“ครูยุ่น” พาสองเด็กหญิงชั้น ป.6 เข้าแจ้งความเอาผิดหนุ่มใหญ่ที่แม่นับถือเป็นลุง และ “จ.ส.ต.” บังคับให้บริการทางเพศ แล้วให้เงิน 1.5 พันบาท พร้อมนายหน้ารุ่นพี่วัยเพียง 14 ปี โน้มน้าวชักชวนให้ค้าประเวณี ขณะที่เด็กหญิงวัย 12 ปี เผยแม้จะวิงวอนไม่ให้ถูกกระทำ แต่ไม่รอดต้องถูกย่ำยี แถมขู่ไม่ให้บอกใคร
วันนี้ (30 พ.ย.) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่กองปราบปราม นายมนตรี สินทวิชัย หรือครูยุ่น เลขาธิการมูลนิธิคุ้มครองเด็ก และอดีตสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) สมุทรสงคราม ได้พา ด.ญ.น้อง และ ด.ญ.นิ่ม (ทั้งสองนามสมมติ) อายุ 12 ปี นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.มหาสารคาม เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ประภาส อ่องมะลิ พงส.(สบ 3) กก.3 บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ นายคัมภีร์ หรือ พุง ไม่ทราบนามสกุล อายุ 18 ปี และ จ.ส.ต.รายหนึ่งในพื้นที่ จ.มหาสารคาม รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องซึ่งร่วมกันกระทำผิดฐานเป็นนายหน้า หรือซื้อผู้ซื้อบริการทางเพศจาก ด.ญ.ทั้งสอง เหตุเกิดในพื้นที่ ต.แวงดง อ.สีสุราช และที่ ต.สันป่าตอง อ.นาเชือก จ.มหาสารคาม
นายมนตรี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา ตนได้รับแจ้งข้อมูลจากผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.มหาสารคาม ว่ามีเด็กหญิงที่ยังเป็นนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษา ถูกชักนำให้ค้าประเวณีเป็นจำนวนมาก จนเป็นที่ทราบกันเป็นอย่างดีในพื้นที่ ต.แวงดง อ.สีสุราช และพื้นที่ละแวกใกล้เคียง แม้จะเคยมีการห้ามปรามแต่ไม่เป็นผล เนื่องจากเด็กหญิงบางรายไม่ต้องการให้ใครเข้ามายุ่ง ซึ่งบางคนที่ทำมานานจะชักชวนเพื่อนๆ หรือรุ่นน้องให้ไปค้าประเวณี เพราะคิดว่าไม่ใช่เรื่องที่เสียหาย ซึ่งหลังจากทราบเรื่องจึงให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิ ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ต่อมาจึงพบ ด.ญ.น้อง และ ด.ญ.นิ่ม ซึ่งต้องการความช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่มูลนิธิจึงขออนุญาตผู้ปกครองพาทั้งสองมาฟื้นฟูสภาพจิตใจที่มูลนิธิ
นายมนตรีกล่าวต่อว่า จากการสอบถาม ด.ญ.น้อง ในเบื้องต้นทราบว่า ก่อนจะถูกชักชวนให้ค้าประเวณีนั้น ได้พบกับ นายคิน (นามสมมติ) อายุ 18 ปี ซึ่งเป็นญาติกัน ได้พาไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ในช่วงที่พ่อแม่ของตนไปทำงานอยู่ต่างพื้นที่ไม่ได้กลับมาที่บ้าน ต่อมาจึงเริ่มถูกชักชวนให้ค้าประเวณีแต่ ด.ญ.น้อง ยังปฏิเสธ กระทั่งมาพบกับ ด.