00...ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีล่วงหน้า..กับ"บิ๊กออฟ" พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ที่จะได้นั่งแท่นผู้นำกรมปทุมวันเต็มตัว ในวันนี้(19 ต.ค.54) หลังจาก รักษาราชการแทน ผบ.ตร.มาระยะหนึ่ง
หากถามว่า"พล.ต.อ.เพรียวพันธ์"เหมาะสมกับตำแหน่งผู้นำกรมปทุมวันหรือไม่? ตอบได้ทันทีว่า เหมาะสมที่สุด และถือเป็นนายตำรวจที่มีบุคคลิกความเป็นผู้นำอยู่ในตัว ประกอบกับ หากไปเปรียบเทียบแบบ "ตัวต่อตัว"กับอดีตผู้นำกรมปทุมวันคนก่อนๆก็ถือว่า"บิ๊กออฟ"ไม่ได้น้อยหน้าไปจากบุคคลเหล่านั้นแม้แต่น้อย
เมื่อ"พล.ต.อ.เพรียวพันธ์"มีอำนาจเต็มใน สตช.จึงเป็นการนับหนึ่ง! ที่ท่านต้องแสดงบทบาท ในฐานะผู้นำองค์กรสีกากี องค์กรกระบวนการยุติธรรมต้นน้ำ คือต้องรักษากฎหมายให้ศักดิ์สิทธิ ไม่ละเว้นการดำเนินคดีพวกพ้อง และไม่เชื่อฟังบรรดานักการเมืองบ้าอำนาจ ที่จะมาชี้มือ สั่งการให้ทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะหากทำตาม นั่นหมายถึง ท่านคือผู้ไร้ประสิทธิภาพในฐานะผู้นำ องค์กรผู้พิทักษ์สันติราษฎร์...
เป็นที่คาดการณ์กันว่าหลัง"รัฐบาลพรรคเพื่อไทย"หนุนส่งให้"เพรียวพันธ์"นั่ง ผบ.ตร.เป็นผลสำเร็จ บรรดาคดีความต่างๆโดยเฉพาะของพรรคการเมืองคู่แข่งและบุคคลที่อยู่ฝ่ายตรงข้าม จะต้องถูกเช็คบิล ส่วนคดีของ"ทักษิณและทาสไพร่แดง"อาจรวบรัดสอบสวนและปิดคดีไปในที่สุด
แต่หากถามว่าภารกิจติดตามตัว"ทักษิณ ชินวัตร"นักโทษชายหนีคดี...ผบ.ตร.ที่ชื่อ"เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์"จะสานต่อหรือไม่ ...พวกเราๆท่านๆสามารถตอบโดยไม่ต้องคิดได้ทันทีว่า...ไม่มีทาง ที่"เพรียวพันธ์"จะติดตามจับกุมตัวอดีตน้องเขยของตัวเองมาเข้าคุก!...เหตุเนื่องจากวันหนึ่ง หลังพรรคเพื่อไทย ชนะการเลือกตั้ง ผู้มีอำนาจได้มีการสอบถามว่า จะเอาตำแหน่ง รองนายกฯด้านความมั่นคงหรือไม่ ท่านเพรียวพันธ์ ตอบเสียงดังฟังชัดว่า ไม่ครับ ขอเป็น ผบ.ตร.ครับผม!
เมื่อเป็นเช่นนี้ สตช.ยุค"เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์"อะไรจะเกิดขึ้น ประชาชน ผู้รักความเป็นธรรม ต้องเกาะติด ชนิด..วันต่อวัน..
00...ไปดูภารกิจเชลียร์รัฐบาลของ"โฆษกจูดี้"พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ที่ปรึกษา(สบ 10)ที่วันนี้ยอมลดศักดิ์ศรี นั่งประกบคู่ นายวิม รุ่งวัฒนะจินดา"โฆษกอนุบาล"ผู้ทำหน้าที่แถลงข่าวการแก้ปัญหาน้ำท่วมของ ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย หรือ ศปภ.ชนิดมั่วนิ่มแต่ละวัน
พล.ต.อ.พงศพัศ ถือเป็นผู้มีความสามารถเฉพาะตัว ในการแถลงข่าวชื่นชม ยกยอ ผู้เป็นนายอย่างชัดเจน มาครั้งนี้ ก็เช่นกัน ทุกครั้งที่เขาแถลงข่าว เขาจะพูด ชื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรี อยู่บ่อยครั้ง โดยที่ผู้สันทัดกรณีวงการสีกากี ฟันธงว่า"พงศพัศ พงษ์เจริญ"กำลังฝันไกล อยากเป็นใหญ่ หลัง"เพรียวพันธ์"เกษียณอายุราชการปี 2555
สำหรับ "พงศพัศ" เขาเกษียณปี 2559 เส้นทางชีวิตราชการของเขาไต่เต้าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เพราะได้ติดตามเป็นนายเวร พล.ต.อ.แสวง ธีระสวัสดิ์ ตั้งแต่เป็น ผบช.น. มาจนกระทั่งเป็นอธิบดีกรมตำรวจเขา
ได้เป็นโฆษกกรมตำรวจมาตั้งแต่ยุค พล.ต.อ.พจน์ บุณยะจินดา ผบ.ตร. ในช่วงนั้น และไต่เต้าจากรอง ผบก.สารนิเทศ ขึ้นเป็น ผบก.ศูนย์ข้อมูลสารสนเทศ ได้ติดยศ นายพลเป็นคนแรกของรุ่น
จากนั้นโดนโยกมาเป็น ผบก.สารนิเทศ เพราะเมื่อ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ผบ.ตร.ขณะนั้นเข้ามาก็ถูกลดบทบาทลงตามกระแสการเมือง ประจวบกับถูกหยิบยกเรื่องเก่าๆ สมัยเรียนหนังสือเมืองนอกมาโจมตี ทำให้ต้องถือเคล็ดไปเปลี่ยนชื่อใหม่ จาก "ไพรัช พงษ์เจริญ" เป็น "พงศพัศ พงษ์เจริญ"
มาถึงยุค พล.ต.อ.พรศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ เป็น ผบ.ตร. เขาได้เลื่อนเป็นผู้ช่วย ผบช.สำนักงานแผนงานและงบประมาณ (สนผ.) กลับมาเป็นโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกครั้ง ตามกระแสการเมืองที่เปลี่ยนขั้วกันไปมา
ต่อมายุค พล.ต.อ. สันต์ ศรุตานนท์ ขึ้นมาเป็น ผบ.ตร. เขาก็ได้รับแต่งตั้งมาเป็นรอง ผบช.สนผ. และเป็นโฆษกต่อไปอีก กระทั่งเดือนตุลาคม 2546 ก็ได้เป็นรอง ผบช.สตม. และเป็นโฆษกต่อไปเฉกเช่นเดิม
"พงศพัศ" ยืนยันว่า ตัวเขาเองมีสไตล์การทำหน้าที่โฆษกเฉพาะตัว ด้วยบุคลิกที่ดูเป็นกันเอง ที่นอกจากจะไม่ล้ำเส้นนาย แล้วยังพยายามชูบทบาทและรักษาภาพลักษณ์นายอย่างสม่ำเสมอ ทำให้เป็นที่ชอบใจของผู้บังคับบัญชาตลอดมา ที่สำคัญรู้จักจังหวะเล่นกับกระแสสังคมได้กลมกลืน
ครั้งหนึ่งเขาได้เขียนหนังสือเรื่อง"ตำรวจไทยในอนาคต"โดยได้เขียนถึงเรื่องพฤติกรรมตำรวจเอาไว้ว่า...
"อาชีพตำรวจเป็นอาชีพที่มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เป็นที่ไว้วางใจจากประชาชน และเป็นอาชีพที่มีโอกาสเข้าไปช่วยเหลือดูแลประชาชนได้ในทุกสถานที่และตลอดเวลา จึงไม่อยากให้ตำรวจทิ้งโอกาสที่ว่านี้ไป การคิดดี ทำดี พูดจาดี ยิ้มแย้มแจ่มใส เพียงเท่านี้ภาพลักษณ์ของตำรวจก็จะดูดีขึ้น และประชาชนก็จะรักตำรวจมากขึ้น"
ส่วนท้ายสุด คนเก่า ชื่อใหม่"พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ"จะได้นั่งตำแหน่งสูงสุดในชีวิตข้าราชการสีกากีหรือไม่?คงขึ้นอยู่ที่บุญวาสนา นะครับท่าน!