นายวีระศักดิ์ หรือ โก้ เชื่อลี วัย 36 ปี มีชื่อเป็นที่รู้จักภายหลังเกิดเหตุการณ์คนร้ายบุกเข้าปล้นบ้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคมเพียงราว 3 -4 วัน โดยนายวีรศักดิ์ ถูกออกหมายจับ ในข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์ ซึ่งภายหลังจากตำรวจติดตามจับกุมนายสิงห์ทอง หรือไก่ ใจชมชื่น และนายเสาร์แก้ว หรือแก้ว นามวงศ์ 2 ผู้ต้องหารายแรกได้ ทั้งคู่ยอมรับสารภาพว่า นายวีระศักดิ์ หรือโก้ คือหัวหน้าแก๊งปล้นปฏิบัติการประจานทรัพย์ในครั้งนี้
ไม่มีใครรู้ว่า "โก้ วีระศักดิ์" หัวหน้าแก๊งปล้นครั้งนี้ เป็นใครมาจากไหน ทราบเพียงฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ตามหมายจับว่า นายโก้ มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 260 หมู่ 2 ต.แชะ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา พื้นที่ดังกล่าว ชาวโคราชเรียกกันว่า "คนบ้านแชะ" ซึ่งเป็นหมู่บ้านใหญ่พอประมาณ เมื่อเทียบกับหมู่บ้านในหลายพื้นที่ของจ.นครราชสีมา
แต่หลังปรากฏชื่อ"โก้ วีระศักดิ์ เชื่อลี" ได้มีการค้นหาตัวตนของนายโก้ในสังคมออนไลน์ โดยพบมีบุคคลใช้ชื่อ"วีระศักดิ์ เชื่อลี"ในเฟซบุ๊ค ระบุข้อมูลส่วนตัวว่า ประกอบธุรกิจส่วนตัว เคยศึกษาที่โรงเรียนครบุรี และวิทยาลัยเทคโนนครราชสีมา แต่ผู้ใช้เฟซบุ๊กก็ไม่ได้อัพเดทข้อมูล หรือความสนใจอะไรในหน้าของตัวเองมากนัก และมีเพื่อนเพียงแค่ 2 คน ทั้งนี้ จากการตรวจสอบกลับพบเรื่องที่น่าสนใจคือ เจ้าของหน้าเฟซบุ๊กได้กดไลค์ 3 ลิงก์ข่าวที่เกี่ยวกับการปล้นบ้านปลัดกระทรวงคมนาคมทั้งสิ้น ทั้งข่าว "ตำรวจเผยยังไม่ชัด สุพจน์ จะเข้าให้ปากคำวันไหน" หรือ "สั่งย้ายปลัดก.คมนาคม มีผลทันที" และ "ทีมปล้นบ้านปลัดคมนาคมยังลอยนวลอีก 5 ยึดเงินคืนแล้ว 16 ล้านกว่าบาท!" โดยกดไลค์ในวันที่ 19-20 พฤศจิกายน หลังจากเกิดเหตุการณ์ปล้นบ้านอดีตปลัดไม่นานนัก และหลังจากนั้นก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ ในหน้าเฟซบุ๊กอีกเลย ซึ่งสอดคล้องกับช่วงเวลาที่มีรายงานว่า นายโก้ เดินทางหลบหนีเจ้าหน้าที่ไปกบดานที่ประเทศเพื่อนบ้าน แต่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า เฟซบุ๊กหน้าดังกล่าวจะเป็นของนายโก้จริง เพราะอาจจะมีคนตั้งขึ้นมาแอบอ้าง หรืออาจจะมีคนที่มีชื่อ-นามสกุลเดียวกันกับนายโก้อยู่จริง ๆ ก็เป็นได้
ทั้งนี้ หลังจากที่ ตำรวจสามารถติดตามจับกุมแก๊งปล้นบ้านปลัดสุพจน์ได้แล้วหลายคน จนเกือบหมดแก๊ง มีเพียงนายวีระศักดิ์เท่านั้น ที่มีกระแสข่าวออกมาตลอดเวลาว่า ตำรวจกำลังเร่งไล่ล่าตัวอยู่ แต่คาดว่าตัวนายโก้ อาจจะหลบหนีเข้าไปอาศัยอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านแล้ว ซึ่งตำรวจยังไม่ละความพยายาม ได้ติดต่อประสานกับเจ้าหน้าที่ของประเทศเพื่อนบ้านในการล่าตัวนายโก้ เพื่อนำตัวกลับมาดำเนินคดีให้ได้