ญ.จุ๋ม (นามสมมติ) อายุ 14 ปี เพื่อนรุ่นพี่ ที่เคยค้าประเวณีเข้ามาโน้มน้าวชักชวน ประกอบกับกำลังต้องการเงินมาใช้จ่าย จึงตัดสินใจค้าประเวณี โดยเมื่อประมาณเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา หลังจาก ด.ญ.น้อง ยินยอมจะค้าประเวณีตามคำชักชวนของ ด.ญ.จุ๋ม จึงมีการตกลงซื้อบริการทางเพศเป็นเงิน 1,500 บาท โดย ด.ญ.จุ๋ม เป็นผู้ขับรถจักรยานยนต์พาผู้เสียหายไปส่งที่รีสอร์9แห่งหนึ่งในพื้นที่หมู่ 3 ต.สันป่าตอง อ.นาเชือก จ.มหาสารคาม
นายมนตรีกล่าวอีกว่า จากนั้น ด.ญ.น้อง จึงได้พบ นายคัมภีร์ หรือ นายพุง ซึ่งรู้จักกัน เนื่องจากเป็นผู้ใหญ่ที่แม่นับถือ และ ด.ญ.น้องจะเรียกลุงตลอด ซึ่งแม้จะขอร้องไม่ให้นายพุง ทำอะไรแต่ไร้ผล และกลับถูกพูดจาหว่านล้อมก่อนกระทำชำเรา นอกจากนี้ นายพุง ยังติดต่อซื้อบริการทางเพศจาก ด.ญ.น้อง อีก 2 ครั้ง เมื่อเดือนกันยายน และในวันที่ 10 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยพาผู้เสียหายไปกระทำชำเราที่บ้านพักในพื้นที่หมู่ 1 ต.แวงดง อ.สีสุราช จ.มหาสารคาม
นายมนตรีกล่าวด้วยว่า สำหรับกรณีของ ด.ญ.นิ่ม เหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยมี ด.ญ.จุ๋ม เช่นเดียวกันที่เป็นนายหน้าชักชวนให้ค้าประเวณีกับตำรวจยศ จ.ส.ต.คนหนึ่ง ที่ห้องพักซึ่งอยู่ในพื้นที่ อ.สีสุราช โดย ด.ญ.นิ่ม ขัดขืน และส่งเสียงร้องจึงถูกทำร้ายร่างกายก่อนจะถูกกระทำชำเรา หลังจากเสร็จกิจ จ.ส.ต.คนดังกล่าว ได้จ่ายเงินให้ ด.ญ.นุ่น จำนวน 1,500 บาท แต่เมื่อ ด.ญ.นิ่ม กลับออกมาได้พบ ด.ญ.จุ๋ม ซึ่งชวนให้ไปนั่งที่ร้านหมูกระทะแห่งหนึ่ง ก่อนจะพบกับนายพุง และ ด.ญ.น้อง ซึ่งต่อมา จ.ส.ต.รายนี้ ยังตามมาสมทบ และได้พาผู้เสียหายทั้งสองไปกระทำชำเราที่รีสอร์ตในพื้นที่อีกครั้ง พร้อมกับข่มขู่ไม่ให้ผู้เสียหายนำเรื่องไปบอกใคร
“การค้าประเวณีเด็กในพื้นที่ จ.มหาสารคาม และพื้นที่ใกล้เคียงนับว่าเป็นปัญหาที่พบมากขึ้นอย่างน่ากังวลและเด็กหญิงที่ค้าประเวณีมีอายุน้อย คนที่เคยทำจะชักชวนเพื่อน หรือนักเรียนรุ่นน้องให้ไปทำกันจนกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว ที่ผ่านมาผู้ปกครองของเด็กเหล่านี้ส่วนใหญ่จะไม่ได้อาศัยอยู่ด้วยกันตลอดเวลา จึงไม่มีเวลาสอดส่องดูแลพฤติกรรมของบุตรหลานให้ใกล้ชิด ส่วนผู้ที่ซื้อบริการจะมีทั้งชาวบ้าน คนใกล้ตัวและที่น่ากังวลคือมีเจ้าหน้าที่รัฐ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยผมจึงต้องพาผู้เสียหายทั้งสองที่ประสงค์จะเอาผิดกับผู้ซื้อบริการทางเพศ เข้าแจ้งความที่ บก.ป.เพื่อให้การค้าประเวณีเด็กในพื้นที่ดังกล่าวลดลงหรือหมดสิ้นไป” นายมนตรี กล่าว
