ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลเผย เงินของกลางที่ตำรวจตามยึดกลับมาได้จากแก๊งปล้นทั้งหมด 18.8 ล้านแล้ว เผยคงยังไม่เข้าไปตรวจสอบเซฟในบ้านปลัดเพราะไม่เกี่ยวกับคดี แต่อาจจะเรียกตัว “ปลัดพันล้าน” มาสอบปากคำ ส่วนมารดาของเจ้าเอก หนึ่งในแก๊งปล้นที่เป็นผู้บอกที่ซ่อนเงิน ตำรวจอาจกันตัวไว้เป็นพยาน
วันนี้ (23 พ.ย.) เมื่อเวลา 12.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีปล้นบ้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ช่วยราชการสำนักนายกรัฐมตรี โดยผู้ต้องหาทั้ง 4 คนที่ยังหลบหนีอยู่ คือนายวีระศักดิ์ หรือโก้ เชื่อลี อายุ 36 ปี หัวหน้าแก๊ง นายพงษ์ศักดิ์ นามวงศ์ อายุ 35 ปี นายคำนวณ เมฆน้อย อายุ 38 ปี แเละนายประพันธ์ เรืองเครือ อายุ 42 ปี
พล.ต.ท.วินัยเปิดเผยว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการเร่งติดตาม ซึ่งในส่วนของนายโก้ ที่ได้หลบหนีเข้าประเทศลาว ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้มีการประสานเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ที่มีความสัมพันธ์ระหว่างพรหมแดนให้ช่วยติดตามแล้ว ส่วนนายประพันธ์ หลังจากที่ได้ติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจขอมอบตัวพร้อมเงินของกลางกว่า 9 ล้านบาท เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถติดต่อได้
“เงินของกลางทั้งหมดที่ตำรวจสามารถตรวจยึดมาได้ ได้มีการตรวจนับแล้ว โดยมีจำนวนทั้งหมด 17 ล้าน 8 แสนบาท และสามารถยึดเพิ่มมาได้อีก 1 ล้านบาท จากแฟนสาวของนายสิงห์ทอง ใจชมชื่น หรือไก่ ส่วนเงินภายในตู้เซฟบ้านของนายสุพจน์ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้เข้าไปตรวจสอบ เนื่องจากทางตำรวจจะมุ่งเน้นทำเฉพาะคดีอาญา และตรวจสอบเฉพาะเงินที่ถูกปล้นไปเท่านั้น หากมีการยึดเงินกลับคืนมาได้ทั้งหมดแล้ว ก็จะเรียกตัวนายสุพจน์ มาให้การต่อเจ้าหน้าที่ต่อไป” พล.ต.ท.วินัยกล่าว
ผบช.น.ยังกล่าวถึงนางชุติมา มารดาของนายชยธัช หรือเอก ที่เป็นผู้นำข้อมูลเรื่องเงินไปบอกกับผู้ต้องหาที่ร่วมปล้นด้วยว่า หลังสอบปากคำแล้ว เจ้าหน้าที่ยังไม่พบความเชื่อมโยง แต่จะกันตัวนางชุติมาไว้เป็นพยาน ส่วนการอายัดทรัพย์ หลังจากที่ ป.ป.ช.ได้มีการอายัดเงินของนายสุพจน์จำนวน 15 ล้านบาทไปแล้วนั้น ได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบที่มาของเงิน หาก ป.ป.ช.พบว่าเงินที่อายัดมาเข้าข่ายมีการทุจริต ก็สามารถประสานมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทันที
วันเดียวกัน ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวนสน.วังทองหลาง ได้นำตัวน.ส.วาสนา สาเพิ่มทรัพย์ อายุ 41 ปี ชาว กทม.ผู้ต้องหาคดีรับของโจร มายื่นคำร้องฝากขังต่อศาลครั้งแรก
โดยคำร้องฝากขังระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 12 พ.ย. 54 เวลาประมาณ 19.30 น. นายสิงห์ทอง ใจชมชื่น กับพวกรวม 6 คน ร่วมกันใช้อาวุธเข้าไปปล้นทรัพย์ที่บ้านของนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม เลขที่ 77 ซอยลาดพร้าว 64 แยก 2 แขวงและเขตวังทองหลาง จากนั้นได้จับตัวแม่บ้าน 2 คนมัดมือและบังคับพาขึ้นไปนำเงินที่บรรจุในกระเป๋า ซึ่งซุกซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้าจำนวน 5 ล้านบาท จากนั้นนายสิงห์ทองได้นำเงินที่ได้จากการปล้นแบ่งให้กับผู้ต้องหา 3 ล้านบาท ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่าผู้ต้องหาได้รับเงินดังกล่าวจริง จึงเชิญตัวมาสอบสวนปากคำเมื่อวันที่ 22 พ.ย.นี้ เวลา 22.30 น. ซึ่งผู้ตองหารับว่าได้นำเงินไปจริง พร้อมกับนำเงินจำนวน 1 ล้านบาทที่เก็บไว้ในลิ้นชักโต๊ะทำงานมามอบให้ จึงยึดไว้เป็นของกลาง พนักงานสอบสวนจึงดำเนินคดีข้อหารับของโจรซึ่งทรัพย์ที่ได้มาจากการปล้นทรัพย์ ผู้ต้องการให้การปฏิเสธ
พนักงานสอบสวนควบคุมตัวผู้ต้องหามาครบกำหนดแล้วแต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้นต้องสอบพยานบุคคลอีก 5 ปาก รอผลการพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ และรอผลการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหา จึงขออำนาจศาลฝากขังผู้ต้องหาเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 23 พ.ย.- 4 ธ.ค.นี้ ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนระบุด้วยว่า คดีนี้พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทราบแล้ว ซึ่งผู้ต้องหาไม่ใช่ผู้ถูกจับและยังไม่ได้มีการออกหมายจับ ประกอบกับการกระทำของผู้ต้องหามีหลักฐานตามสมควรว่าน่าจะเป็นผู้กระทำผิดตามอาญามีอัตราโทษจำคุกสูงเกิน 3 ปี และมีเหตุอันควรเชื่อว่าอาจจะหลบหนีหรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือก่อเหตุอันตรายประการอื่น ดังนั้น หากมีการยื่นขอปล่อยชั่วคราว ขอให้อยู่ในดุลพินิจของศาล
ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้ว อนุญาตให้ฝากขังได้