รวบยกแก๊ง โจรสะพานลอยใช้ไม้หน้าสามฟาดหัวชิงทรัพย์ รับจะเลือกเหยื่อเป็นชายขี้เมา หรือเหยื่อที่เดินมาคนเดียวกลับบ้านดึกดื่น แบ่งกันทำงานเป็นทีมเข้าไปประกบด้านหลังแล้วใช้ไม้หน้าสามฟาดเต็มแรงจนฟุบสลบจมกองเลือดปลดทรัพย์สินหลบหนี นำเงินไปซื้อยาเสพ ตำรวจเผยแค่ท้องที่สำโรงเหนือพื้นที่เดียวก่อเหตุไม่ต่ำกว่า 20 ครั้งแล้ว
วันนี้ (22 ก.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ พล.ต.ต.จิตติ รอดบางยาง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.ภวัต พรหมมะกฤต รอง ผบก. พ.ต.อ.ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ ผกก.สภ.สำโรงเหนือ อ.เมืองสมุทรปราการ พ.ต.อ.วสันต์ เตชะอัครเกษม ผกก.สส.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.ท.ณรงค์ ชนะภัยกุล รอง ผกก.(สส.) พ.ต.ท.ภาคภูมิ โห้ใย สว.สส. พ.ต.ต.ชินวุฒิ ตั้งวงษ์เลิศ สว.สส. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน แถลงการจับกุมผู้ต้องหาก่อเหตุร่วมกันชิงทรัพย์จำนวนหลายครั้ง ประกอบด้วย นายสุเมธ หรือต้น เนตรบุตร อายุ 25 ปี นายเดชา หรือเบี้ยว เรืองโหรา อายุ 36 ปี นายวุฒพล หรือเต้ย ไชยคีนี อายุ 18 ปี นายเอฟ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี นายโย (นามสมมติ) อายุ 17 ปี พร้อมของกลาง โทรศัพท์มือถือจำนวน 10 เครื่อง จักรยานยนต์ฮอนด้าโนวา-โซนิค สีเขียว ทะเบียน กทพ 857 สมุทรปราการ จักรยานยนต์ฮอนด้า สกูปปี้ สีขาว ไม่ติดทะเบียน จักรยานยนต์ฮอนด้าคลิก ไม่ติดทะเบียน และจักรยานยนต์ยามาฮ่า มิโอ ทะเบียน สปจ 585 กทม. เอกสารจำนำโทรศัพท์ 1 แผ่น เครื่องชาร์จแบตเตอรี่คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 1 ชุด กระเป๋าเงินสตรี 8 ใบ สร้อยโลหะพร้อมพระเครื่อง 10 องค์ 1 เส้น
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายจำนวนหลายรายในพื้นที่ สภ.สำโรงเหนือ ตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคม 2554 ที่ผ่านมาว่า มีเหตุถูกคนร้ายใช้ไม้หน้าสามฟาดจนสลบได้รับบาดเจ็บก่อนถูกปลดทรัพย์สินมีค่า เป็นสร้อยคอทองคำ มือถือ กระเป๋าเงิน เหตุเกิดบริเวณสะพานลอยหลายพื้นที่ทั้งย่านซอยแบริ่ง หน้าศูนย์การค้าอิมพีเรียลเวิลด์ บริเวณถนนเทพารักษ์ ขณะที่ตรวจสอบพบอีกว่ามีเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันเกิดขึ้นในท้องที่อื่นในช่วงวันต่อๆ มา เป็นเวลาต่อเนื่องกว่า 1 เดือนเศษ จนเกือบถึงปัจจุบัน ทั้งท้องที่ของ สภ.บางแก้ว สภ.บางพลี จึงเชื่อว่าน่าจะเป็นกลุ่มแก๊งที่ตระเวนก่อเหตุชิงทรัพย์
หลังทราบเหตุ พล.ต.ต.จิตติ ได้สั่งการ พ.ต.อ.วสันต์ สนธิกำลังร่วมกับพ.ต.อ.ศิร์ธัชเขต ตั้งเป็นทีมสืบสวนเฉพาะกิจ ก่อนจับกุมตัว นายสุเมธ หรือต้น ชาว จ.อุบลราชธานี ได้ขณะกบดานอยู่ภายในบ้านเช่าไม่มีเลขที่ย่าน ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ พร้อมของกลางหลายรายการ จึงคุมตัวสอบสวนให้การรับว่าร่วมกับพรรคพวกอีก 4 คน ตระเวนก่อเหตุใช้ไม้หน้าสามฟาดศีรษะชิงทรัพย์ผู้เสียหายตามสะพานลอย โดยเลือกกลุ่มที่เดินทางกลับบ้านดึกดื่น เมาสุรา หรือคนที่เลิกงานเดินทางข้ามสะพานลอยกลับบ้านในเวลามืดค่ำ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ขยายผลจับกุมตัว นายวุฒพล นายเอฟ นายโย และนายเดชา หรือเบี้ยว ซึ่งเป็นกลุ่มแก๊งเดียวกัน ขณะกบดานอยู่ในบ้านพักย่านบางพลี จ.