ดีเอสไอหอบสำนวนคดีการเสียชีวิต 13 ศพ จากเหตุสลายการชุมนุมเสื้อแดง มอบให้นครบาล เพื่อส่งกลับให้ชันสูตรศพใหม่อีกครั้ง ขณะที่ “เหลิม” ปัดไม่เคยกีดกันดีเอสไอทำงาน และไม่ใช่ใบสั่งรัฐบาล อ้างกฎหมายระบุไว้ชัดต้องท้องที่เกิดเหตุชันสูตรทำสำนวน ย้ำ ขอให้ บช.น.ทำทุกอย่างตรงไปตรงมา ไม่ต้องเกรงใจใคร ยันส่วนตัวไม่แทรกแซงแน่
วันนี้ (19 ก.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ ผู้บัญชาการสำนักคดีการเงินและการธนาคาร กรมสอบสวนสืบสวนคดีพิเศษ (DSI) รับมอบหมายจากนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ได้นำสำนวนการสอบสวนคดีการเสียชีวิต 13 ศพ จากเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อปีที่ผ่านมา มามอบให้กับ พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รองผบช.น.เพื่อส่งกลับให้มีการชันสูตรพลิกศพสอบสวนคดี 13 ศพใหม่อีกครั้ง
ทั้งนี้ ในรายชื่อ 13 ศพ ประกอบด้วย 1.นายมานะ อาจราญ 2.พลทหาร วรรณสุทธ์ สาระ 3.นายชาติชาย ชาเหลา 4.นายฮิโรยูกิ มูราโมโต 5.นายรภ สุขสถิตย์ 6.นายมงคล เข็มทอง 7.นายสุวัณ รักษา 8.นายเกรียติคุณ ฉัตรวิริยะกุล 9.นายประจวบ ประจวบสุข 10.นายบุญมี เริ่มสุข 11.ด.ช.คุณากร ศรีสุวรรณ 12.นายพัน คำทอง และ 13.นายชาญณรงค์ พลศรีรา ซึ่งทั้ง 13 ศพดังกล่าว เสียชีวิตในท้องที่ สน.ปทุมวัน สน.วัดพระยาไกร สน.พญาไท สน.ดุสิต และสน.พลับพลาไชย 1
ต่อมาเวลา 15.00 น. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ฐานะกำกับงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เดินทางมามอบนโยบายการปฏิบัติงานให้กับตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล ระดับ ผกก.ถึง ผบช.น.โดย ร.ต.อ.เฉลิม เปิดเผยถึงเรื่องการชันสูตรพลิกศพ 13 ศพ และสำนวนการทำคดีใหม่อีกครั้ง ว่า เรื่องดังกล่าวทางดีเอสไอได้เสนอมายังตนในฐานะประธานสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อขออนุมัติให้ดีเอสไอสามารถชันสูตรศพที่ตาย 13 ศพใหม่อีกครั้ง แต่ตนได้คัดค้านพร้อมอธิบายไปว่า ดีเอสไอไม่มีสิทธิ์ และอำนาจตามกฎหมายในการตรวจสอบ เพราะต้องให้ทางเจ้าหน้าที่สอบสวนแต่ละท้องที่ที่เกิดเหตุเสียชีวิตเป็นฝ่ายชันสูตรพร้อมกับทำสำนวนเอง
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวอีกว่า เรื่องดังกล่าวไม่ใช่ว่าเป็นการกีดกันดีเอสไอไม่ให้ทำงานดังกล่าว แต่กฎหมายระบุไว้ชัดเจน ซึ่งไม่ใช่นโยบายของตน หรือรัฐบาลแต่อย่างใด อีกทั้งรัฐบาลจะไม่เข้าไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมอย่างเด็ดขาด
“อย่างไรก็ตาม จากสำนวนเดิม 13 ศพ ดีเอสไอได้ระบุตามหลักฐานและพยานที่ค่อนข้างจะแน่ชัดว่า ศพทั้งหมดเสียชีวิตจากการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงานที่เข้าไปควบคุมเหตุการณ์ ซึ่งสำนวนดังกล่าวถูกตีกลับมาที่ บช.น.เพื่อให้มีการชันสูตรศพทั้งหมดใหม่อีกครั้ง ก็ขอให้ทำอย่างตรงไปตรงมา ไม่ต้องมาเกรงใจผม หรือเกรงใจใคร ผมไม่เข้าไปยุ่ง รวมถึงทาง สตช.ก็เช่นกัน โดยการชันสูตรจะมีกรอบในการทำสำนวนใหม่ 67 วัน และขณะเดียวกัน ก็ต้องมีการสอบสวนเพื่อทำสำนวนทางคดีอาญาควบคู่ไปด้วย ภายในกรอบ 90 วัน และทั้งหมดจะต้องส่งถึงอัยการทันทีเมื่อครบกำหนดเวลา” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
