คนร้ายทุบด้วยท่อนไม้ยูคาลิปตัส โชเฟอร์แท็กซี่ดั้งจมูกหัก-หน้าเหวอะ ทิ้งรถยังเปิดไฟสว่างโร่ ค่ามิเตอร์ยังค้างอยู่ ทรัพย์สินหายเกลี้ยง กลางป่าหญ้าข้างอพาร์ตเมนต์กำลังก่อสร้างย่านบางบัวทอง ขณะที่ตำรวจคาดมีการต่อสู้กันก่อนเป็นศพ เชื่อคนร้ายมีคนเดียวน่าเป็นการฆ่าชิงทรัพย์ เพราะเงินในกระเป๋าสตางค์หายไปหมด
วันนี้ (19 ก.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. พ.ต.ท.พันธมิตร จ้างประเสริฐ สารวัตรเวรสอบสวน สภ.บางบัวทอง ได้รับแจ้งเหตุมีโชเฟอร์แท็กซี่ถูกฆ่าเสียชีวิตภายในซอยโรงเรียนป่าไม้อุทิศ ต.บางรักใหญ่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี จึงพร้อมด้วย พล.ต.ต.สุรชัย สืบสุข ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.อภิชาติ เรือนทิพย์ รอง ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.โสภณ พึงไชย ผกก.สภ.บางบัวทอง มูนิธิป่อเต็กตึ๊ง และแพทย์จาก รพ.ศิริราช รีบรุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุภายในซอยดังกล่าวพบรถแท็กซี่สีเขียว-เหลือง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลติส หมายเลขทะเบียน มฉ-3188 กทม. จอดอยู่บริเวณข้างอพาร์ตเมนต์ที่กำลังก่อสร้าง สภาพรถเปิดไฟหน้า มิเตอร์รถไฟบอกราคาค่าโดยสารยังติดอยู่ กระจกด้านหน้าถูกตีด้วยของแข็งมีรอยร้าว ภายในรถตรงพวงมาลัยมีรอยโคลนติด เบาะด้านคนขับมีผ้าขนหนูวางอยู่ ภายในรถมีร่องรอยการต่อสู้ ด้านหลังอพาร์ตเมนต์ดังกล่าวเป็นป่าหญ้า พบศพนายสุรพันธ์ ชาวเรือหัก อายุ 43 ปี ใส่เสื้อสีฟ้าลายขาว กางเกงยีนส์ขายาว นอนหงาย ถูกตีด้วยท่อนไม้ยูคาลิปตัสยาวประมาณ 1 เมตร 50 เซนติเมตรที่บริเวณใบหน้า ดั้งจมูกหัก เลือดไหลนองเต็มหน้า ข้างตัวพบกระเป๋าสตางค์ของผู้ตายตกอยู่ ภายในกระเป๋าไม่มีเงินสดและเอกสารสำคัญ คาดว่าคนร้ายน่าจะเอาเงินไปทั้งหมด
จากการสอบสวนนางรัตนา แย้มนาค อายุ 57 ปี บ้านเลขที่ 79/1 หมู่ 3 เจ้าของบ้านและอพาร์ตเม้นต์ดังกล่าวให้การว่า ตนได้อาศัยอยู่บ้านที่ปลูกติดกับอพาร์ตเมนต์ ซึ่งเมื่อวาน (18 ก.ย.) ตนได้ออกไปทำธุระข้างนอกบ้านกลับมาประมาณตี 2 พบรถแท็กซี่คันดังกล่าวจอดดับเครื่องแต่เปิดไฟหน้า ประตูทั้ง 4 บานถูกปิด จอดอยู่ข้างอพาร์ตเมนต์ของตน จึงเดินเข้าไปดูพบว่าไฟมิเตอร์ค่าโดยสารยังติดอยู่ แต่ไม่พบโชเฟอร์แท็กซี่ จึงเข้าบ้านนอนตามปกติจนกระทั่งเมื่อช่วงเช้ามีผู้พบเห็นโชเฟอร์เสียชีวิตดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า จากร่องรอยการต่อสู้คนร้ายน่าจะมีแค่คนเดียว ส่วนสาเหตุคาดว่าคนร้ายคงจะฆ่าชิงทรัพย์ เพราะเงินในกระเป๋าสตางค์ถูกคนร้ายเอาไปจนหมดกระเป๋า หรือคนร้ายอาจจะไม่มีเงินจ่ายค่าแท็กซี่เลยมีปากเสียงกันจนทำให้ก่อเหตุในครั้งนี้ก็เป็นได้ เพราะดูจากเหตุการณ์คนร้ายไม่ได้เตรียมการมาก่อน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป