กลุ่มผู้บริหารเขตฯ-ร.ร.มอบดอกไม้ให้กำลังใจ เลขาธิการ กพฐ.หลังเครือข่าย ภตช.เรียกร้องให้รับผิดชอบด้วยการย้ายไปเป็นผู้ตรวจ ศธ.นายกสมาคมฯ ระบุไม่เห็นด้วยดึงผู้บริหารส่วนกลางไปเอี่ยว ขณะที่ “ชินภัทร” ลั่นไม่สะทกสะท้าน ทำงานโดยยึดหลักเหตุผลและเป็นธรรม แจงผู้บริหารรวมตัวมา เพราะต้องการแสดงจุดยืนรักษาระบบราชการ ชี้ วิธีการ ภตช.เหมือนทำเพื่อความสะใจ เพราะเสนอข้อกล่าวหาและพิพากษาในตัว ด้าน ผอ.สพม.กทม. 2
เผยตั้ง กก.ตรวจสอบข้อเท็จจริงลงพื้นที่ คาดรู้ผลเย็นนี้
วันนี้ (14 มิ.ย.) ที่หน้าอาคารสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) 4 กลุ่มผู้บริหารสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ผู้อำนวยการโรงเรียน ครูอาจารย์ ประมาณ 200 คน เดินทางเพื่อมอบดอกไม้ให้กำลังใจต่อนายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) กรณีที่ นายมงคลกิตต์ สุขสินธารานนท์ เลขาธิการภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นของชาติ (ภตช.) ได้ยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินและอายัดทรัพย์สินของผู้อำนวยการโรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูง 366 โรง และเรียกร้องให้ นายชินภัทร เว้นวรรคตำแหน่งเลขาธิการ กพฐ.ไปปฏิบัติงานในหน้าที่ผู้ตรวจราชการ ศธ.ขณะเดียวกัน ก็ขอให้ผู้อำนวยการโรงเรียนย้ายตัวเองไปทำงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
นายชินภัทร กล่าวว่า คงไม่มีการชี้แจงอย่างเป็นทางการ เพราะ สพฐ.มีระเบียบวิธีการทำงานหากมีการนำเสนอข้อมูลเรื่องความไม่โปร่งใส ไม่ปฏิบัติตามนโยบายก็จะให้เป็นหน้าที่ของ สพท.เป็นผู้รับผิดชอบตรวจสอบ เช่น กรณีของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า ได้ให้ สพม.กทม.เขต 2 ไปตรวจสอบ ดังนั้น สิ่งที่ ภตช.เรียกร้องนั้นไม่สามารถตัดสินได้ทันที เพราะเท่ากับสร้างความไม่เป็นธรรม โดย สพฐ.ยึดหลักการให้โอกาส และคุณประโยชน์ของผู้เรียนเป็นสำคัญ นอกจากนี้ การรับนักเรียนในปีนี้นั้น ถือว่าสำเร็จตามนโยบายที่ให้ไว้มากถึง 95% จุดนี้เป็นความดีความชอบของผู้บริหาร ส่วนที่เหลือ 5% ก็เป็นจุดอ่อนเล็กน้อยที่เรามีบทเรียนจากครั้งนี้ไปแก้ไขในการรับนักเรียนครั้งต่อไป อย่างไรก็ตาม ตนขอบคุณผู้บริหารที่มาให้กำลังใจ และยืนยันว่า ตนไม่สะทกสะท้านกับแรงกดดัน เพราะตนมีเป้าหมายในการทำงานเน้นหลักเหตุผล และเป็นธรรม
“เหตุผลที่ผู้บริหารเดินทางมาวันนี้ เพราะต้องการแสดงจุดยืนรักษาระบบราชการมีแนวปฏิบัติอยู่ หากละเว้นปฏิบัติหน้าที่มีช่องทางในการเสนอข้อร้องเรียนตามช่องทาง แต่การเสนอทุกอย่างแบบม้วนเดียวจบตั้งแต่ข้อร้องเรียน ข้อเสนอแนะการแก้ไขการลงโทษเหมือนเป็นการเสนอข้อกล่าวหาและคำตัดสินพิพากษาไปในตัว จุดนี้ไม่ใช่กติการะเบียบแบบแผนราชการ แต่เป็นการเสนอเพื่อความสะใจให้เกิดการลงโทษอยู่ในร่างแห เดียวกันหมด เช่น ให้ผู้บริหารโรงเรียนดังให้ลงไปปฏิบัติงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อาจเป็นการเสนอโดยใช้อารมณ์ตัดสิน เป็นเรื่องที่ผู้บริหารคณะครูไม่เห็นด้วย เพราะเป็นการข้ามเส้นระบบผู้บริหาร หากทำแบบนี้บ่อยๆ ในอนาคตอาจจะทำให้ข้าราชการอยู่ภายใต้กฎกติกานอกระบบมากขึ้น อาจจะส่งผลต่อการบั่นทอนประสิทธิภาพและกำลังใจ”เลขาธิการ กพฐ.กล่าว
ด้าน นายธวัชชัย พิกุลแก้ว ผู้อำนวยการ สพท.ประถมศึกษา กาญจนบุรี เขต 4 ในฐานะนายกสมาคมผู้บริหารเขตพื้นที่การศึกษาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ต้องการมาให้กำลังใจแก่ เลขาธิการ กพฐ.ว่า ท่านได้ปฏิบัติงานและเดินหน้าตามนโยบายอย่างเต็มที่เหมาะสม ซึ่งผลการดำเนินงานก็ช่วยให้ปัญหาแปะเจี๊ยะที่เคยมีมาลดลง และทางโรงเรียน หรือเขตพื้นที่ก็ปฏิบัติตามนโยบายครบถ้วน ดังนั้น การที่ทาง ภตช.ออกมาเรียกร้องให้ นายชินภัทร ไปเป็นผู้ตรวจราชการ ศธ.หรือแม้แต่การขอให้ ป.ป.ช.ดำเนินการอายัดทรัพย์สิน ผอ.โรงเรียนนั้นพวกตนไม่เห็นด้วย เพราะเป็นการละเมิดสิทธิ เสรีภาพ อีกทั้งการทำงานในส่วนการรับนักเรียนนั้น โรงเรียนก็มีคณะกรรมการสถานศึกษา และยิ่งเป็นโรงเรียนดังใหญ่ๆ ผู้มาเป็นคณะกรรมการสถานศึกษาก็ไม่ใช่คนทั่วไปทุกคนมีหน้ามีตา มีความรู้ เพราะฉะนั้น ที่คิดว่า ผอ.โรงเรียนจะมาโกงการรับเด็กก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
“ผมเห็นด้วยกับการมีชมรมเครือข่ายที่ตรวจสอบการทุจริตคอรัปชั่น แต่ผมไม่เห็นด้วยกับการที่จะมาเรียกร้อง หรือมาดึงผู้บริหารที่อยู่ส่วนกลางไปเกี่ยวข้อง เพราะมันทำให้เกิดความเสียหายทั้งหมด ซึ่ง ภตช.เห็นว่ามีการทุจริตจริงก็ขอให้ตรวจสอบเป็นการเฉพาะเจาะจงลงไป และนำหลักฐานมาแสดงเพื่อที่จะได้เป็นกรณีตัวอย่างแก่สังคม แต่ไม่ใช่มาเหมารวมไปทั้งหมดแบบนี้ไม่เหมาะสม” นายธวัชชัย กล่าว
นายสุรศักดิ์ ศรีสวัสดิ์ ผอ. สพม.กทม.เขต 2 กล่าวว่า ตนได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว คาดว่า จะได้ข้อสรุปในช่วงเย็นวันนี้ ส่วนตัวเคยได้พูดคุยกับ ผอ.โรงเรียนเตรียมอุดมน้อมเกล้า ก็ยืนยันว่า ทางโรงเรียนปฏิบัติถูกต้องคณะกรรมการสถานศึกษาก็เห็นชอบ อย่างลำดับของนักเรียน ม.4 สัดส่วน 80% - 20% พอบัญชีไหนขาด โรงเรียนก็เอาสำรองบัญชีนั้นมาทดแทน อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ตนยังไม่สามารถชี้ชัดอะไรได้ต้องรอดูผลการตรวจสอบจากคณะกรรมการก่อน