คราวนี้มาดูกันว่า เพราะเหตุใด ตำรวจจึงต้องการตัวนายโก้มากที่สุดในบรรดาผู้ต้องหาที่ร่วมกันปฏิบัติการปลส้นประจานในครั้งนี้ นั่นเป็นเพราะ เมื่อครั้งการจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 คนครั้งแรก โดยเฉพาะนายสิงห์ทอง ยอมรับสารภาพว่า ได้วางแผนพร้อมกับดูลาดเลามานานประมาณ 1 ปี แล้ว โดยมี นายวีระศักดิ์ เป็นหัวหน้าแก๊ง ซึ่งทราบข่าวว่าที่บ้านหลังดังกล่าวมีเงินสดเก็บอยู่เป็นจำนวนมาก โดยในวันเกิดเหตุได้เตรียมอุปกรณ์ทุกอย่าง พร้อมทั้งเครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์ เข้าไปในบ้านทั้ง 5 คน ส่วน นายคำนวณ คอยดูต้นทางอยู่ข้างนอก เมื่อเข้าไปในบ้านแล้วก็ได้บุกเข้าไปขโมยเงินสดที่ใส่อยู่ในถุง และเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้าภายในห้องของปลัด ซึ่งพบว่ามีเงินสดจำนวนหลายถุง ส่วนเงินภายในตู้เซฟและเงินสินสอดพวกตนไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวแต่อย่างใด
“ก่อนลงมือได้ให้นายคำนวณ เช่าอพาร์ตเมนต์รายวันชั้นสูงสุดที่ใกล้เคียงบ้านที่เกิดเหตุคอยดูความเคลื่อนไหวของคนในบ้าน ก่อนจะตัดสินใจลงมือปล้น เบื้องต้นเงินที่พวกผมได้มาทั้งหมดกว่า 200 ล้านบาท โดยนายวีระศักดิ์ ได้ให้เงินจำนวน 15 ล้านบาท มาแบ่งกันใช้ก่อน ส่วนเงินสดที่เหลือ นายวีระศักดิ์ เป็นคนเก็บไว้ แล้วจะนำมาแบ่งกันภายหลัง โดยตกลงกันว่าเงินที่ได้มาทั้งหมด 50 เปอร์เซ็นต์ แบ่งให้ลูกพี่ของนายวีระศักดิ์ ซึ่งเป็นข้าราชการ ส่วน 30 เปอร์เซ็นต์ เป็นของ นายวีระศักดิ์ อีก 20 เปอร์เซ็นต์แบ่งพวกตนที่เหลือ ส่วนภายในบ้านที่เกิดเหตุพบเงินสดซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าต่างๆ รวมประมาณ 700-1,000 ล้านบาท ส่วนเหตุที่ได้เข้าปล้นครั้งนี้ ทราบมาว่า เป็นเงินที่โกงมาจากทางราชการ” นายสิงห์ทองให้การไว้ในครั้งนั้น
ดูเหมือนว่า ภาระอันหนักอึ้งทั้งหมด จะตกอยู่ที่โก้ วีระศักดิ์ เพียงผู้เดียว กับจำนวนเม็ดเงินที่ถูกปล้นไปในครั้งนี้ ซึ่งเบื้องต้นมีข้อมูลหลุดออกมาจากนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม เจ้าของเงินว่า มีเพียงแค่ 5 ล้านบาทเท่านั้น! ทว่าเงินของกลางที่ตำรวจจับกุมได้ กลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งไปหยุดที่ 16-18 ล้านบาท หลังจากนั้น แม้ตำรวจจะตามจับกุมผู้ต้องหาได้เพิ่ม แต่จำนวนเงินของกลาง กลับไม่เพิ่มขึ้น?
