“ภาณุพงศ์” แถลงจับเพิ่มทีมปล้นบ้านปลัดคมนาคม พร้อมยึดของกลางเงินสดเพิ่มได้อีก 13 ล้านบาท หลัง จนท.ลงพื้นที่หาเบาะแสตามแหล่งที่คนร้ายกบดาน จนสามารถจับตัวได้ ผู้ต้องหาทั้งหมดรับมีส่วนร่วมในการก่อเหตุจริง บอกบ้านปลัดฯมีเงินซุกซ่อนอยู่ 165 ล้านบาท ด้าน “ภาณุพงศ์”เผย จับคนร้ายได้แล้ว 6 ราย ยังเหลือคนร้ายที่ยังหลบหนีอีก 5 ราย ขณะที่เงินของกลางคนร้ายนำไปฝากกับคนรู้จักตามที่ต่างๆ หากใครรู้ที่ซ่อนเงินหรือรับฝากเงิน ให้รีบนำมาคืน ส่วนยอดเงินที่คนร้ายปล้น ตร.ยังไม่ระบุชัด
วันนี้ (20 พ.ย.) เวลา 10.00 น.ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รองผบ.ตร. พล.ต.ต.วินัย ทองสอง รรท.ผบช.น. พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น และ เจ้าหน้าที่ กก.สส.น.4 ร่วมกันแถลงจับกุม ผู้ต้องหาคดีปล้นบ้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ได้ผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก 4 ราย ประกอบด้วย นายสมบูรณ์ หรือ บูรณ์ ริยะเทน อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 40 ม.5 ต.ท่าข้าวเปลือก อ.แม่จัน จ.เชียงราย, นายวณัญกฤต หรือ จ่อย บุตรกันหา อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9 ถ.นครพนม-ท่าอุเน ต.อาจสามารถ อ.เมือง จ.นครพนม, นายบุญสืบ หรือ สืบ โจมกัน อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 34/107 ซ.ช่างอากาศอุทิศ 8 แยก 1 แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กทม. และนายวุฒิชัย หรือ วุฒิ พันธวารี อายุ 33 ปี ที่อยู่ 79/148 ม.6 แขวงบางแวก เขตภาษีเจริญ กทม.พร้อมกับสามารถยึดเงินสดของกลางได้เพิ่มเติมอีก จำนวน 13,701,000 บาท
พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ เปิดเผยว่า ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจับกุมได้ประสานงานกับตำรวจในพื้นที่ต่างๆ และ กก.สส.ภ.จว.เชียงราย ลงพื้นที่หาเบาะแสที่คาดว่าคนร้ายน่าจะหลบซ่อนตัวอยู่ จนสามารถจับกุมคนร้ายเพิ่มเติมได้ คือ นายสมูบรณ์ ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1778/54 ลง 16 พ.ย.54 โดยจับกุมได้ที่ จ.เชียงราย พร้อมของกลางเงินสด จำนวน 996,000 บาท และจากการสอบสวนขยายผล จนทราบว่า ยังมีผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีจนสามารถติดตามจับกุมได้เพิ่มเติมอีก 3 ราย คือ นายวณัญกฤต จับได้ที่ จ.นครพนม พร้อมของกลางเงินสด 9,965,000 บาท, นายบุญสืบ จับได้ที่ บก.สส.บช.น.ได้รับความร่วมมือจาก บก.สส.บช.ภ.6 และนายวุฒิชัย จับกุมได้พร้อมของกลางเงินสด จำนวน 840,000 บาท
ต่อมาได้มี นายเลอศักดิ์ วิริยะกระษาปณ์ อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 21/1 ม.6 ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งทราบเหตุการณ์ปล้นครั้งนี้จากสื่อมวลชน จึงได้แสดงความบริสุทธิ์โดยนำเงินที่ นายวีระศักดิ์ หรือ โก้ หัวหน้าแก๊ง เคยนำเงินมาฝากไว้โดยไม่ทราบว่าเป็นเงินที่ได้จากการปล้น จำนวน 1,500,000 บาท ส่งมอบคืนให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
จากการสอบสวน ผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ให้การรับสารภาพว่ามีส่วนร่วมในการก่อเหตุครั้งนี้จริง เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้ส่งผู้ต้องหาทั้ง 4 พร้อมของกลางทั้งหมดให้พนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนได้ติดตามจับกุมคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุในคดีนี้ได้แล้วจำนวน 6 คน ขณะนี้ยังเหลือผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุที่ยังหลบหนีอยู่ คือ นายวีระศักดิ์ หรือโก้ เชื่อลี อายุ 36 ปี นายพงษ์ศักดิ์ หรือ เจี๊ยบ นางวงศ์ อายุ 39 ปี นายคำนวน หรือ นวน เมฆน้อย อายุ 38 ปี นายประพันธ์ เรืองเครือ อายุ 42 ปี และล่าสุด ชุดสืบสวนได้รับการติดต่อจาก นายชยทัช หรือ เอก จันนะชัย อายุ 33 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุว่าจะเดินทางเข้ามามอบตัวในเวลา 12.00 น.วันนี้ (20 พ.ย.)
พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ กล่าวว่า จากแนวทางการสืบสวน นายชยทัช ทำหน้าที่นำข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่เกิดเหตุที่จะเข้าทำการปล้นทรัพย์ มาให้กับนายบุญสืบ ขณะที่บุญสืบซึ่งมีความสนิทสนมกับนายวีระศักดิ์ ได้นำข้อมูลมาส่งต่อให้กับ นายวีระศักดิ์ ซึ่งเป็นผู้ที่จัดหาทีมงานก่อเหตุโดยก่อนที่จะมาใช้ทีมงานของนายสิงห์ทอง หรือ ไก่ ใจชื่นชม ก็ได้ใช้มาแล้ว 2 ทีม แต่มีความไม่พร้อมเรื่องยานพาหนะ หรือพอเตรียมงานไปแล้ว ทีมงานกลับไม่กล้าลงมือก่อเหตุ จึงต้องเปลี่ยนทีมงานมาเป็นทีมของนายสิงห์ทอง ที่ถูกจับกุมได้ สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับคดีนี้ตำรวจทราบตัวละครที่ร่วมก่อเหตุทั้งหมดแล้ว ส่วนเงินของกลางที่ได้จากการก่อเหตุ ทราบว่านายวีระศักดิ์ได้กระจายไปฝากกับคนรู้จักยังที่ต่างๆ ซึ่งหากใครรู้ที่ซ่อนของเงิน หรือรับฝากเงินดังกล่าวไว้ให้รีบนำมาคืน ซึ่งตำรวจจะกันไว้เป็นพยาน เชื่อว่า คดีนี้ตำรวจจะสามารถจับกุมคนร้ายได้เพิ่มเติม รวมทั้งน่าจะสามารถยึดเงินของกลางได้เพิ่มเติมอีก ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุตำรวจสามารถยึดเงินสดของกลางคืนมาได้แล้วทั้งหมด 16,523,000 บาท
สำหรับที่มีการระบุว่ามีนายทหาร หรือคนมีสีร่วมขบวนการด้วยนั้น พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ กล่าวว่า เบื้องต้นยังไม่พบ แต่คิดว่าน่าจะมาจากนายสิงห์ทองหรือ นายไก่มากกว่า เพราะในแก๊งจะเรียกนายไก่ กันว่า “เสธ.ไก่” จนติดปาก แต่จริงๆ แล้วนายไก่ไม่ได้รับราชการแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวถามถึงจำนวนเงินของที่คนร้ายโจรกรรมไป พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยอดเงินที่สูญหายตำรวจทราบจากคำให้การของผู้ต้องหาเท่านั้น ส่วนรายละเอียดต้องตรวจสอบต่อไป เมื่อถามว่าจากการตรวจที่เกิดเหตุตำรวจได้เห็นยอดเงินตามที่ผู้ต้องหากล่าวอ้างหรือไม่ พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องใช้เวลา เมื่อใช้เวลาแล้วความจริงจะปรากฏว่าความจริงคืออะไร
ด้าน นายสมบูรณ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ทำนาอยู่ที่ จ.เชียงราย ต่อมา นายสิงห์ทอง ได้มาติดต่อว่าให้มาทำงานให้นายใหญ่ที่ กทม.โดยไม่รู้ว่าจะเข้าไปปล้นเงินที่บ้านนายสุพจน์จึงรับปากเข้ามาทำงานให้ แต่พอมาถึงจึงรู้ว่าจะเข้าไปปล้นเงิน ทั้งนี้ จากข้อมูลที่พวกตนได้มาระบุว่าภายในบ้านหลังนี้มีเงินซุกซ่อนอยู่ 165 ล้านบาท วันเกิดเหตุ ตนและพวกรวม 5 คนได้เข้าไปภายในห้องนั่งเล่นภายในบ้านของนายสุพจน์ โดยตนได้หยิบเงินสดซึ่งบรรจุอยู่ในลังกระดาษที่วางอยู่ในตู้เสื้อผ้าจำนวน 3 ลัง ซึ่งตนได้หยิบมาเพียง 1 ลังเท่านั้น ซึ่งภายในลังใบนี้มีเงินสดอยู่ 3 ล้านบาท ส่วนคนอื่นๆ หยิบเงินไปจำนวนเท่าใดนั้นตนไม่ทราบ นอกจากนี้ตนยังเห็นว่ามีกระเป๋าอยู่บนรถเข็นอีก 2 ใบ ซึ่งคาดว่าน่าจะมีเงินอยู่ในนั้นด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังแถลงข่าวเสร็จเจ้าหน้าที่ได้พาผู้ต้องหาทั้งหมด ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพตามจุดต่างๆ ซึ่งรายละเอียดจะรายงานให้ทราบต่อไป
ต่อมาเวลา 14.00 น. พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางมาร่วมสอบสวน นายชยธัช หรือ เอก จันนะชัย อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาอีกคน ซึ่งเข้ามอบตัว ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง โดย พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจมีพยานหลักฐานที่สามารถจับกุมนายชยธัช และขณะฝ่ายสืบสวนกำลังสอบปากคำ นายชยธัช ซึ่งเป็นลูกของอดีตข้าราชการที่พึ่งขอเออร์ลีรีไทร์ไปประมาณ 6 เดือน เป็นผู้ที่ให้ข้อมูลกับทีมปล้น รายละเอียดอื่นๆ ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่ามีความเชื่อมโยงกับใครอีกบ้าง ส่วนจะต้องเรียกนายสุพจน์ สอบถามเพิ่มเติมหรือไม่นั้นต้องรอดูข้อเท็จจริงก่อน ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นต้องเรียกมาสอบ