ด้าน พ.ต.ท.ประภาสกล่าวว่า เบื้องต้นได้รับเรื่องและสอบปากคำผู้เสียหายไว้แล้ว ส่วนกรณีดังกล่าวนั้นน่าจะเข้าข่ายความผิดฐานค้ามนุษย์ โดยจะนำเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป
วันนี้ (30 พ.ย.) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่กองปราบปราม นายมนตรี สินทวิชัย หรือครูยุ่น เลขาธิการมูลนิธิคุ้มครองเด็ก และอดีตสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) สมุทรสงคราม ได้พา ด.ญ.น้อง และ ด.ญ.นิ่ม (ทั้งสองนามสมมติ) อายุ 12 ปี นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.มหาสารคาม เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ประภาส อ่องมะลิ พงส.(สบ 3) กก.3 บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ นายคัมภีร์ หรือ พุง ไม่ทราบนามสกุล อายุ 18 ปี และ จ.ส.ต.รายหนึ่งในพื้นที่ จ.มหาสารคาม รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องซึ่งร่วมกันกระทำผิดฐานเป็นนายหน้า หรือซื้อผู้ซื้อบริการทางเพศจาก ด.ญ.ทั้งสอง เหตุเกิดในพื้นที่ ต.แวงดง อ.สีสุราช และที่ ต.สันป่าตอง อ.นาเชือก จ.มหาสารคาม
นายมนตรี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา ตนได้รับแจ้งข้อมูลจากผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.มหาสารคาม ว่ามีเด็กหญิงที่ยังเป็นนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษา ถูกชักนำให้ค้าประเวณีเป็นจำนวนมาก จนเป็นที่ทราบกันเป็นอย่างดีในพื้นที่ ต.แวงดง อ.สีสุราช และพื้นที่ละแวกใกล้เคียง แม้จะเคยมีการห้ามปรามแต่ไม่เป็นผล เนื่องจากเด็กหญิงบางรายไม่ต้องการให้ใครเข้ามายุ่ง ซึ่งบางคนที่ทำมานานจะชักชวนเพื่อนๆ หรือรุ่นน้องให้ไปค้าประเวณี เพราะคิดว่าไม่ใช่เรื่องที่เสียหาย ซึ่งหลังจากทราบเรื่องจึงให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิ ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ต่อมาจึงพบ ด.ญ.น้อง และ ด.ญ.นิ่ม ซึ่งต้องการความช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่มูลนิธิจึงขออนุญาตผู้ปกครองพาทั้งสองมาฟื้นฟูสภาพจิตใจที่มูลนิธิ
นายมนตรีกล่าวต่อว่า จากการสอบถาม ด.ญ.น้อง ในเบื้องต้นทราบว่า ก่อนจะถูกชักชวนให้ค้าประเวณีนั้น ได้พบกับ นายคิน (นามสมมติ) อายุ 18 ปี ซึ่งเป็นญาติกัน ได้พาไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ในช่วงที่พ่อแม่ของตนไปทำงานอยู่ต่างพื้นที่ไม่ได้กลับมาที่บ้าน ต่อมาจึงเริ่มถูกชักชวนให้ค้าประเวณีแต่ ด.ญ.น้อง ยังปฏิเสธ กระทั่งมาพบกับ ด.ญ.จุ๋ม (นามสมมติ) อายุ 14 ปี เพื่อนรุ่นพี่ ที่เคยค้าประเวณีเข้ามาโน้มน้าวชักชวน ประกอบกับกำลังต้องการเงินมาใช้จ่าย จึงตัดสินใจค้าประเวณี โดยเมื่อประมาณเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา หลังจาก ด.ญ.น้อง ยินยอมจะค้าประเวณีตามคำชักชวนของ ด.ญ.จุ๋ม จึงมีการตกลงซื้อบริการทางเพศเป็นเงิน 1,500 บาท โดย ด.ญ.จุ๋ม เป็นผู้ขับรถจักรยานยนต์พาผู้เสียหายไปส่งที่รีสอร์9แห่งหนึ่งในพื้นที่หมู่ 3 ต.สันป่าตอง อ.นาเชือก จ.มหาสารคาม
