ศาลตัดสินจำคุกแก๊ง ตร.ทางหลวง 33 ปี 4 เดือน ปรับ 2 ล้านบาท ครอบครองยาบ้า 3 พันเม็ด รีดไถ่เงินนักค้ายา 1 แสน แลกไม่ดำเนินคดี ยกฟ้องหนึ่ง ตร.ทางหลวง หลังโจทก์ไม่นำสืบให้เห็นว่ามีส่วนร่วมรู้เห็นในการกระทำผิด แต่ให้ขังไว้ระหว่างอุทธรณ์
วันนี้ (27 ก.ย.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 904 ศาลอาญา ศาลอ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำ อย.3616/2553 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดียาเสพติด 1 เป็นโจทก์ฟ้อง ด.ต.พรชัย น้อยลัทธี ด.ต.วิษณุ ถึงสุข และ ด.ต.ธนู ภู่ทอง ทั้งสามตำแหน่ง ผบ.หมู่ กก.7 บก.ทล. เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 เป็นข้าราชการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดต้องได้รับโทษเป็น 3 เท่า
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.53 เวลาประมาณ 18.00 น. จำเลยทั้งสามเป็นข้าราชการตำรวจ ร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีน อันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำนวน 3,000 เม็ด น้ำหนัก 266.457 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต วันเวลาที่เกิดเหตุ เจ้าพนักงานจับจำเลยพร้อมเมทแอมเฟตามีน จำนวนดังกล่าวเป็นของกลาง เหตุเกิดที่ ต.ปลายพระยา อ.ปรายพระยา จ.กระบี่
มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1-2 กระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า จำเลยที่ 1-2 จับกุมคนร้ายทั้ง 3 คนได้พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 3,000 เม็ด แต่ได้เรียกเงินจำนวน 100,000 บาท เพื่อแลกกับการปล่อยตัว เมื่อได้รับเงินแล้วคนร้ายจึงได้รับการปล่อยตัว จากนั้นจำเลยที่ 1-2 ได้ยึดยาบ้าของกลางไว้ และได้ติดต่อกับคนร้ายทั้งสามว่า หากต้องการไถ่ของกลางคืนให้นำเงินมามอบให้อีกจำนวน 300,000 บาท ปรากฏว่าขณะนั้นคนร้ายทั้งสามถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ถ้ำพรรณรา จ.นครศรีธรรมราช จับกุมไว้ฐานเสพยาเสพติด จึงทำการซ้อนแผนจับกุมได้ที่ อ.เมือง จ.กระบี่ ขณะจำเลยทั้งสามแต่งกายชุดตำรวจ ตั้งด่านอยู่ริมถนน โดยจำเลยที่ 1 อ้างว่า เงินที่ได้มา 100,000 บาทนั้น แบ่งให้จำเลยที่ 1-2 คนละ 40,000 บาท จำเลยที่ 3 ได้ไป 10,000 บาท ส่วนที่เหลืออีก 10,000 บาท แจกจ่ายให้แก่ผู้ให้การช่วยเหลือ เห็นว่าการกระทำของจำเลยที่ 1-2 มีความผิดฐานมียาเสพติดไว้ในครอบครอง เนื่องจากไม่ปฏิบัติไปตามขั้นตอน ส่วนจำเลยที่ 3 นั้น โจทก์ไม่นำสืบให้เห็นว่ามีส่วนร่วมรู้เห็นในการกระทำผิดอย่างไร จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยที่ 3
จึงพิพากษาว่า จำเลยที่ 1-2 มีความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรค 3 (2), 66 วรรค3 เมื่อเป็นข้าราชการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดต้องได้รับโทษเป็น 3 เท่า จึงลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1-2 ตลอดชีวิต ปรับ 3 ล้านบาท ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์อยู่บ้าง เห็นสมควรให้ลดโทษ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 1-2 เป็นเวลา 33 ปี 4 เดือน ปรับ 2 ล้านบาท และให้ริบของกลาง และยกฟ้องจำเลยที่ 3 แต่ให้ขังไว้ระหว่างอุทธรณ์