ด้วยเหตุนี้กระมัง ทำให้ "โก้ วีระศักดิ์" หัวหน้าแก๊ง ไม่สามารถที่จะทนต่อแรงกดดันเพื่ออาศัยอยู่ในประเทศไทยได้อีกต่อไป ประกอบกับ ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาที่จับกุมได้ไปทำแผน โดยผู้ต้องหาไปชี้จุดที่ส่งนายโก้ ลงเรือข้ามโขงหนีไปกบดานยังสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว) บริเวณบ้านท่าแขก จ.นครพนม หลังจากนั้น ตำรวจจึงออกมาให้สัมภาษณ์ถึงการติดตามไล่ล่านายโก้ โดยระบุว่า ได้ประสานกับทางการสปป.ลาว เพื่อเร่งล่าตัวแล้ว ท่ามกลางกระแสข่าวลือหนาหูว่า "โก้ วีระศักดิ์ เชื่อลี" ถูกผู้บงการตัวจริง สั่งเก็บ เพื่อตัดตอนเสียแล้ว!
ประเด็นการ"เก็บตัดตอน"โก้ วีระศักดิ์ ก็มีนัยยะที่ต้องให้คิดกัน 2 ประเด็นหลัก ประเด็นแรก ผู้บงการตัวจริง ที่ตำรวจต้องการรู้ว่า "ใคร"คือ"เจ้านาย" ที่โก้ วีระศักดิ์ลงทุนปล้นนำเงินไปให้ แน่นอน"นาย"ของทีมปล้นแก๊งนี้ ย่อมไม่ต้องการให้มีการสาวไปถึงตัวได้ แต่นั่น เชื่อว่าไม่สำคัญเท่ากับประเด็นที่สอง กล่าวคือ ตัวของ"โก้ วีระศักดิ์" จะเป็นกุญแจสำคัญในการไขปริศนา"จำนวนเม็ดเงิน" ที่ปล้นไปได้ในครั้งนี้ได้อย่างกระจ่าง หากนายโก้ ถูกติดตามตัวจับกลับมาได้ อะไรจะเกิดขึ้น และกับใคร ดังนั้น ชะตาชีวิตของนายโก้ จึงมีความสำคัญของทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะฝ่ายหลัง
ภายหลังกระแสข่าว "เก็บตัดตอน" โก้ วีระศักดิ์ โหมหนักขึ้น พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. ต้องออกมาการันตีอย่างน้อยถึง 2 ครั้ง กับการมีชีวิตอยู่ของหัวหน้าแก๊งปล้นรายนี้
พล.ต.ท.วินัยยืนยันเมื่อวันที่ 28 พ.ย. ถึงชะตาชีวิตของนายโก้ว่า "ได้ประสานไปยังเจ้าหน้าท้องถิ่นและภูธรในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ให้ช่วยเร่งติดตามตัวนายวีระศักดิ์ หรือโก้ เชื่อลี หัวหน้าแก๊ง ซึ่งยืนยันว่านายโก้ยังมีชีวิตอยู่ ไม่ได้มีการถูกฆ่าตัดตอนแต่อย่างใด ส่วนเรื่องเงิน 100 ล้านที่นำไปฝากไว้บ้านญาติ 2 จุดทางฝั่งตะวันออกกับ จ.กาญจนบุรีนั้นยังไม่พบเงินเพิ่มเติม แต่ทางเจ้าหน้าที่จะพยายามหาว่าเอาเงินส่วนที่เหลือไปไว้ไหน เพราะหลังจากก่อเหตุนายโก้ได้แยกย้ายไปทางฝั่งตะวันออก ส่วนเงินที่ได้ไปนั้นอยู่ในไทยเป็นส่วนมาก นำข้ามไปยังประเทศลาวประมาณ 4-5 แสนบาทเท่านั้น