นายมนตรีกล่าวอีกว่า จากนั้น ด.ญ.น้อง จึงได้พบ นายคัมภีร์ หรือ นายพุง ซึ่งรู้จักกัน เนื่องจากเป็นผู้ใหญ่ที่แม่นับถือ และ ด.ญ.น้องจะเรียกลุงตลอด ซึ่งแม้จะขอร้องไม่ให้นายพุง ทำอะไรแต่ไร้ผล และกลับถูกพูดจาหว่านล้อมก่อนกระทำชำเรา นอกจากนี้ นายพุง ยังติดต่อซื้อบริการทางเพศจาก ด.ญ.น้อง อีก 2 ครั้ง เมื่อเดือนกันยายน และในวันที่ 10 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยพาผู้เสียหายไปกระทำชำเราที่บ้านพักในพื้นที่หมู่ 1 ต.แวงดง อ.สีสุราช จ.มหาสารคาม
นายมนตรีกล่าวด้วยว่า สำหรับกรณีของ ด.ญ.นิ่ม เหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยมี ด.ญ.จุ๋ม เช่นเดียวกันที่เป็นนายหน้าชักชวนให้ค้าประเวณีกับตำรวจยศ จ.ส.ต.คนหนึ่ง ที่ห้องพักซึ่งอยู่ในพื้นที่ อ.สีสุราช โดย ด.ญ.นิ่ม ขัดขืน และส่งเสียงร้องจึงถูกทำร้ายร่างกายก่อนจะถูกกระทำชำเรา หลังจากเสร็จกิจ จ.ส.ต.คนดังกล่าว ได้จ่ายเงินให้ ด.ญ.นุ่น จำนวน 1,500 บาท แต่เมื่อ ด.ญ.นิ่ม กลับออกมาได้พบ ด.ญ.จุ๋ม ซึ่งชวนให้ไปนั่งที่ร้านหมูกระทะแห่งหนึ่ง ก่อนจะพบกับนายพุง และ ด.ญ.น้อง ซึ่งต่อมา จ.ส.ต.รายนี้ ยังตามมาสมทบ และได้พาผู้เสียหายทั้งสองไปกระทำชำเราที่รีสอร์ตในพื้นที่อีกครั้ง พร้อมกับข่มขู่ไม่ให้ผู้เสียหายนำเรื่องไปบอกใคร
“การค้าประเวณีเด็กในพื้นที่ จ.มหาสารคาม และพื้นที่ใกล้เคียงนับว่าเป็นปัญหาที่พบมากขึ้นอย่างน่ากังวลและเด็กหญิงที่ค้าประเวณีมีอายุน้อย คนที่เคยทำจะชักชวนเพื่อน หรือนักเรียนรุ่นน้องให้ไปทำกันจนกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว ที่ผ่านมาผู้ปกครองของเด็กเหล่านี้ส่วนใหญ่จะไม่ได้อาศัยอยู่ด้วยกันตลอดเวลา จึงไม่มีเวลาสอดส่องดูแลพฤติกรรมของบุตรหลานให้ใกล้ชิด ส่วนผู้ที่ซื้อบริการจะมีทั้งชาวบ้าน คนใกล้ตัวและที่น่ากังวลคือมีเจ้าหน้าที่รัฐ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยผมจึงต้องพาผู้เสียหายทั้งสองที่ประสงค์จะเอาผิดกับผู้ซื้อบริการทางเพศ เข้าแจ้งความที่ บก.ป.เพื่อให้การค้าประเวณีเด็กในพื้นที่ดังกล่าวลดลงหรือหมดสิ้นไป” นายมนตรี กล่าว
ด้าน พ.ต.ท.ประภาสกล่าวว่า เบื้องต้นได้รับเรื่องและสอบปากคำผู้เสียหายไว้แล้ว ส่วนกรณีดังกล่าวนั้นน่าจะเข้าข่ายความผิดฐานค้ามนุษย์ โดยจะนำเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป