“จรัล ดิษฐาอภิชัย” แกนนำ นปช.เข้ารับทราบข้อกล่าวหาฝ่าฝืน พ.ร.บ.ความมั่นคง พร้อมปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เผย หลบหนีไปทางแถบยุโรปหลายประเทศ อ้างคิดถึงประเทศ ครอบครัว เห็นบ้านเมืองสงบเลยเข้ามอบตัวสู้คดี
วันนี้ (7 ต.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่ สน.ลุมพินี นายจรัล ดิษฐาอภิชัย แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พร้อม นายคารม พลพรกลาง ทนายความ นปช.เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกร่วมกันฝ่าฝืนประกาศของผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย ฉบับที่ 5 ลงวันที่ 3 เมษายน 2553 หนึ่งในจำนวน 55 แกนนำคนเสื้อแดง โดยไม่ออกจากพื้นที่ที่กำหนด ตาม พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 ซึ่งนายจรัลหลบหนีออกนอกประเทศไปในระหว่างการชุมนุมของ นปช. เมื่อช่วงเดือน พ.ค.ปี 2553 ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ได้นำตัว นายจรัล เข้าสอบปากคำในห้องประชุมชั้น 2 ซึ่งมี พ.ต.อ.ศรัณยู ชำนาญราช รอง ผบก.น.5 พ.ต.อ.ชนิน วชิรปาณีกูล ผกก.สน.ลุมพินี พ.ต.ท.อัครวัฒน์ พุ่มไพศาลชัย รองผกก.สส.สน.ลุมพินี ร่วมทำการสอบปากคำ
นายคารม กล่าวว่า กรณีที่ นางดารุณี กฤตบุญญาลัย เข้ามารับทราบข้อกล่าวไปแล้วเมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยนายจรัลก็มีหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการชุมนุมเช่นเดียวกันกับนางดารุณี ซึ่งเมื่อนายจรัลกลับเข้ามาในประเทศไทยแล้ว จึงประสานให้นายจรัลเข้ามามอบตัววันนี้ พร้อมทั้งทำรายละเอียดการปฏิเสธข้อกล่าวหาเป็นลายลักษณ์อักษร ส่งให้กับพนักงานสอบสวนด้วย อย่างไรก็ตาม นายจรัล ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ซึ่งสาเหตุที่ปฏิเสธนั้น
เพราะกฎหมายฉบับนี้ออกมาในปี 51 สมัยรัฐบาลของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกฯ ซึ่งยังไม่ทราบว่ามีที่มาและประกาศกฎหมายโดยชอบหรือไม่ นอกจากนั้น ยังมีข้อต่อสู้ทางคดีคือ นายจรัล ไม่ทราบว่ามีประกาศออกมาแล้วหรือไม่ และออกไปจากพื้นที่แล้วหรือยัง
ด้าน นายจรัล เปิดเผยว่า เข้ารับทราบข้อกล่าวหาดังกล่าวตามหมายเรียก เพื่อต่อสู้คดี และขอให้การปฏิเสธ เนื่องจากวันที่ 3 เม.ย.53 ที่มีการออกประกาศมานั้น กลุ่ม นปช.ยังชุมนุมที่สะพานผ่านฟ้าและราชประสงค์ด้วยความสงบ อหิงสา ปราศจากอาวุธ และหลังจากเกิดเหตุสลายการชุมนุม ตนได้หลบหนีไปอยู่ประเทศต่างๆ เป็นเวลานาน ซึ่งตอนนี้คิดถึงประเทศ ครอบครัว และกลุ่มคนเสื้อแดงที่ร่วมต่อสู้มา อีกทั้งรัฐบาลชุดนี้มีเจตนาดีที่จะดำเนินคดีด้วยความยุติธรรม โดยไม่มี 2 มาตรฐานเหมือนเมื่อก่อน ซึ่งตนรู้สึกเชื่อมั่นและมั่นใจ จึงเดินทางกลับมารับทราบข้อกล่าวหา
“ผมหลบหนีออกนอกประเทศโดยผ่านทางประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากไม่สามารถออกไปทางสนามบินสุวรรณภูมิได้ แต่ไม่ขอบอกว่าออกไปทางประเทศใด แต่ผมไปอยู่หลายที่ พร้อมถือโอกาสนี้ไปเที่ยวทางการเมือง และได้พบพี่น้องคนเสื้อแดงทั้งในสหรัฐอเมริกา ยุโรปอีก 7-8 ประเทศ ซึ่งตอนที่แกนนำคนอื่นๆพากันทยอยกันกลับเข้าประเทศนั้น ทุกคนก็อยากให้ผมกลับมาด้วย แต่ผมยังไม่อยากกลับ จนกระทั่งผลการเลือกตั้งที่ผ่านมาทราบว่า พรรคเพื่อไทยได้จัดตั้งรัฐบาล ผมดูสถานการณ์แล้วก็เห็นว่าน่าจะกลับเข้าประเทศได้ จึงเดินทางกลับเข้ามา” นายจรัล กล่าว
ขณะที่ พ.ต.อ.ศรัณยู กล่าวว่า นายจรัลมาในวันนี้ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาร่วมกันฝ่าฝืนประกาศของผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย ฉบับที่ 5 ลงวันที่ 3 เมษายน 2553 โดยไม่ออกจากพื้นที่ที่กำหนด ตาม พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งเป็นข้อหาเดียวกันกับ นางดารุณี ที่มารับทราบข้อหาเมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนจะทำการสอบปากคำตามกระบวนการก่อนจะปล่อยตัวกลับไป โดยขณะนี้มีผู้ที่ออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหานี้ทั้งหมด 55 คน ซึ่งได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนแล้ว 17 คน
หลังจากเจ้าหน้าที่สอบปากคำ นายจรัล ประมาณ 1 ชั่วโมง นายจรัล ได้เดินทางกลับ โดยมีกลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนสิบกว่าคนรอมอบดอกไม้ให้กำลังใจ ซึ่งบรรยากาศไม่คึกคักเหมือนเมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ นางดารุณี หรือ เจ๊ดา กฤตบุญญาลัย แกนนำเสื้อแดงเข้ามอบตัว
วันนี้ (7 ต.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่ สน.ลุมพินี นายจรัล ดิษฐาอภิชัย แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พร้อม นายคารม พลพรกลาง ทนายความ นปช.เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกร่วมกันฝ่าฝืนประกาศของผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย ฉบับที่ 5 ลงวันที่ 3 เมษายน 2553 หนึ่งในจำนวน 55 แกนนำคนเสื้อแดง โดยไม่ออกจากพื้นที่ที่กำหนด ตาม พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 ซึ่งนายจรัลหลบหนีออกนอกประเทศไปในระหว่างการชุมนุมของ นปช. เมื่อช่วงเดือน พ.ค.ปี 2553 ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ได้นำตัว นายจรัล เข้าสอบปากคำในห้องประชุมชั้น 2 ซึ่งมี พ.ต.อ.ศรัณยู ชำนาญราช รอง ผบก.น.5 พ.ต.อ.ชนิน วชิรปาณีกูล ผกก.สน.ลุมพินี พ.ต.ท.อัครวัฒน์ พุ่มไพศาลชัย รองผกก.สส.สน.ลุมพินี ร่วมทำการสอบปากคำ
นายคารม กล่าวว่า กรณีที่ นางดารุณี กฤตบุญญาลัย เข้ามารับทราบข้อกล่าวไปแล้วเมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยนายจรัลก็มีหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการชุมนุมเช่นเดียวกันกับนางดารุณี ซึ่งเมื่อนายจรัลกลับเข้ามาในประเทศไทยแล้ว จึงประสานให้นายจรัลเข้ามามอบตัววันนี้ พร้อมทั้งทำรายละเอียดการปฏิเสธข้อกล่าวหาเป็นลายลักษณ์อักษร ส่งให้กับพนักงานสอบสวนด้วย อย่างไรก็ตาม นายจรัล ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ซึ่งสาเหตุที่ปฏิเสธนั้น
เพราะกฎหมายฉบับนี้ออกมาในปี 51 สมัยรัฐบาลของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกฯ ซึ่งยังไม่ทราบว่ามีที่มาและประกาศกฎหมายโดยชอบหรือไม่ นอกจากนั้น ยังมีข้อต่อสู้ทางคดีคือ นายจรัล ไม่ทราบว่ามีประกาศออกมาแล้วหรือไม่ และออกไปจากพื้นที่แล้วหรือยัง
ด้าน นายจรัล เปิดเผยว่า เข้ารับทราบข้อกล่าวหาดังกล่าวตามหมายเรียก เพื่อต่อสู้คดี และขอให้การปฏิเสธ เนื่องจากวันที่ 3 เม.ย.53 ที่มีการออกประกาศมานั้น กลุ่ม นปช.ยังชุมนุมที่สะพานผ่านฟ้าและราชประสงค์ด้วยความสงบ อหิงสา ปราศจากอาวุธ และหลังจากเกิดเหตุสลายการชุมนุม ตนได้หลบหนีไปอยู่ประเทศต่างๆ เป็นเวลานาน ซึ่งตอนนี้คิดถึงประเทศ ครอบครัว และกลุ่มคนเสื้อแดงที่ร่วมต่อสู้มา อีกทั้งรัฐบาลชุดนี้มีเจตนาดีที่จะดำเนินคดีด้วยความยุติธรรม โดยไม่มี 2 มาตรฐานเหมือนเมื่อก่อน ซึ่งตนรู้สึกเชื่อมั่นและมั่นใจ จึงเดินทางกลับมารับทราบข้อกล่าวหา
“ผมหลบหนีออกนอกประเทศโดยผ่านทางประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากไม่สามารถออกไปทางสนามบินสุวรรณภูมิได้ แต่ไม่ขอบอกว่าออกไปทางประเทศใด แต่ผมไปอยู่หลายที่ พร้อมถือโอกาสนี้ไปเที่ยวทางการเมือง และได้พบพี่น้องคนเสื้อแดงทั้งในสหรัฐอเมริกา ยุโรปอีก 7-8 ประเทศ ซึ่งตอนที่แกนนำคนอื่นๆพากันทยอยกันกลับเข้าประเทศนั้น ทุกคนก็อยากให้ผมกลับมาด้วย แต่ผมยังไม่อยากกลับ จนกระทั่งผลการเลือกตั้งที่ผ่านมาทราบว่า พรรคเพื่อไทยได้จัดตั้งรัฐบาล ผมดูสถานการณ์แล้วก็เห็นว่าน่าจะกลับเข้าประเทศได้ จึงเดินทางกลับเข้ามา” นายจรัล กล่าว
ขณะที่ พ.ต.อ.ศรัณยู กล่าวว่า นายจรัลมาในวันนี้ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาร่วมกันฝ่าฝืนประกาศของผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย ฉบับที่ 5 ลงวันที่ 3 เมษายน 2553 โดยไม่ออกจากพื้นที่ที่กำหนด ตาม พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งเป็นข้อหาเดียวกันกับ นางดารุณี ที่มารับทราบข้อหาเมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนจะทำการสอบปากคำตามกระบวนการก่อนจะปล่อยตัวกลับไป โดยขณะนี้มีผู้ที่ออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหานี้ทั้งหมด 55 คน ซึ่งได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนแล้ว 17 คน
หลังจากเจ้าหน้าที่สอบปากคำ นายจรัล ประมาณ 1 ชั่วโมง นายจรัล ได้เดินทางกลับ โดยมีกลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนสิบกว่าคนรอมอบดอกไม้ให้กำลังใจ ซึ่งบรรยากาศไม่คึกคักเหมือนเมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ นางดารุณี หรือ เจ๊ดา กฤตบุญญาลัย แกนนำเสื้อแดงเข้ามอบตัว