แม้จะออกมายืนยันขนาดนี้ แต่กระแสข่าว"สังเก็บ"โก้ วีระศักดิ์เพื่อจัดตอน ก็ยังไม่จางหายไป อีก 2 วันถัดมา พล.ต.ท.วินัย จึงต้องออกมาสำทับอีกครั้งถึงชะตาชีวิต และจำนวนเม็ดเงินที่นายโก้นำติดตัวไปว่า "ทางพล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น.ซึ่งอยู่ที่เวียงจันทน์ สปป.ลาว ยังคงนำทีมตามล่าผู้ต้องหาอยู่ และได้รายงานข้อมูลเข้ามา แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ทราบว่า นายโก้ เมื่อไปถึง สปป.ลาวได้ไปหลบพักอาศัยอยู่กับเพื่อนชาวไทยในเวียงจันทน์ ได้ไหวตัวทันก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข้าถึงตัวเพื่อจับกุม ส่วนกรณีที่มีข่าวออกมาว่า มีกลุ่มคนมีสีกำลังติดตัวนายโก้ เพื่อฆ่าตัดตอนนั้น มันเป็นแค่ข่าวลือตอนนี้ข่าวลือก็ลือกันไปทั่ว ขอยืนยันว่า ไม่มีผู้มีอิทธิพลในประเทศลาวให้การคุ้มครองนายโก้แต่อย่างใด ส่วนข่าวการฆ่าตัดตอนก็เป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น
“เรามีการประสานงานกับตำรวจ สปป.ลาว อยู่ตลอด ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 คน คือ นายพงษ์ศักดิ์ หรือ เจี๊ยบ นางวงศ์ และ นายคำนวน หรือ นวน เมฆน้อย เบื้องต้นทราบว่ายังคงหลบหนีอยู่ในประเทศไทย โดย นายพงษ์ศักดิ์ อยู่รอบปริมณฑล และนายคำนวนหลบหนีไปทางแนวป่าละอู ซึ่งตำรวจยังไม่ทราบพิกัดแน่ชัด นอกจากนี้ เชื่อว่า เงินที่ถูกปล้นไปยังคงอยู่ในประเทศไทย ซึ่งตำรวจจะเร่งติดตามกลับมา” พล.ต.ท.วินัยย้ำอีกครั้ง
ดังนั้น จากนี้ไป คงต้องจับตามอง"ชะตาชีวิต"ของโก้ วีระศักดิ์ เชื่อลี หัวหน้าแก๊งปล้นประวัติศาสตร์ในครั้งนี้ว่า จะยังคงมีชีวิตอยู่จริงหรือไม่ เพราะลมหายใจเข้าออกของนายโก้ จะเป็นกุญแจดอกสำคัญ ที่จะไขปริศนาให้ปรากฏชัดว่า ใครเป็นผู้บงการชักใยอยู่เบื้องหลังปฏิบัติการปล้นประวัติศาสตร์ในครั้งนี้ และที่สำคัญ จำนวนเม็ดเงินมหาศาล อย่างน้อยๆก็ 200 ล้าน ที่ทีมปล้นได้ไปนั้นมีอยู่จริงหรือไม่ ซึ่งเชื่อว่า "จำนวนเม็ดเงิน"ดังกล่าว จะเป็นคำพิพากษาในเบื้องต้นให้ปรากฏแก่สังคมได้ว่า "โกงชาติบ้านเมือง"มาจริงหรือไม่ เรื่องนี้ อย่ากระพริบตา!