สมุทรปราการ คุมตัวสอบสวน โดยนายเดชาหนึ่งในผู้ต้องหาให้การว่าเป็นเพื่อนรุ่นพี่ของนายต้น โดยเสพยาบ้าด้วยกันมานานจึงสนิทกัน แต่ช่วงหลังไม่มีรายได้จึงร่วมกันวางแผนก่อเหตุชิงทรัพย์ โดยตนและนายสุเมธ จะแบ่งเป็นสองทีม ขึ้นรถจักรยานยนต์ที่มีนายเอฟ นายโย หรือนายวุฒพล สลับสับเปลี่ยนกันขับขี่ไปตามสะพานลอยย่านต่างๆ ช่วงกลางดึก ไปยืนดักกลางสะพานลอย ก่อนเลือกเหยื่อที่เดินมาคนเดียวแล้วมีทรัพย์สินติดตัว เมื่อเดินผ่านตนจนเข้าไปประกบด้านหลังก่อนใช้ไม้หน้าสามฟาดเต็มแรงจนฟุบสลบจมกองเลือด พร้อมปลดทรัพย์สินหลบหนี จำไม่ได้ว่าทำมากี่ครั้ง
พล.ต.ต.จิตติกล่าวว่า กลุ่มแก๊งคนร้ายรายนี้ถือว่าเป็นภัยสังคม โดยจะมีการดักรอเหยื่อกลางสะพานลอยกลางดึก ก่อนเลือกเหยื่อที่มีทรัพย์สินมีค่าใช้ไม้ฟาดจนสลบได้รับบาดเจ็บ และที่สำคัญคนร้ายกล้าเลือกก่อเหตุผู้เสียหายที่เป็นชายมากกว่าเป็นหญิง เพราะผู้เสียหายส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มชายนักเที่ยวราตรีที่มีอาการเมาสุราจึงไม่สามารถโต้ตอบอะไรได้ ส่วนทรัพย์สินที่ได้มานำไปซื้อยาบ้ามาเสพจนหมด เบื้องต้นตรวจสอบพบว่าแค่ท้องที่ สภ.สำโรงเหนือแห่งเดียวก็ก่อเหตุมาแล้วไม่ต่ำกว่า 20 ครั้ง และยังพบว่าก่อเหตุมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ท้องที่ เบื้องต้นคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนแต่ละท้องที่ดำเนินคดีตามกฎหมาย
วันนี้ (22 ก.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ พล.ต.ต.จิตติ รอดบางยาง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.ภวัต พรหมมะกฤต รอง ผบก. พ.ต.อ.ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ ผกก.สภ.สำโรงเหนือ อ.เมืองสมุทรปราการ พ.ต.อ.วสันต์ เตชะอัครเกษม ผกก.สส.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.ท.ณรงค์ ชนะภัยกุล รอง ผกก.(สส.) พ.ต.ท.ภาคภูมิ โห้ใย สว.สส. พ.ต.ต.ชินวุฒิ ตั้งวงษ์เลิศ สว.สส. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน แถลงการจับกุมผู้ต้องหาก่อเหตุร่วมกันชิงทรัพย์จำนวนหลายครั้ง ประกอบด้วย นายสุเมธ หรือต้น เนตรบุตร อายุ 25 ปี นายเดชา หรือเบี้ยว เรืองโหรา อายุ 36 ปี นายวุฒพล หรือเต้ย ไชยคีนี อายุ 18 ปี นายเอฟ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี นายโย (นามสมมติ) อายุ 17 ปี พร้อมของกลาง โทรศัพท์มือถือจำนวน 10 เครื่อง จักรยานยนต์ฮอนด้าโนวา-โซนิค สีเขียว ทะเบียน กทพ 857 สมุทรปราการ จักรยานยนต์ฮอนด้า สกูปปี้ สีขาว ไม่ติดทะเบียน จักรยานยนต์ฮอนด้าคลิก ไม่ติดทะเบียน และจักรยานยนต์ยามาฮ่า มิโอ ทะเบียน สปจ 585 กทม. เอกสารจำนำโทรศัพท์ 1 แผ่น เครื่องชาร์จแบตเตอรี่คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 1 ชุด กระเป๋าเงินสตรี 8 ใบ สร้อยโลหะพร้อมพระเครื่อง 10 องค์ 1 เส้น
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายจำนวนหลายรายในพื้นที่ สภ.สำโรงเหนือ ตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคม 2554 ที่ผ่านมาว่า มีเหตุถูกคนร้ายใช้ไม้หน้าสามฟาดจนสลบได้รับบาดเจ็บก่อนถูกปลดทรัพย์สินมีค่า เป็นสร้อยคอทองคำ มือถือ กระเป๋าเงิน เหตุเกิดบริเวณสะพานลอยหลายพื้นที่ทั้งย่านซอยแบริ่ง หน้าศูนย์การค้าอิมพีเรียลเวิลด์ บริเวณถนนเทพารักษ์ ขณะที่ตรวจสอบพบอีกว่ามีเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันเกิดขึ้นในท้องที่อื่นในช่วงวันต่อๆ มา เป็นเวลาต่อเนื่องกว่า 1 เดือนเศษ จนเกือบถึงปัจจุบัน ทั้งท้องที่ของ สภ.บางแก้ว สภ.บางพลี จึงเชื่อว่าน่าจะเป็นกลุ่มแก๊งที่ตระเวนก่อเหตุชิงทรัพย์
หลังทราบเหตุ พล.ต.ต.จิตติ ได้สั่งการ พ.ต.อ.วสันต์ สนธิกำลังร่วมกับพ.ต.อ.ศิร์ธัชเขต ตั้งเป็นทีมสืบสวนเฉพาะกิจ ก่อนจับกุมตัว นายสุเมธ หรือต้น ชาว จ.อุบลราชธานี ได้ขณะกบดานอยู่ภายในบ้านเช่าไม่มีเลขที่ย่าน ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ พร้อมของกลางหลายรายการ จึงคุมตัวสอบสวนให้การรับว่าร่วมกับพรรคพวกอีก 4 คน ตระเวนก่อเหตุใช้ไม้หน้าสามฟาดศีรษะชิงทรัพย์ผู้เสียหายตามสะพานลอย โดยเลือกกลุ่มที่เดินทางกลับบ้านดึกดื่น เมาสุรา หรือคนที่เลิกงานเดินทางข้ามสะพานลอยกลับบ้านในเวลามืดค่ำ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ขยายผลจับกุมตัว นายวุฒพล นายเอฟ นายโย และนายเดชา หรือเบี้ยว ซึ่งเป็นกลุ่มแก๊งเดียวกัน ขณะกบดานอยู่ในบ้านพักย่านบางพลี จ.สมุทรปราการ คุมตัวสอบสวน โดยนายเดชาหนึ่งในผู้ต้องหาให้การว่าเป็นเพื่อนรุ่นพี่ของนายต้น โดยเสพยาบ้าด้วยกันมานานจึงสนิทกัน แต่ช่วงหลังไม่มีรายได้จึงร่วมกันวางแผนก่อเหตุชิงทรัพย์ โดยตนและนายสุเมธ จะแบ่งเป็นสองทีม ขึ้นรถจักรยานยนต์ที่มีนายเอฟ นายโย หรือนายวุฒพล สลับสับเปลี่ยนกันขับขี่ไปตามสะพานลอยย่านต่างๆ ช่วงกลางดึก ไปยืนดักกลางสะพานลอย ก่อนเลือกเหยื่อที่เดินมาคนเดียวแล้วมีทรัพย์สินติดตัว เมื่อเดินผ่านตนจนเข้าไปประกบด้านหลังก่อนใช้ไม้หน้าสามฟาดเต็มแรงจนฟุบสลบจมกองเลือด พร้อมปลดทรัพย์สินหลบหนี จำไม่ได้ว่าทำมากี่ครั้ง
พล.ต.ต.จิตติกล่าวว่า กลุ่มแก๊งคนร้ายรายนี้ถือว่าเป็นภัยสังคม โดยจะมีการดักรอเหยื่อกลางสะพานลอยกลางดึก ก่อนเลือกเหยื่อที่มีทรัพย์สินมีค่าใช้ไม้ฟาดจนสลบได้รับบาดเจ็บ และที่สำคัญคนร้ายกล้าเลือกก่อเหตุผู้เสียหายที่เป็นชายมากกว่าเป็นหญิง เพราะผู้เสียหายส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มชายนักเที่ยวราตรีที่มีอาการเมาสุราจึงไม่สามารถโต้ตอบอะไรได้ ส่วนทรัพย์สินที่ได้มานำไปซื้อยาบ้ามาเสพจนหมด เบื้องต้นตรวจสอบพบว่าแค่ท้องที่ สภ.สำโรงเหนือแห่งเดียวก็ก่อเหตุมาแล้วไม่ต่ำกว่า 20 ครั้ง และยังพบว่าก่อเหตุมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ท้องที่ เบื้องต้นคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนแต่ละท้องที่ดำเนินคดีตามกฎหมาย