถวพัฒนาการ ซึ่งบางครั้งจะอยู่กับป้าแถวซอยอุบลศรี ซึ่งในวันเกิดเหตุเวลาประมาณ 04.00 น.หลังจากไปเที่ยวกับเพื่อนกลับมา ซึ่งตนได้เดินผ่านหน้าร้านเซเว่นฯ ปากซอยรามคำแหง 24/2 ย่านตลาดเสรี โดยเมื่อเดินผ่านหน้าร้านเซเว่นฯ มีอาการอยากเสพยา จึงได้เดินเข้าไปในเซเว่นฯดังกล่าว พร้อมกับชักปืนจุดแก๊สออกมาจี้พนักงานหญิง 2 คน ที่อยู่ภายในร้านเซเว่นฯ และได้เงินไปจำนวน 4,700 บาท จากนั้นได้วิ่งหลบหนีออกมาทางด้านหน้าเซเว่นฯ แต่มีวินมอเตอร์ไซค์เห็นตน เลยพากันวิ่งไล่จับ ซึ่งตนได้พยายามวิ่งหนีจนมาถึงร้านกลมๆ หมูกระทะ จึงได้ปีนขึ้นไปอยู่บนหลังคาร้าน แต่ก็หนีไม่รอดถูกตำรวจปิดล้อมจับกุมได้ในเวลา 06.00 น.ตนเคยชิงทรัพย์ร้านเซเว่นฯ มาแล้ว 1 ครั้ง เมื่อวันที่ 12 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยใช้อาวุธเป็นกรรไกรในการก่อเหตุได้เงินสดไปจำนวน 300 บาท เหล้ายี่ห้อหงส์ทอง 1 แบน แล้วหลบหนี ทั้งนี้ เงินที่ก่อเหตุมาได้ตนจะใช้หมดไปกับการเที่ยวเตร่กับเพื่อน และซื้อยาบ้าเสพ เพราะติดยาบ้ามานานกว่า 5 ปีแล้ว อีกทั้งยังเคยทำงานให้บริการทางเพศกับเพศเดียวกัน เพื่อนำเงินมาซื้อยาบ้าเสพ

อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การของผู้ต้องหา เนื่องจากตรวจพบประวัติเจอเคยก่อเหตุลักทรัพย์ และเพิ่งพ้นโทษในคดียาเสพติดมาได้ 3 เดือน จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป